ผศ.ดร.วีระ หวังสัจจะโชค
คณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร
‘อุ๊งอิ๊ง’ ไมเนอร์เชนจ์เพื่อไทย ‘อาวุธใหม่’ สู้ศึกเลือกตั้ง ?
ที่มา มติชนออนไลน์
จากการเปลี่ยนแปลงของพรรคเพื่อไทยถือเป็นหมุดหมายที่บอกว่า พร้อมจะลุยจริงๆ เวลาเราทำความเข้าใจพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ในช่วงการเลือกตั้งปี 2562 กระแสหลายครั้ง จะพบว่าพรรคเพื่อไทยเหมือนไม่ได้มีพลังที่จะออกมาสู้ มีลักษณะของการหมอบ ยอมอีกฝ่าย ไม่ได้มีลักษณะเปิดเกมสู้เหมือนสมัยปี 2554 ที่ส่งคุณยิ่งลักษณ์มา ซึ่งตอนนั้นจำได้ว่า เพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เลือดข้นกว่าน้องสาว คือลูกสาว ส่งคุณอุ๊งอิ๊งมา มีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ก็มีสัญญาณบางอย่างเช่นกัน แต่การเอาคุณอุ๊งอิ๊งเข้ามา คืออาวุธใหม่ทางการเมือง ของพรรคเพื่อไทย
จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เห็นอะไร
1.ในเชิงรูปแบบ นี่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยที่มานั่งประชุมกัน แล้วเอากรรมการบริหารพรรคมานั่งฟังบนโต๊ะยาวๆ แต่นี่คือการประชุมที่มีลักษณะเอาแนวทางแบบ TED Talks มาใช้ การพูดโดยไม่มีโพเดียม หรือมีแค่บางคน มีการทำเวทีให้รู้สึกถึงความโมเดิร์น สมัยใหม่มากยิ่งขึ้น
ในเชิงรูปแบบ เราจะพบว่านี่คือความพยายามที่จะ “เปลี่ยน” ของพรรคเพื่อไทย มุ่งไปหากลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยไม่ทิ้งกลุ่มเป้าหมายเดิม เช่น การจัดการประชุมที่ จ.ขอนแก่น สะท้อนภาพว่าให้ความสำคัญกับภูมิภาค แต่รูปแบบการจัดงาน สะท้อนว่า นี่คือพรรคเพื่อไทยที่พร้อมจะเดินไปกับคนรุ่นใหม่ ในที่นี้คืออนาคต
คือสิ่งที่เพื่อไทยพยายามจะขาย ซึ่งขายพร้อมกับในทวิตเตอร์เช่นกัน ผ่านแฮชแท็ก #พรุ่งนี้เพื่อไทย คือรูปแบบและภาพ ที่พยายามจะฉายออกไปว่า นี่คืออนาคต ซึ่งแตกต่างจากพลังประชารัฐ ที่ประชุมพรรคเหมือนกัน แต่เราจะเห็นบรรยากาศที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
2.ในเชิงเนื้อหา เราพบว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้นำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นประชานิยมอย่างเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้เวลานึกถึงเพื่อไทย จะนึกถึงนโยบายลด แลก แจก แถม
แต่ครั้งนี้เราเห็นสิ่งที่แปลกใหม่กว่าเดิม เราเห็นการชูนโยบายเรื่อง “สิทธิเสรีภาพ” ของกลุ่มเฉพาะ อย่าง LGBT ซึ่งก่อนหน้านี้การพูดถึงประเด็นเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในเพื่อไทย แต่เป็นอเจนด้าของพรรคอื่น อย่างอนาคตใหม่
นอกจากนี้ มีพูดถึงเรื่องของโสเภณีถูกกฎหมาย หยิบยกเรื่องการศึกษาตลอดชีวิต โดยเอาหน่วยกิตไปอยู่ในคลาวด์ (Cloud) พบว่า มีการขายไอเดียใหม่ๆ ซึ่งลักษณะดังกล่าว ต้องยอมรับว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ชาวบ้าน
