วันจันทร์, ตุลาคม 10, 2565

เสียงจากเด็กหญิงวัย 3 ขวบผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว จากเหตุฆาตกรรมหมู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก


เด็กหญิงแอมมี่ วัย 3 ขวบ ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยภาพนี้แม่ของเด็กเป็นผู้ถ่ายให้ และมอบให้บีบีซี

เสียงจากเด็กหญิงวัย 3 ขวบผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว จากเหตุฆาตกรรมหมู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

9 ตุลาคม 2022
ลอว์รา บิกเกอร์ และ สุชาดา โพธิสาท
บีบีซี

น้องแอมมี่ วัย 3 ขวบ นอนหลับสนิท ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู เด็กน้อยหลับลึกจนไม่รู้ตัวเลยว่า ชายคนหนึ่งได้บุกเข้ามา พร้อมอาวุธปืนและมีด หมายจะฆาตกรรมหมู่เธอและเพื่อน ๆ

ห้องที่เด็กหญิงแอมมี่หลับอยู่ มีเด็กอยู่ 11 คน อายุราว 3 ขวบ ไล่เลี่ยกับเธอ พวกเขาเล่นสนุก ขีดเขียน วาดรูป จนเหนื่อย ก่อนหลับพักผ่อนยามบ่าย ภาพที่อาจารย์โพสต์รูปเพื่อให้ผู้ปกครองดู เป็นภาพเด็ก ๆ ที่ยิ้มร่าเริง และเป็นสุข

สองชั่วโมงผ่านไป อดีตตำรวจ ส.ต.อ. ปัญญา คำราบ บุกเข้ามาในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ยิงครูผู้หญิงที่ตั้งท้องแก่ได้ 8 เดือน จนเสียชีวิต ก่อนบุกเข้ามาไล่ไปตามห้องเรียนทั้ง 3 ห้อง รวมถึงห้องที่น้องแอมมี่หลับอยู่

อดีตตำรวจฆาตกรรมหมู่เพื่อน ๆ ของแอมมี่ทั้งหมด ขณะเด็ก ๆ หลับอยู่ มีเพียงแอมมี่ที่รอดชีวิต

น้องแอมมี่รอดชีวิตมาได้อย่างไรนั้น ยังเป็นปริศนา เธอตื่นขึ้นมาในช่วงที่เจ้าหน้าที่ อบต. เข้ามาในห้อง หลังเสียงปืนสงบลง คุณตาวัย 59 ปีของแอมมี่เล่าว่า เด็กหญิงตัวน้อย ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่า เพื่อนรักที่นอนข้าง ๆ เสียชีวิตไปแล้ว

กราดยิงหนองบัวลำภู : “ฉันเจ็บปวดและโกรธ"
อดีตตำรวจกราดยิงศูนย์เด็กเล็ก สังหาร 36 ชีวิต
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ แถลงผิดหวัง CNN ฝ่าแนวกั้นทำข่าวกราดยิงในที่เกิดเหตุ

“เขาฟื้นขึ้นมาก็เรียกเพื่อน ๆ เขาก็นึกว่าเพื่อนหลับ ทั้ง ๆ ที่ตายหมดแล้ว” สมศักดิ์ ศรีทอง คุณตาของน้องแอมมี่ เล่ากับบีบีซี

“พี่ชิน เพื่อนเขาที่ตาย นอนอยู่ข้างกัน น้องก็เรียกพี่ชินกลับบ้านด้วย ตอนเอาเขากลับมา เขายังไม่รู้ว่าพี่ชินตายเลย ไม่รู้ว่าเพื่อนตาย”

จากปากคำของครอบครัว และเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ และแม้วันนี้ ครอบครัวจะอธิบายกับเด็กน้อยแล้วว่า เพื่อน ๆ และครูได้เสียชีวิตหมดแล้ว แต่ด้วยวัยยังไร้เดียงสา เด็กหญิงแอมมี่ ยังไม่เข้าใจถึงเรื่องของ “ความตาย” และยังเริงร่าตามปกติ

