กลับมาอีก สลายชุมนุมเหี้ย มจนได้ ตำรวจยิงใส่ผู้ชุมนุมระยะกระชั้นชิด กระสุนเข้าร่างสามราย เจ็บหนักสอง คนหนึ่งโดนที่หน้าอกบริเวณลิ้นปี่ อีกคนที่ไหปลาร้า ต้องเร่งหามส่งโรงพยาบาล เคราะห์ดีขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้วทั้งคู่
อำมหิตกว่าครั้งใด คราวนี้ “ผู้เห็นเหตุการณ์” อย่างน้อยๆ ๒ รายรายงานตรงกันว่า “เมื่อ จนท.ยิงเสร็จก็พูดว่า ไปฟ้องเอาละกัน” นั่นบอกกับคนที่ถูกยิงเข้าไหปลาร้า ส่วนรายที่กระสุนเข้าลิ้นปี่เสียเลือดมาก “ใส่ท่อเดรนระบายเลือด/ลมเข้าไปในปอดแล้ว”
หมอทศพร เสรีรักษ์ @TSererak เผยทางทวิตเตอร์เช่นเดียวกับ ส.ส. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล@AmaratJeab “ยังไม่แน่ชัดว่ากระสุนยางหรือกระสุนจริง” แต่มีคนเอาภาพตำรวจชุดกากีมีปืนพกข้างเอว มาตั้งข้อสังเกตุว่าอาจไม่ใช่ปืน Taser ยิงสายประจุไฟฟ้า
กรณีนั้นมาจากการสลายชุมนุมที่ดินแดงครั้งก่อนๆ ที่โฆษกตำรวจแก้ต่างไปแล้วว่า บางครั้งใช้ตำรวจปกติเพื่อรักษาความสงบ ตำรวจเหล่านั้นพกอาวุธปืนประจำกายอยู่แล้ว แต่ในภาพที่ถูกตั้งข้อสงสัย ปืนพกที่เอวคล้าย ‘เทสเซอร์กัน’ แต่อาจไม่ใช่
Pravit Rojanaphruk พาดพิงภาพที่ถ่ายโดย Noppakow Kongsuwan ผู้สื่อข่าวอิสระ ว่า “มีคนบอก...น่าจะเป็น ‘กล็อก’ GLOCK 19 ขนาด ๙ มม. บรรจุ ๑๕ นัด” มากกว่าเป็นเทสเซอร์ซึ่งมีประจุไฟฟ้า ๕ หมื่นโว้ลต์ ยิงได้ไกล ๑๕ เมตร โดนเข้าถ้าไม่ ‘ชัก’ จนขยับตัวไม่ได้ ก็อาจ ‘ล้มทั้งยืน’
เหตุการณ์สลายอันแสนเลวครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างผู้ชุมนุมเคลื่อนย้าย จากแยกปทุมวันไปยังสถานทูตเยอรมนี กำลังตำรวจชุดดำพร้อมโล่ห์และปืนยาวออกมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแถวกั้นไม่ให้ผ่าน “ตอนหลังตั้งแนวรั้วเหล็ก พร้อมกับตำรวจชุดสีกากีเป็นด่านหน้า”
ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งเดินเข้าหา “แถวตำรวจค่อยๆ ล่าถอย และระหว่างที่ คฝ. กำลังจะถอยเข้าไปในประตูของสถาบันนิติเวช มีคนพยามจะวิ่งเข้าไปปะทะ จึงมีการยิงออกมา” นี่เองเป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมถูกยิงบาดเจ็บ ๒ คน ทำให้การเดินทางของผู้ชุมนุมล่าช้า
แต่ว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตสองคนได้ออกมายืนรอรับหนังสืออย่างอดทน จนขบวนของผู้ชุมนุมไปถึง ท่ามกลางกำลังตำรวจชุดสีกากีไปตั้งแนวปิดกั้นเต็มบริเวณหน้าประตูสถานทูต “ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุม ๓ คน เข้ายื่นหนังสือ ก่อนประกาศยุติการชุมนุม
สำนักข่าว Thai PBS รายงานว่า “มีการบอกกับสถานทูต (สดๆ) ว่าผู้ชุมนุมถูกยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าโรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างทางเคลื่อนขบวนมายังหน้าสถานทูต” นอกเหนือจากยื่นหนังสือและแจ้งเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีต่างๆ
“เราได้แจ้งสถานทูตไปแล้วว่า วันที่มีรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน หรือ UPR ออกมา ก็มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ส่งเรื่องต่อไป เพราะไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับประเทศที่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตย” ตัวแทนกลุ่มศาลายาบอกผู้สื่อข่าว
เดิมทีมีการนัดหมายชุมนุมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วจะเคลื่อนขบวนต่อไปยังท้องสนามหลวง ครั้นรัฐบาลจัดนำตู้คอนเทนเนอร์กั้นเส้นทาง ปิดบังวังหลวงมิดหมด และวางกำลังปิดทางเข้าสนามหลวงทุกด้าน กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมผู้จัดจึง ‘แกง’ ทันควัน
เมื่อย้ายไปที่แยกปทุมวัน ผู้ร่วมชุมนุมยังคงเนืองแน่น จนฝ่ายตำรวจแสดงปฏิกิริยาด้วยความรุนแรง และยะโสโอหัง การใช้คำ “ไปฟ้องเอาละกัน” เมื่อยิงใส่ผู้ชุมนุมบาดเจ็บ แสดงถึงความไม่ใยดีต่อหลักการนิติรัฐ และมาตรการควบคุมฝูงชนที่เป็นธรรม
ท่าทีข่มขู่คุกคามเกิดขึ้นในหมู่ผู้สนับสนุนการใช้อำนาจปกครองอย่างเผด็จการด้วยเช่นกัน ก่อนวันชุมนุม #ม็อบ14พฤศจิกา64 มีการประกาศผ่านสื่อสังคม โดยผู้ใช้นาม วสัน ทองมณโฑ และ คนอื่นๆ อีก ๓ คน ว่า “รับสมัครหน่วยจู่โจม
มาเป็นสมาชิกกลุ่มนักรบเลือด สีน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์ ด่วนๆ ๆ ขอแค่ ๕๐ คน ใจถึงๆ พึ่งได้รับหมด ๑๔ นี้เจอกัน” จะเป็นด้วยนี่หรือเปล่าทำให้ตำรวจฮึกเหิมยิงใส่ฝูงชน รูปการณ์ปลุกปั่นอีหรอบเดียวกับเมื่อครั้งเกิดเหตุ ๖ ตุลา ๑๙
(https://www.facebook.com/politics991/posts/446763886932089 และhttps://www.mobdatathailand.org/case-file/1636893445475)