ถ้าพูดถึงฐานเสียง ชาวบ้านธรรมดา หาเช้ากินค่ำ เขาต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุน ก็ย่อมอยากรู้ว่าพรรคมีนโยบาบอะไรให้บ้าง แต่การชูอเจนด้าใหม่ๆ อย่างเรื่องสิทธิ กลุ่มเฉพาะ และการศึกษา นี่คือการพยายามที่จะขยายฐานชนชั้นกลางด้วย
ด้วยเหตุนี้ ในเชิงคอนเทนต์ หลังจากเปิดตัวเมื่อวาน (วันที่ 28 ต.ค.) แทบจะไม่มีการพูดถึงนโยบายประชานิยม อย่างจำนำข้าว ราคาสินค้าเกษตร ไม่ได้พูดถึงการให้เงินสนับสนุนเหมือนเดิม แต่พูดถึงการพัฒนาเทคโนโลยี มีอะไรใหม่ๆ ในเชิงเนื้อหาคือส่วนที่สำคัญมาก
เป้าที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ พยายามจะชูว่าเป็นทางเลือกเดียว ในการต่อสู้กับฝ่ายพลังประชารัฐ เพราะเพื่อไทยได้เอาอเจนด้าของอนาคตใหม่มาใช้ ซึ่งต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา ถามว่าก๊อบปี้หรือไม่ ก็ไม่ เพราะอเจนด้าเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในสังคมอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้อนาคตใหม่หยิบมาใช้ ครั้งนี้เพื่อไทยหยิบมาใช้บ้าง และเรื่องการขายคนรุ่นใหม่ ทั้งการเอาคุณอุ๊งอิ๊งมารวมถึงกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่เป็นคนค่อนข้างเปิดกว้างมากขึ้น เราจะเห็นได้ว่าเป็นการพยายามกลบภาพของพรรคอื่นๆ รวมถึงพรรคไทยสร้างไทยด้วย
ถ้าเทียบพรรคเพื่อไทยกับตลาดหุ้น ตอนนี้คือหุ้นขึ้นเป็นสีเขียวหมด แย่งตลาดคนอื่นมาหมด ซึ่งก็มีความจริงบางส่วน เพราะเมื่อเช้าผมเช็กข่าว แทบทุกสำนักพูดถึงพรรคเพื่อไทยค่อนข้างในทางบวก จุดนี้ทำให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้อาจดูเหมือนเพื่อสู้กับพลังประชารัฐ หรือพรรคอื่นๆ แต่แท้จริงแล้ว นี่คือการพยายามรวมกลุ่มย่อยๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ของฝั่งประชาธิปไตยว่าพร้อมจะกลับมารวมกัน หรือเราเป็นทางเลือกเดียวที่จะพร้อมสู้กับอีกฝั่งหนึ่งได้
ในส่วนของการเปิดตัวคุณอุ๊งอิ๊ง ส่วนตัวไม่ค่อยเซอร์ไพรส์เท่าไหร่ ถ้าตามการเมืองมาสักระยะจะทราบว่า เพื่อไทยกับตระกูลชินวัตร มีความใกล้ชิดกัน และหลายครั้งคุณโทนี่ (ทักษิณ ชินวัตร) พูดชัดเจนว่า เขาจะกลับมาให้ได้ ไม่ใช่ลักษณะออกไปนอกประเทศแล้วทำให้เรื่องเงียบ แต่พยายามจะสู้เพื่อกลับเข้ามาเสมอ อย่างไรก็ดี คุณทักษิณมีลักษณะคล้าย พล.อ.ประยุทธ์อยู่อย่างหนึ่ง คือความไม่ไว้วางใจคนที่ตัวเองไม่ใกล้ชิด หรือคนที่ไม่ใช่สายเลือดตัวเอง สูงพอๆ กัน
เพื่อไทยยังไม่เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ เพราะยังเลือกคนที่เขาไว้ใจไม่ได้ ทั้งที่มีหลายชื่อโยนมาแล้ว แสดงว่าการส่งลูกมาครั้งนี้เพื่อเป็นการพูดในเชิงที่ว่าพรรคเพื่อไทยก็ยังผูกกับทักษิณซึ่งไม่เซอร์ไพรส์
แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์จริงๆ คือการส่งลูกสาวคนเล็กออกมามากกว่า คุณอุ๊งอิ๊งอายุ 35 ปีพอดี ทำให้คนเอาไปคิดได้ว่า อ๋อ! อายุ 35 ตรงกับเงื่อนไขขั้นต่ำในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ พอดี แบบนี้จะเอาคุณอุ๊งอิ๊งเป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วยหรือไม่
