คอการเมือง ‘ริงไซ้ด์’ บางคนแทงโต๊ดไว้แล้ว ประยุทธ์ไปต่อไม่ไหว ไม่ว่าจะพยายามงัดเล่ห์เพทุบายอะไรออกมาใช้ ‘เฟค’ โพลกรรณิการ์ก็แล้ว บัตรสองใบหาร ๕๐๐ สำหรับกวาดเก็บพวกปลาซิวกินกล้วย ก็เห็นท่าจะไปไม่รอดอีก
ตอนนี้ก็รอ กกต.จะว่าอย่างไร หลังจากทีมีเสียงร้องว่า ส.ส.รัฐบาลเปลี่ยนมติกรรมาธิการในวาระสอง อาจขัดรัฐธรรมนูญ หลายเสียงเชื่อว่าท้ายที่สุดจะต้องกลับไปสูตรเดิมที่ ครม.เคยเสนอมา คือให้คำนวณจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ด้วยการหาร ๑๐๐
แล้วที่มีการแยงๆ ว่าจะกลับไปที่บัตรเลือกตั้งใบเดียว ก็เป็นไปไม่ได้ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่งละ บอกว่าอย่าหวัง ด้านนิกร จำนง ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ให้เวลา กกต. ๑๐ วันเดี๋ยวตอบมาแน่
ตานี้มาดูความได้เปรียบเสียเปรียบสูตรไหนกันหน่อยก่อน Peter Lamz ที่ คณะก้าวไกล โพสต์ไว้หลายวันแล้ว “สมมติหาร ๕๐๐ บัตร ๒ ใบ เพื่อไทยจะได้ ๒๑๕ ก้าวไกล ๘๐ เสรีรวมไทย ๕๓ ประชาชาติ ๑๕” รวมจำนวน ส.ส.พึงได้ฟากประชาธิปไตย ๓๖๓ เสียง
แต่ถ้าบัตรสองใบแล้วหาร ๑๐๐ “เพื่อไทย ๒๕๕ ก้าวไกล ๕๕ เสรีรวมไทย ๓๑ ประชาชาติ ๙” รวม ๓๕๐ ยิ่งกลับไปบัตรใบเดียวฟากประชาธิปไตยไปโลด จะได้ ๔๑๖ เสียง คือ “เพื้อไทย ๒๐๕ ก้าวไกล ๑๒๕ เสรีรวมไทย ๖๘ ประชาชาติ ๑๘”
ขนาด นพดล ปัทมะ @NoppadonPattama ยังบอกว่า “แนวคิดแก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรใบเดียวนั้นคิดได้ แต่ทำยาก...ก็จะได้แต่โยนหินถามทางเท่านั้น” ดังนั้นแม้แต่ สว. ‘เสธ.อู้’ เลิศรัตน์ รัตนวานิช ยังเชื่อว่าสูตรหาร ๕๐๐ ล่มแน่
สรุปว่าถ้าไม่กลับไปหาร ๑๐๐ ก็เจอพรรคเพื่อไทยร้องศาลรัฐธรรมนูญตีความกันอีก หนังสือพิมพ์มติชนก้เลยพาดหัวฟันธงไว้ล่วงหน้าว่า “กกต.วีโต้หาร ๕๐๐” แหงแก๋ อนาคตอันใกล้พรรคหนุนประยุทธ์ ซึ่งตอนนี้เหลือแค่เศษเสี้ยวในพลังประชารัฐถูกแยกธาตุแน่
การดึงดันจะขี่ตำแหน่งนายกฯ ไปถึงปลายอุโมงก์ของประยุทธ์จึงวังเวง ซ้ำวานนี้กระบวนการขับประยุทธ์ออกจากตำแหน่งเพราะอยู่มานานครบขีดจำกัด ๘ ปีเริ่มแล้ว โดยกลุ่ม ‘ปัญญาชนและพลเมืองไทย ๙๙ คน’ ในเครือข่ายรณรงค์ประชาธิปไตย (ครป.)
มีการตั้งโต๊ะแถลงที่อนุสรณ์สถาน ๑๔ ตุลา จี้ให้ประยุทธ์ลาออกเสียก่อนจะครบกำหนด ๘ ปี ในวันที่ ๒๔ สิงหาคมนี้ อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๘ ระบุไว้จะแจ้ง ไม่ให้นายกฯ อยู่เกินแปดปี ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งต่อเนื่องหรือมีช่วงขาดตอน
การนี้ Atukkit Sawangsuk ไปไล่นับดูรายชื่อผู้ลงนาม ๙๙ คน บอกว่า “เป็นพันธมิตรฯ ราว ๖๖ คน” เขาว่านี่ละ ‘ความเปลี่ยนแปลง’ “๒ ใน ๓ เป็นคนที่เคยไล่ทักษิณ ถึงวันนี้ก็น่าจะยังไม่เอาทักษิณ และบอกไม่ได้ว่าเปลี่ยนความคิดแล้วหรือยัง
แต่ที่เปลี่ยนแน่ๆ คือเห็นพ้องกันว่า ‘ตู่’ ออกไป” อธึกกิตอีกแหละที่ ‘ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว’ เขาพาดถึงหัวข้อ ‘แทงสวน’ เพราะ ‘ไม่เชื่อ’ แลนด์สไล้ด์” สะท้อนอารมณ์จากอุบัติการณ์ “สัญลักษณ์การเมืองอุปถัมภ์หวนกลับ...(เมื่อ)
พรรคหนูห้อยเปิดเวทีพิจิตร ชิดชอบกรุณารับขจรประศาสน์ภัทรประสิทธิ์ซบตัก...รัฐราชการ นักการเมืองบ้านใหญ่จับมือกัน ใช้อำนาจงบประมาณ อาวุธกระสุนดินดำ เครือข่ายอุปถัมภ์ช่วยเหลือต่างๆ ทำลายการเมืองนโยบายแบบไทยรักไทย”
แล้วยัง “เหตุเกิดที่ศรีสะเกษ ๓ ส.ส.งูเห่า” เพื่อไทย ล้วน “ผู้สมัคร (นักการเมือง) เกรด A A+” ที่ “แล้วพรรคเพื่อไทยได้ใครมาแทนที่ศรีสะเกษ อดีต ส.ส.ปีมะโว้ที่ย้ายข้ามไปข้ามมาหลายพรรค สอบตกหลายครั้ง ไม่ต้องเป็นเซียนการเมืองก็รู้ว่าสู้ไม่ได้”
รวมความว่าเลือกตั้งครั้งที่จะมา “จะสกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์ ใช้อำนาจกลโกงเงินเป็นฟ่อนปลิวว่อน” ทำให้เพื่อไทยมี “ข้อจำกัดมัดมือตีน” จะ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หรือ ‘เศรษฐา’ ดูเหมือนจะปลุกไม่ขึ้น พวกขาโจ๋เชิดชูแม้วได้แต่ลุ้นๆ ‘ชัชชาติ’ เหรอ
เขาลงท้าย “แค่อยากบอกว่าอย่ามัวแต่หวังแลนด์สไลด์...แล้วก็มึนชาการเคลื่อนไหวอื่นๆ ขณะที่รัฐบาลมันอาศัยช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ เอาเปรียบและทำลายทุกอย่าง”
(https://www.facebook.com/baitongpost/posts/pfbid02dR17, https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_584954 และ https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/pfbid02fjLB)