นี่คือเรื่องราวของเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว จากเหตุฆาตกรรมหมู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู ที่มีผู้เสียชีวิต 37 คน รวมภรรยาและลูกเลี้ยงของผู้ก่อเหตุที่ฆ่าตัวตาย และในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กเล็ก 24 คน

สิ้นเสียงปืน...มีเด็กคนหนึ่งรอดอยู่สุดห้อง

อังวรา ไชยสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ อบต.อุทัยสวรรค์ คือ ผู้พบเด็กหญิงแอมมี่ รอดชีวิตอยู่ในห้องเพียงคนเดียว เธอเล่าให้ไทยรัฐฟังว่า พอสิ้นเสียงปืนและคนร้ายหลบหนีไป เธอคิดว่าต้องมีคนหรือเด็กรอดชีวิตบ้าง จึงเข้าไปดูในห้องเรียน

“เข้าไปดูก็มองเห็นน้อง ๆ โดน (มีด) ฟัน แต่มีน้องคนหนึ่งอยู่สุดมุมห้อง น้องหันหลังให้ทุคน บนที่นอนของน้องไม่มีคราบเลือด” อังวรา เล่าย้อนเหตุการณ์

เธอจึงเรียกเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ว่ามีเด็กรอดชีวิต และจำเป็นต้องเดินข้ามศพเด็ก ๆ คนอื่นที่เสียชีวิต เพื่อเข้าไปอุ้มน้องแอมมี่ออกมา “พอเห็นว่ากำลังจะตื่น ก็รีบวิ่งไปอุ้ม” และพยายามปิดบังใบหน้าของเด็กหญิง เพื่อไม่ให้เห็นเลือด และเพื่อน ๆ ที่นอนเสียชีวิต


ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์

อังวรา และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ใช้ผ้าผูกตาน้องแอมมี่ แล้วพาขึ้นไปชั้นสองของศูนย์ เพื่อไม่ให้เด็กน้อยต้องเห็นภาพที่จะจำติดตาไปตลอดชีวิต เจ้าหน้าที่พยายามหาเด็กที่รอดชีวิตคนอื่น ๆ จากห้องเรียนอีก 2 ห้องที่เหลือ แต่ไม่พบใครอีกแล้วที่มีชีวิต

คุณตา คุณยาย เข่าอ่อน

“เขาโทรมาบอกตา บอกตาให้ไปรับหลาน แต่ตอนแรกตาไม่กล้าไป” สมศักดิ์ บอกกับบีบีซี ข้าง ๆ คุณตามีน้องแอมมี่นั่งอยู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย อย่างไม่รู้เดียงสา

พอเหตุการณ์สงบแน่แล้ว คุณตาและคุณยาย จึงเดินทางไปรับหลาน ในใจยังไม่เชื่อว่า หลานที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ เพราะพ่อและแม่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ จะยังมีชีวิตรอด

“ขาไม่มีเรี่ยวแรง ต้องคลานขึ้นไปหาหลานข้างบน” คุณยาย เล่า “ไม่รู้จะดีใจยังไงที่หลานเรารอดชีวิต”

ส่วนคุณตารับหลานจากเจ้าหน้าที่เข้ามาก่อน พลางรู้สึก “สลดใจ ประหลาดใจ ตกใจ” ขณะที่คุณยายเล่าต่อว่า ยังต้องนำผ้าผูกตาน้องแอมมี่ขณะพาออกมาจากศูนย์ เพราะ “กลัวจะติดตาน้อง เพราะเด็กน้อยไม่เคยเห็นเหตุการณ์ (แบบนี้)”

มารดาของน้องแอมมี่ นางพนมไพร ศรีทอง อายุ 35 ปี ยังคงทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ตอนที่ทราบข่าวโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น และยังไม่ปักใจเชื่อว่าลูกสาวรอดชีวิต จนได้โทรศัพท์คุยและได้ยินเสียงลูก