เหมือนเป็นสัญญาณบางอย่าง ผมคาดการณ์ว่านี่น่าจะเป็นเฮือกสุดท้ายของคุณทักษิณ เพราะตอนนี้อายุ 70 กว่าปีแล้ว และการส่งลูกสาวคนเล็กลงมาในสนามการเมือง แม้ว่าคุณอุ๊งอิ๊งจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่นักการเมือง มาเป็นที่ปรึกษา แต่นี่คืออาวุธทางการเมืองที่สำคัญมาก
หลังจากนี้ คุณทักษิณต้องประเมินแล้วว่าส่งลูกลงมาตรงนี้ จะโดนสังคมโจมตีจากทุกฝ่ายแน่นอน เรื่องเก่าๆ ในอดีต ตั้งแต่สมัยเอ็นทรานซ์ เรื่องคะแนนสอบ หรือเรื่องอื่นๆ ก็จะถูกเอามาใช้โจมตีทางการเมือง ซึ่งคนที่เข้าการเมืองคงจะปฏิเสธไม่ได้ การส่งลูกสาวน่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้าย ตอนนี้ไม่น่าจะเหลือใครให้พอไว้ใจส่งมาอีกแล้ว เพราะภรรยาก็ไม่เล่น น้องสาวส่งมาแล้ว พี่เขยส่งมาแล้ว น่าจะหมดหน้าตักคนที่ไว้ใจ หลังจากนี้คงจะเป็นคนที่ไม่ใช่สายเลือด ซึ่งก็อยู่รายรอบพรรคเพื่อไทย
สู้สุดแรงอีกครั้งเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง ถ้ากระแสมาอย่างนี้ ผมเห็นว่าปีหน้าถ้าแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ คงจะได้เห็นการยุบสภา และเลือกตั้งอย่างแน่นอน
...
Atukkit Sawangsuk
Yesterday at 11:56 AM ·
เพื่อไทย-ก้าวไกล (2)
......................................
เอามาจากมติชนสัมภาษณ์หลายคน แต่ชอบของ ผศ.ดร.วีระ หวังสัจจะโชค คณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร บรรยายภาพได้ชัดเจนว่าเพื่อไทยต้องการช่วงชิงคนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ ในเชิงนโยบาย ชูอเจนด้าใหม่ๆ (เอาอเจนด้าของอนาคตใหม่มาใช้แต่ไม่ผิดอะไรเพราะเป็นอเจนด้าในสังคมอยู่แล้ว)
https://www.matichon.co.th/.../politics-in.../news_3016652
......................................
ก้าวไกลต้องกลัวเพื่อไทยแย่งคนชั้นกลางคนรุ่นใหม่ไหม
ควรจะพูดอย่าง อ.ปิยบุตร
"การปรับตัวของเพื่อไทยครั้งนี้เป็นผลดีกับการเมืองภาพใหญ่และขบวนต่อสู้เผด็จการ ผมเคยพูดไว้ตอนเริ่มตั้งอนาคตใหม่ว่านอกจากสร้างทางเลือกใหม่แล้ว ก็อยากเป็นปัจจัยหนึ่งในการเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมือง การปรับตัวของทุกพรรคการเมืองทำให้การเมืองไทยดีขึ้น"
:
มิตรสหายติ่งส้มจำนวนมากก็คล้ายกัน คือชื่นชมนะครับ ปรบมือสนั่น
แต่ยังไงกรูก็เลือกก้าวไกล ไม่ได้ทำให้เปลี่ยนใจ
เพราะยังมีอะไรตั้งหลายอย่างที่แตกต่าง
:
พูดอย่างกำปั้นทุบดิน ยังไงๆ อุ๊งอิ๊งก็ไม่สามารถประกาศแก้ 112 ปฏิรูปสถาบัน
พูดกลับกันคือ ทุกคะแนนของก้าวไกลจะประกาศพลังที่ต้องการเปลี่ยนประเทศถึงโครงสร้าง (โดยเฉพาะปาร์ตี้ลิสต์)
ถ้าได้น้อย ขบวนคนรุ่นใหม่ก็จบ ต่อให้เพื่อไทยชนะ การเปลี่ยนแปลงก็ถูกกลืนหาย
ถ้าได้มาก คือแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
มันไม่ใช่แค่การเลือกรัฐบาล ระหว่าง พปชร. Vs พท.
