วันจันทร์, สิงหาคม 01, 2565

#มื้อที่สุขที่สุด ยังไม่แผ่ว



Nithinand Yorsaengrat
July 29
ขอบ่นด้วยคนค่ะ ถ้าเป็นคนตัดสินงาน คือกลับไปแก้ใหม่ ไม่ผ่าน อยากยกยอทำได้โดยไม่ต้องประดิษฐ์ปลอมเกินจริงให้เป็นผลเสียมากกว่าผลดี บิดามารดาใครมีความสุขปานนั้นคะ น้ำท่วมจะมิดหลังคา ที่บังแดดบังฝนไม่มี ที่นอนไม่มี ส้วมไม่มี ยาไม่มี เพื่อนบ้านไม่มี หัวเราะร่าตกปลาหน้าตาผ่องแผ้ว มีเวลาประดิษฐ์ประดอยโต๊ะอาหารสวยงามบนหลังคาเพราะได้ถุงยังชีพ ส่วนไอ้พวกยากจนคนอื่นในหนังที่แสนดีใจได้ผ้าห่ม พวกเจ้าจงรอผ้าห่มปีต่อๆ ไปนะ จงอยู่ในสภาพต่ำต้อยคอยแบมือรอรับของแจกไปตลอดชีวิตแล้วสำนึกบุญคุณคนแจก.....ช่างเป็นแนวทางพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนมาก ยกย่องคุณค่าของมนุษย์มาก...เวรกรรม ล้าสมัย เชยตกยุคสุดๆ


สมชาย แซ่จิว
July 29
ตอนดูโฆษณาของ
สิงห์คอรเปอเรชั่นชิ้นนี้ในทีวี
ก็ถึงกับสตั๊นท์ไปเจ็ดวิ.
แล้วก็ให้อยากรู้เป็นกำลังว่า
เอเยนซี่โฆษณาไหนทำ
ใครเป็นครีเอทีฟ
ใครเป็นผู้กำกับ
ทั้งตรรกะ ทั้งวิธีคิด
ทั้งการนำเสนอ
มันผิดเพี้ยนไปหมด
เข้าใจว่าต้องการสื่อถึง
ความเมตตา แต่ที่ทำออกมา
กลับดูแย่
ถุงพระราชทาน
ไม่ใช่ทุกอย่างของการแก้ปัญหา
หน่วยงานรัฐ หรือผู้รับผิดชอบ
ต้องพยายาม
ให้ดีที่สุด ที่จะไม่ให้เกิด
ภัยพิบัติ
แต่เมื่อภัยพิบัติเกิดแล้ว
ก็ต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นำคนออกจากพื้นที่ประสบภัย
ให้เร็วที่สุด
นี่หนังเปิดมาที่ พ่อลูก ติดน้ำบนหลังคาบ้าน
พ่อต้องตกปลากิน จนมีถุงฯมาช่วย
แล้วพ่อลูกก็นั่งกินข้าวกันบนหลังคาบ้าน
ท่ามกลางน้ำท่วมสูง
แล้วบอกว่า
“มื้อที่สุขที่สุด”
คัมม่อนนนนนน
สมง สมอง
นั่งกินต่อ รอฝนตกอีกระลอกเหรอจ๊ะ
นี่แค่ ฉากแรกในหนัง
ยังมีความไม่เข้าท่าอีกเยอะตลอดเรื่อง