“ช็อคก่อน เพราะทีแรกรู้ว่าตายหมด แต่เราไม่รู้ว่าลูกเรารอด” พนมไพร บอกกับบีบีซี

“พอวิดีโอคอล เห็นลูกตัวเองที่เขากำลังอุ้มอยู่ ก็ชื่นใจว่า ลูกเรายังรอดอยู่”

การตัดสินใจที่ยากลำบากของครอบครัว

ชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่เปี่ยมไปด้วยความเศร้าสลดของครอบครัวผู้สูญเสียลูกหลานและบุคคลอันเป็นที่รัก แม้แต่เด็กหญิงผู้รอดชีวิตเอง เช้าวันต่อมาก็ยังแต่งตัว คะยั้นคะยออยากไปศูนย์ฯ เพื่อเล่นกับเพื่อน ๆ กลายเป็นความลำบากใจของครอบครัวที่ช่วงแรก ไม่อยากให้เด็กต้องรับทราบข่าวน่าสลด

“เขาตื่นมาจะไปโรงเรียนอย่างเดียวเลย แต่งตัวไปโรงเรียน บอกว่า ‘แต่งตัวให้หนูหน่อยทุกวัน’” สมศักดิ์ เล่า พร้อมบอกกับบีบีซีว่า น้องแอมมี่เป็นเด็กร่าเริง สมองดี พูดเก่ง และฉลาด

แม้ในช่วงที่บีบีซีกำลังคุยกับคุณตาและคุณยาย น้องแอมมี่นั่งเล่นกับตุ๊กตาเฮลโลคิตตี้ พลางร้องถามว่าเพื่อนรักของเธออยู่ไหน เพื่อนคนนั้นคือ น้องภัทราวุธ หรือน้องเตชิน วัย 3 ขวบ


น้องแอมมี่ยังไม่รู้เดียงสาพอจะเข้าใจเรื่องความตาย

คุณตาเล่าให้ฟังว่า แอมมี่และน้องเตชิน มักจะนอนเท้าติดกัน น้องแอมมี่ชอบไปศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมาก และเคยบอกว่าอยากโตไปเป็นเหมือนคุณครู

ท้ายสุด ครอบครัวตัดสินใจเล่าความจริงให้น้องแอมมี่เข้าใจว่า ทำไมเธอจะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ และครูอีกแล้ว

“น้องรู้แล้วนะว่าเพื่อนเขาเสีย แต่เราพยายามจะไม่ให้เด็กรู้เยอะ ปิดไว้ว่า จะให้ย้ายโรงเรียนไปเรียนกับพี่ชายเขา เพราะโรงเรียนนั้นปิดแล้ว ไม่รับเด็กแล้ว” พนมไพร ผู้เป็นแม่ ยอมรับ

แต่น้องแอมมี่ วัย 3 ขวบ ไม่เข้าใจเรื่องความตายมากพอจะเศร้าเสียใจ เมื่อรู้ว่าไปโรงเรียนไม่ได้แล้ว เธอก็เล่นกับพี่ชายที่บ้านแทน ด้านครอบครัวก็พาไปวัด ทำบุญกับพระอาจารย์ที่แม่เคยนำน้องแอมมี่ไปฝากไว้ แต่พยายามเลี่ยงไม่พาน้องแอมมี่ไปวัดที่กำลังจัดพิธีศพให้กับเพื่อน ๆ และมีกำหนดพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 11 ต.ค. นี้


พิธีสวดอภิธรรมจะมีถึงวันที่ 10 ต.ค. และพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 11 ต.ค.

ชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้ในภาคอีสาน พยายามปลอบประโลมจิตใจที่แตกสลายของญาติมิตรอย่างเต็มที่ แต่คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ คือ ทำไมต้องเป็นเด็กเล็ก ทำไมเป็นอดีตตำรวจแล้วยังครอบครองปืน และทำไมยาเสพติดหาได้ง่ายเช่นนี้

“พ่อแม่ก็ถามว่า ‘แล้วที่ปลอดภัยของเด็ก ๆ คือที่ไหน’ ผมเศร้ามาก หวังว่าทางการจะเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น” วีรชัย ศรีทอง น้าของน้องแอมมี่ กล่าวเชิงร้องขอ