มันคือการเลือกตั้งเพื่อชี้อนาคต
นี่ต่างหาก สิ่งที่ก้าวไกลต้องยืนหยัดพิสูจน์จนถึงวันหย่อนบัตร
:
ความแตกต่างระหว่างก้าวไกลเพื่อไทยยังไม่ใช่แค่หนุ่มสาวกว่า เสนออเจนดาใหม่กว่า
ในเชิงนโยบายเศรษฐกิจสังคม ยังมีอีกหลายอย่างที่เพื่อไทยก้าวข้ามไม่ได้
เช่นเรื่องเสรีภาพการศึกษา ซึ่งต้องชนกระทรวงศึกษาทั้งโครงสร้าง
(เคยท้าแขก-คำ ผกา ว่าถ้าเพื่อไทยให้เป็นรัฐมนตรีศึกษาหรือวัฒนธรรม ผมเปลี่ยนใจกลับไปเลือกเลยนะ)
ในทางเศรษฐกิจ เพื่อไทยก็มีข้อจำกัดที่นำเสนอได้แค่เรื่องเทคโนโลยี การกระตุ้นเศรษฐกิจ (และประชานิยมยังไงก็มา)
แต่เพื่อไทยจะไม่กล้านำเสนอนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ
เช่นต่อต้านการผูกขาด เพิ่มภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า เก็บภาษีหุ้น (ญี่ปุ่นทำแล้ว) อ๊ะ อย่าไปว่าเขาเป็นทุนเอง แต่แนวทางเศรษฐกิจเพื่อไทยจะไม่สร้างศัตรูกับซีพี เบียร์ช้าง กัลฟ์ ฯลฯ
ขณะที่แนวทางเศรษฐกิจก้าวไกล (ซึ่งยังไม่ชัดเจน) น่าจะค่อนไปทางรัฐสวัสดิการ-สังคมนิยมประชาธิปไตย (แบบที่ อ.ปิยบุตรกำลังศึกษาของยุโรป)
เรื่องปฏิรูประบบราชการก็เช่นกัน ความเป็นพรรคใหญ่ต้องการฐานเสียงกว้าง เพื่อไทยจะพยายามไม่ชนข้าราชการ แต่ก้าวไกลเป็นพรรคที่สร้างฐานเสียงเพื่ออนาคต สามารถเสนอนโยบายใหม่ๆ ได้มากกว่า
:
พรรคเพื่อไทยจัดประชุมพลิกโฉม ช่วงชิงภาพทันสมัย โปรโมทคนหนุ่มสาว (ที่ชาวบ้านไม่เคยรู้จัก)
พรรคก้าวไกลก็ใจร่มๆ มองยาวๆ
เพื่อไทยพยายามปรับโครงสร้าง บริหารด้วยทัศนะใหม่
เพราะโดนก้าวไกลช่วงชิงภาพในสภามาสองปีกว่า
ด้วย ส.ส.คนหนุ่มสาว มีคุณภาพ มีความหลากหลาย
การที่เพื่อไทยปรับเป็นเรื่องดี แต่ของจริงยังใช้เวลา
เพราะ ส.ส.เขตก็ยังหน้าเก่า บ้านใหญ่ ตลาดเก่า การเมืองเก่า
จะสลายกลุ่มก๊วนได้หรือเปล่ายังไม่รุู้
กลุ่มเจ๊ไป กลุ่มเพ้งมา กลุ่มน้าเหลิมล่ะ เจ๊แดงแผ่วจริงไหม ฯลฯ
ช่วงชิงคนชั้นกลางไม่ง่าย
:
แต่ที่แน่ๆ ภาพทันสมัย ของใหม่ หุ้นขึ้น ก็ทำให้เพื่อไทยช่วงชิงฐานในชนบทคืน
(อย่าลืมว่าไทยรักไทยก็ขายความทันสมัยจับใจคนชนบท ใครว่าคนชนบทไม่ชอบไอเดียทันสมัยวะ มีแต่ทหารโง่ๆ คิดว่าคนชนบทปลื้มเพลงปลุกใจ)
วันนี้เจอเพื่อนคนหนึ่งมาจาก่ต่างจังหวัด บอกว่าหัวคะแนนเพื่อไทยที่เตรียมจะไปพลังประชารัฐเลี้ยวรถกลับแทบไม่ทัน
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เลือดข้นกว่าน้องสาว คือลูกสาว ส่งคุณอุ๊งอิ๊งมา มีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ก็มีสัญญาณบางอย่างเช่นกัน แต่การเอาคุณอุ๊งอิ๊งเข้ามา คืออาวุธใหม่ทางการเมือง ของพรรคเพื่อไทย
จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เห็นอะไร
