บอกแล้วไง ไปเมืองนอกเที่ยวนี้ ‘ฉาบแสง’ ได้รูปส่งกลับมาให้ช่วยกันฉายเงา พร้อมด้วยราคาคุย “เป็นนายกฯ ที่อาวุโส” เพราะอยู่มาหลายปีพอควร “พบปะพูดคุยกับผู้นำ...เป็นสิบประเทศนะ บอกเจอกันอีกแล้ว” มีคนจ้องคลิปเปิดวอลลุ่มเสียงเสียดัง ยังฟังไม่รู้เรื่อง
ต้องให้รองโฆษกรัฐบาล (รัชดา ธนาดิเรก) กับแม่กองประชาสัมพันธ์ (วาสนา นาน่วม) ช่วยกันอธิบาย ได้ความว่าระหว่างงานเลี้ยงรับรอง นายกฯ สว.ชวนคนนั้นคนนี้ รวมทั้งประธานาธิบดี โจ ไบเด็น ของสหรัฐ “ไปประชุม APEC ที่ไทยปีหน้า”
นอกนั้นไม่มีอะไรมากกว่าเรื่องของตัว (เพราะพูดไทยเกือบตลอดรายการ) “ส่งสัญญาณข้ามขอบฟ้ามาไทย ยันจะกลับมาสู้ต่อ” Deep Blue Sea เธอว่า “นายกฯ มีกำลังใจ สู้ต่อ ไม่ว่าจะมีอะไรมาทั้งสิ้น...อุปสรรคมีไว้แก้ไขและเป็นกำลังใจให้ก้าวข้าม
แล้วมันจะทำให้เราเกิด ปัญญา” ว้าว ได้แสงกล้าสโกว์ไม่กี่วัน ปัญญาเกิด แม้นว่า จะไม่ได้แคะขี้มูกเหมือนครั้งโน้น แต่ก็ยังเดินหลงเวทีเหมือนอีกครั้งนั้น ตอนที่ บอริส จอห์นสัน นายกฯ อังกฤษ เรียกขึ้นไปแสดงตัวบนเวที ทีละคน
ยืนเจี๋ยมเจี้ยม แม้จะไม่เก้ๆ กังๆ เหมือนครั้งก่อน พอตอนขาลงดันออกเดินสวนจะไปลงทางเก่า เจ้าภาพต้องสะกิดไหล่ เฮ้ ไปทางโน้นนั่นละ พวกผู้นำต่างชาติคงยิ้มกริ่ม วุ้ย ผู้อาวุโสจากไทย น่าร้าก ไม่ยักเหี้ย มเหมือนตอนอยู่บ้าน
นี่ขนาดไม่อยู่ พวกหมาต๋าลิ่วล้อยังคำรามกันไม่หยุด หลังจากมีกระสุนจริงว่อนพื้นที่ชุมนุมดินแดง เด็กอายุ ๑๕ ปีเพิ่งเสียชีวิต พอนักข่าวถามทำไมเดี๋ยวนี้มีตำรวจพกอาวุธปืนเข้าไปควบคุมในบริเวณฝูงชน รองโฆษกฯ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ตอบว่า
“เดี๋ยวนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป มีการก่อเหตุความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ กองบัญชาการมีการปรับเปลี่ยนยุทธการ เอาเจ้าหน้าที่ตำรวจปกติที่ใส่เครื่องแบบมาทำหน้าที่ เครื่องแบบสีกากีปกติก็มีอาวุธ (ปืน) พกตามปกติ”
ถ้าเช่นนั้น เลยมีคนถาม (znaja@znaja2) คอมเม้นต์ใต้ข่าวว่า ถ้างั้น “แก้กฏหมาย ให้ประชาชน พกปืน ป้องกันตัวเองได้ น่าจะดีนะครับ” แต่เรื่องอย่างนี้ ประยุทธ์ไม่ได้ยินได้ฟังหรอก แม้กระทั่งมาตรการเปิดประเทศตั้งแต่เมื่อวาน
สำหรับ กทม.ให้ร้านอาหารจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล แต่ลูกค้าไม่สามารถดื่มได้หลังสามทุ่ม การนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ แนะทางปฏิบัติง่ายๆ ใครที่กำลังดื่มอยู่ พอสามทุ่มก็กระดกให้หมด หรือเททิ้งไป ไม่เช่นนั้นปิดฝาขวดเอากลับบ้าน
รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นพ.เรวัต วิศรุตเวช บอกผู้ว่าฯ พูดอย่างนั้น “แสดงความโง่เขลา” เพราะไม่สามารถปฏิบัติได้ “แก้วที่ใส่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจเปลี่ยนเป็นแก้วกาแฟ หรือแก้วชนิดอื่นที่อำพรางเครื่องดื่ม” เมื่อถึงเวลาสามทุ่ม
แล้วยัง “เป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ทำมาหากินในการเข้าไปตรวจจับหรือไม่” อันนี้จริง มันเป็นอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไร ร้านที่ไม่สามารถจำหน่ายของเมา มักจะเสิร์ฟเหล้าในกาน้ำชา หมอเรวัตจึงชี้ว่า “จะควบคุมการแพร่ระบาดได้คือการเร่งฉีดวัคซีน” นั่นละ
แล้วยังเป็นที่รู้เช่นเห็นแจ้งกัน วันที่สองของการเปิดประเทศ ซึ่งประยุทธ์ว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ตั้งแต่เมื่อวานมีเที่ยวบินเข้าประเทศระหว่าง ๔๐ ถึง ๖๐ เที่ยวบิน ขึ้นอยู่กับใครอ่านข่าวสำนักไหน จำนวนผู้เดินทางราวเกือบ ๒,๕๐๐ คน
แต่สถิติผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ (๒ พฤศจิกา) ยังละแวกเดิม คือ ๗,๕๗๔ ราย ตายอีก ๗๘ คน (เมื่อวาน ติดเชื้อเพิ่ม ๘,๑๖๕ ราย ตาย ๕๕ ราย) อย่างน้อยๆ แสดงว่าการฉีดวัคซีนที่ผ่านมาแรมเดือน คุยว่าจะฉีดได้วันละเป็นล้านโด๊สนั่นโกหก
ปัญหาหลักอยู่ที่รัฐบาลไม่ได้จริงใจที่จะระดมฉีดวัคซีนให้ประชากรมากที่สุด (๕๐ ล้านคน หรือ ๗๐%) ดังอ้าง แต่นโยบายการนำเข้าวัคซีนขึ้นอยู่กับองค์กรรัฐและกึ่งรัฐ (ทำตนเป็นเอกชนแต่แอบกินงบประมาณของประเทศ) จะกำหนดตามความ ‘สบายใจ’
ดูตัวอย่างได้จากกรณีประเทศโปแลนด์บริจาควัคซีนโมเดอร์น่าให้โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ๓ ล้านโด๊สเซส แต่กลับถูกกระทรวงต่างประเทศทักท้วงขัดขวาง ท้ายที่สุด วันนี้ รพ.ธรรมศาสตร์ ต้อง “หยุด เดินต่อไม่ได้” ยุติการส่งมอบไปจนกว่าจะหาทางอื่นได้
นี่แหละ ความจันทร์อะไรของรัฐบาลประยุทธ์ ซึ่งอยู่มานานเกินกว่าประชากรจะรับไหว
(https://www.matichon.co.th/politics/news_3022235, https://twitter.com/KhaosodOnline/status/1454758420934893569 และ https://matichon.co.th/news-monitor/news_3021814…)