1.ในเชิงรูปแบบ นี่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยที่มานั่งประชุมกัน แล้วเอากรรมการบริหารพรรคมานั่งฟังบนโต๊ะยาวๆ แต่นี่คือการประชุมที่มีลักษณะเอาแนวทางแบบ TED Talks มาใช้ การพูดโดยไม่มีโพเดียม หรือมีแค่บางคน มีการทำเวทีให้รู้สึกถึงความโมเดิร์น สมัยใหม่มากยิ่งขึ้น
ในเชิงรูปแบบ เราจะพบว่านี่คือความพยายามที่จะ “เปลี่ยน” ของพรรคเพื่อไทย มุ่งไปหากลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยไม่ทิ้งกลุ่มเป้าหมายเดิม เช่น การจัดการประชุมที่ จ.ขอนแก่น สะท้อนภาพว่าให้ความสำคัญกับภูมิภาค แต่รูปแบบการจัดงาน สะท้อนว่า นี่คือพรรคเพื่อไทยที่พร้อมจะเดินไปกับคนรุ่นใหม่ ในที่นี้คืออนาคต
คือสิ่งที่เพื่อไทยพยายามจะขาย ซึ่งขายพร้อมกับในทวิตเตอร์เช่นกัน ผ่านแฮชแท็ก #พรุ่งนี้เพื่อไทย คือรูปแบบและภาพ ที่พยายามจะฉายออกไปว่า นี่คืออนาคต ซึ่งแตกต่างจากพลังประชารัฐ ที่ประชุมพรรคเหมือนกัน แต่เราจะเห็นบรรยากาศที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
2.ในเชิงเนื้อหา เราพบว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้นำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นประชานิยมอย่างเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้เวลานึกถึงเพื่อไทย จะนึกถึงนโยบายลด แลก แจก แถม
แต่ครั้งนี้เราเห็นสิ่งที่แปลกใหม่กว่าเดิม เราเห็นการชูนโยบายเรื่อง “สิทธิเสรีภาพ” ของกลุ่มเฉพาะ อย่าง LGBT ซึ่งก่อนหน้านี้การพูดถึงประเด็นเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในเพื่อไทย แต่เป็นอเจนด้าของพรรคอื่น อย่างอนาคตใหม่
นอกจากนี้ มีพูดถึงเรื่องของโสเภณีถูกกฎหมาย หยิบยกเรื่องการศึกษาตลอดชีวิต โดยเอาหน่วยกิตไปอยู่ในคลาวด์ (Cloud) พบว่า มีการขายไอเดียใหม่ๆ ซึ่งลักษณะดังกล่าว ต้องยอมรับว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ชาวบ้าน
ถ้าพูดถึงฐานเสียง ชาวบ้านธรรมดา หาเช้ากินค่ำ เขาต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุน ก็ย่อมอยากรู้ว่าพรรคมีนโยบาบอะไรให้บ้าง แต่การชูอเจนด้าใหม่ๆ อย่างเรื่องสิทธิ กลุ่มเฉพาะ และการศึกษา นี่คือการพยายามที่จะขยายฐานชนชั้นกลางด้วย
ด้วยเหตุนี้ ในเชิงคอนเทนต์ หลังจากเปิดตัวเมื่อวาน (วันที่ 28 ต.ค.) แทบจะไม่มีการพูดถึงนโยบายประชานิยม อย่างจำนำข้าว ราคาสินค้าเกษตร ไม่ได้พูดถึงการให้เงินสนับสนุนเหมือนเดิม แต่พูดถึงการพัฒนาเทคโนโลยี มีอะไรใหม่ๆ ในเชิงเนื้อหาคือส่วนที่สำคัญมาก
เป้าที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ พยายามจะชูว่าเป็นทางเลือกเดียว ในการต่อสู้กับฝ่ายพลังประชารัฐ เพราะเพื่อไทยได้เอาอเจนด้าของอนาคตใหม่มาใช้ ซึ่งต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา ถามว่าก๊อบปี้หรือไม่ ก็ไม่ เพราะอเจนด้าเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในสังคมอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้อนาคตใหม่หยิบมาใช้ ครั้งนี้เพื่อไทยหยิบมาใช้บ้าง และเรื่องการขายคนรุ่นใหม่ ทั้งการเอาคุณอุ๊งอิ๊งมารวมถึงกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่เป็นคนค่อนข้างเปิดกว้างมากขึ้น เราจะเห็นได้ว่าเป็นการพยายามกลบภาพของพรรคอื่นๆ รวมถึงพรรคไทยสร้างไทยด้วย
ถ้าเทียบพรรคเพื่อไทยกับตลาดหุ้น ตอนนี้คือหุ้นขึ้นเป็นสีเขียวหมด แย่งตลาดคนอื่นมาหมด ซึ่งก็มีความจริงบางส่วน เพราะเมื่อเช้าผมเช็กข่าว แทบทุกสำนักพูดถึงพรรคเพื่อไทยค่อนข้างในทางบวก จุดนี้ทำให้เห็นว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้อาจดูเหมือนเพื่อสู้กับพลังประชารัฐ หรือพรรคอื่นๆ แต่แท้จริงแล้ว นี่คือการพยายามรวมกลุ่มย่อยๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ของฝั่งประชาธิปไตยว่าพร้อมจะกลับมารวมกัน หรือเราเป็นทางเลือกเดียวที่จะพร้อมสู้กับอีกฝั่งหนึ่งได้
ในส่วนของการเปิดตัวคุณอุ๊งอิ๊ง ส่วนตัวไม่ค่อยเซอร์ไพรส์เท่าไหร่ ถ้าตามการเมืองมาสักระยะจะทราบว่า เพื่อไทยกับตระกูลชินวัตร มีความใกล้ชิดกัน และหลายครั้งคุณโทนี่ (ทักษิณ ชินวัตร) พูดชัดเจนว่า เขาจะกลับมาให้ได้ ไม่ใช่ลักษณะออกไปนอกประเทศแล้วทำให้เรื่องเงียบ แต่พยายามจะสู้เพื่อกลับเข้ามาเสมอ อย่างไรก็ดี คุณทักษิณมีลักษณะคล้าย พล.อ.ประยุทธ์อยู่อย่างหนึ่ง คือความไม่ไว้วางใจคนที่ตัวเองไม่ใกล้ชิด หรือคนที่ไม่ใช่สายเลือดตัวเอง สูงพอๆ กัน
เพื่อไทยยังไม่เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ เพราะยังเลือกคนที่เขาไว้ใจไม่ได้ ทั้งที่มีหลายชื่อโยนมาแล้ว แสดงว่าการส่งลูกมาครั้งนี้เพื่อเป็นการพูดในเชิงที่ว่าพรรคเพื่อไทยก็ยังผูกกับทักษิณซึ่งไม่เซอร์ไพรส์
แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์จริงๆ คือการส่งลูกสาวคนเล็กออกมามากกว่า คุณอุ๊งอิ๊งอายุ 35 ปีพอดี ทำให้คนเอาไปคิดได้ว่า อ๋อ! อายุ 35 ตรงกับเงื่อนไขขั้นต่ำในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ พอดี แบบนี้จะเอาคุณอุ๊งอิ๊งเป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วยหรือไม่
เหมือนเป็นสัญญาณบางอย่าง ผมคาดการณ์ว่านี่น่าจะเป็นเฮือกสุดท้ายของคุณทักษิณ เพราะตอนนี้อายุ 70 กว่าปีแล้ว และการส่งลูกสาวคนเล็กลงมาในสนามการเมือง แม้ว่าคุณอุ๊งอิ๊งจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่นักการเมือง มาเป็นที่ปรึกษา แต่นี่คืออาวุธทางการเมืองที่สำคัญมาก
หลังจากนี้ คุณทักษิณต้องประเมินแล้วว่าส่งลูกลงมาตรงนี้ จะโดนสังคมโจมตีจากทุกฝ่ายแน่นอน เรื่องเก่าๆ ในอดีต ตั้งแต่สมัยเอ็นทรานซ์ เรื่องคะแนนสอบ หรือเรื่องอื่นๆ ก็จะถูกเอามาใช้โจมตีทางการเมือง ซึ่งคนที่เข้าการเมืองคงจะปฏิเสธไม่ได้ การส่งลูกสาวน่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้าย ตอนนี้ไม่น่าจะเหลือใครให้พอไว้ใจส่งมาอีกแล้ว เพราะภรรยาก็ไม่เล่น น้องสาวส่งมาแล้ว พี่เขยส่งมาแล้ว น่าจะหมดหน้าตักคนที่ไว้ใจ หลังจากนี้คงจะเป็นคนที่ไม่ใช่สายเลือด ซึ่งก็อยู่รายรอบพรรคเพื่อไทย
สู้สุดแรงอีกครั้งเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง ถ้ากระแสมาอย่างนี้ ผมเห็นว่าปีหน้าถ้าแก้รัฐธรรมนูญเสร็จ คงจะได้เห็นการยุบสภา และเลือกตั้งอย่างแน่นอน
...
Atukkit Sawangsuk
Yesterday at 11:56 AM ·
เพื่อไทย-ก้าวไกล (2)
......................................
เอามาจากมติชนสัมภาษณ์หลายคน แต่ชอบของ ผศ.ดร.วีระ หวังสัจจะโชค คณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร บรรยายภาพได้ชัดเจนว่าเพื่อไทยต้องการช่วงชิงคนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ ในเชิงนโยบาย ชูอเจนด้าใหม่ๆ (เอาอเจนด้าของอนาคตใหม่มาใช้แต่ไม่ผิดอะไรเพราะเป็นอเจนด้าในสังคมอยู่แล้ว)
https://www.matichon.co.th/.../politics-in.../news_3016652
......................................
ก้าวไกลต้องกลัวเพื่อไทยแย่งคนชั้นกลางคนรุ่นใหม่ไหม
ควรจะพูดอย่าง อ.ปิยบุตร
"การปรับตัวของเพื่อไทยครั้งนี้เป็นผลดีกับการเมืองภาพใหญ่และขบวนต่อสู้เผด็จการ ผมเคยพูดไว้ตอนเริ่มตั้งอนาคตใหม่ว่านอกจากสร้างทางเลือกใหม่แล้ว ก็อยากเป็นปัจจัยหนึ่งในการเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมือง การปรับตัวของทุกพรรคการเมืองทำให้การเมืองไทยดีขึ้น"
:
มิตรสหายติ่งส้มจำนวนมากก็คล้ายกัน คือชื่นชมนะครับ ปรบมือสนั่น
แต่ยังไงกรูก็เลือกก้าวไกล ไม่ได้ทำให้เปลี่ยนใจ
เพราะยังมีอะไรตั้งหลายอย่างที่แตกต่าง
:
พูดอย่างกำปั้นทุบดิน ยังไงๆ อุ๊งอิ๊งก็ไม่สามารถประกาศแก้ 112 ปฏิรูปสถาบัน
พูดกลับกันคือ ทุกคะแนนของก้าวไกลจะประกาศพลังที่ต้องการเปลี่ยนประเทศถึงโครงสร้าง (โดยเฉพาะปาร์ตี้ลิสต์)
ถ้าได้น้อย ขบวนคนรุ่นใหม่ก็จบ ต่อให้เพื่อไทยชนะ การเปลี่ยนแปลงก็ถูกกลืนหาย
ถ้าได้มาก คือแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
มันไม่ใช่แค่การเลือกรัฐบาล ระหว่าง พปชร. Vs พท.
มันคือการเลือกตั้งเพื่อชี้อนาคต
นี่ต่างหาก สิ่งที่ก้าวไกลต้องยืนหยัดพิสูจน์จนถึงวันหย่อนบัตร
:
ความแตกต่างระหว่างก้าวไกลเพื่อไทยยังไม่ใช่แค่หนุ่มสาวกว่า เสนออเจนดาใหม่กว่า
ในเชิงนโยบายเศรษฐกิจสังคม ยังมีอีกหลายอย่างที่เพื่อไทยก้าวข้ามไม่ได้
เช่นเรื่องเสรีภาพการศึกษา ซึ่งต้องชนกระทรวงศึกษาทั้งโครงสร้าง
(เคยท้าแขก-คำ ผกา ว่าถ้าเพื่อไทยให้เป็นรัฐมนตรีศึกษาหรือวัฒนธรรม ผมเปลี่ยนใจกลับไปเลือกเลยนะ)
ในทางเศรษฐกิจ เพื่อไทยก็มีข้อจำกัดที่นำเสนอได้แค่เรื่องเทคโนโลยี การกระตุ้นเศรษฐกิจ (และประชานิยมยังไงก็มา)
แต่เพื่อไทยจะไม่กล้านำเสนอนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ
เช่นต่อต้านการผูกขาด เพิ่มภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า เก็บภาษีหุ้น (ญี่ปุ่นทำแล้ว) อ๊ะ อย่าไปว่าเขาเป็นทุนเอง แต่แนวทางเศรษฐกิจเพื่อไทยจะไม่สร้างศัตรูกับซีพี เบียร์ช้าง กัลฟ์ ฯลฯ
ขณะที่แนวทางเศรษฐกิจก้าวไกล (ซึ่งยังไม่ชัดเจน) น่าจะค่อนไปทางรัฐสวัสดิการ-สังคมนิยมประชาธิปไตย (แบบที่ อ.ปิยบุตรกำลังศึกษาของยุโรป)
เรื่องปฏิรูประบบราชการก็เช่นกัน ความเป็นพรรคใหญ่ต้องการฐานเสียงกว้าง เพื่อไทยจะพยายามไม่ชนข้าราชการ แต่ก้าวไกลเป็นพรรคที่สร้างฐานเสียงเพื่ออนาคต สามารถเสนอนโยบายใหม่ๆ ได้มากกว่า
:
พรรคเพื่อไทยจัดประชุมพลิกโฉม ช่วงชิงภาพทันสมัย โปรโมทคนหนุ่มสาว (ที่ชาวบ้านไม่เคยรู้จัก)
พรรคก้าวไกลก็ใจร่มๆ มองยาวๆ
เพื่อไทยพยายามปรับโครงสร้าง บริหารด้วยทัศนะใหม่
เพราะโดนก้าวไกลช่วงชิงภาพในสภามาสองปีกว่า
ด้วย ส.ส.คนหนุ่มสาว มีคุณภาพ มีความหลากหลาย
การที่เพื่อไทยปรับเป็นเรื่องดี แต่ของจริงยังใช้เวลา
เพราะ ส.ส.เขตก็ยังหน้าเก่า บ้านใหญ่ ตลาดเก่า การเมืองเก่า
จะสลายกลุ่มก๊วนได้หรือเปล่ายังไม่รุู้
กลุ่มเจ๊ไป กลุ่มเพ้งมา กลุ่มน้าเหลิมล่ะ เจ๊แดงแผ่วจริงไหม ฯลฯ
ช่วงชิงคนชั้นกลางไม่ง่าย
:
แต่ที่แน่ๆ ภาพทันสมัย ของใหม่ หุ้นขึ้น ก็ทำให้เพื่อไทยช่วงชิงฐานในชนบทคืน
(อย่าลืมว่าไทยรักไทยก็ขายความทันสมัยจับใจคนชนบท ใครว่าคนชนบทไม่ชอบไอเดียทันสมัยวะ มีแต่ทหารโง่ๆ คิดว่าคนชนบทปลื้มเพลงปลุกใจ)
วันนี้เจอเพื่อนคนหนึ่งมาจาก่ต่างจังหวัด บอกว่าหัวคะแนนเพื่อไทยที่เตรียมจะไปพลังประชารัฐเลี้ยวรถกลับแทบไม่ทัน