การมาใช้เวลาในประเทศไทยของ รัสเซิ่ล โครว์ ดาราภาพยนตร์ยอดนิยมชาวออสเตรเลียคราวนี้ ต้องบอกว่าเขา ‘rises to the occasion’ เหมาะเจาะกับสภาพการณ์จริงๆ จากภาพถ่ายและคลิปที่เขาเก็บระหว่างไปตามสถานที่ต่างๆ
แล้วสื่อสารกับผู้ติดตามทาง ‘โซเชียลฯ’ มันสะท้อนความอ่อนหัดของประเทศได้อย่างเจ็บลึก ไม่ว่าจะภาพสายเคเบิ้ลโทรคมนาคม (การไฟฟ้าปฏิเสธว่าไม่ใช่สายไฟแรงสูง) หรือคลิปอากัปกิริยาของตัว ‘lizard monitor’ จะเรียก วรนุส ตัวเงินตัวทอง หรือ เหี้ย ก็สุดแท้แต่
ทวี้ตของเขาที่ให้ชื่อว่า Lost in Bangkok #3 My new buddy.มีคนรีทวี้ตเกือบหมื่นในช่วงข้ามคืน ก็ให้ไม่บังเอิญ มีสองรายที่เข้าไปปฏิสัมพันธ์ เอาจนได้ รายหนึ่งถามว่า “What is it?” ก็ได้รับคำตอบจากอีกราย “We called it HereToo.”
มีหรือคุณโครว์จะไม่รู้อะไร บางรายเก็บเอาไปเม้นต์ในกลุ่มสาธารณะของตน “สงสัยแกจะมีนัดเข้าพบนายกฯ นะนี่” มัน ‘rises to the occasion’ ตรงที่นายกฯ เพิ่งจะพูดถึงปัญหาล่าสุดของประเทศ นอกจากน้ำท่วมซึ่งยังเจิ่งอยู่ ก็คือน้ำมันแพง ชิ_หา_
ตู่ก็ยังคงเรื่อยเปื่อยตามบุคคลิกที่แก่ป่านนี้แล้วแก้ไม่หายหรอก น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง แต่ก็ไม่วายหลุดบางคำบางวลี บางประโยคออกมาให้คนเขาด่า เยาะเย้ยถากถางจนได้ เกือบทุกครั้งไปสิน่า คราวนี้เฮียบอกว่ารัฐบาลต้องใช้เงินตรึงราคาดีเซลถึง ๖ พันล้าน
เพื่อให้ราคาน้ำมันชนิดที่รถบรรทุกและรถเครื่องมือทำมาหากินส่วนใหญ่ใช้ คงราคา ๓๐ บาทต่อลิตรอยู่ได้ ทั้งที่ขบวนรถบรรทุกที่ยกโขยงกันเข้ากรุงมาเรียกร้องรัฐบาลขณะนี้ ต้องการ ๒๕ บาทต่อลิตร ถ้าตู่หยุดแค่นี้ก็คงพอฟังกันได้
แต่นิสัยแกว่งปากหาเสี้ยนทำให้ต้องต่อเติม พยายามจะอธิบายว่าเหตุที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการตรึงราคาเพราะมีการใช้น้ำมันกันเยอะ เนื่องจากถนนดี แล้วก็เต้นสลับขาไปพูดถึงเรื่องน้ำท่วม ว่าบ้านเราแก้ปัญหาได้ดีกว่าหลายๆ ประเทศ
ดูมันสิ พูดออกมาได้ทั้งที่น้ำยัง ‘มาก’ เอ่อขึ้นมาบนถนนหนทาง บ้านช่อง ร้านรวงผู้คนอยู่อีกหลายพื้นที่ แล้วจะไม่ให้ประชากรโซเชียลขานรับคลิป ‘HereToo’ ของรัสเซิ่ล โครว์ได้อย่างไร แล้วน่าจะส่วนน้อยนะที่ออกแนวขำขัน ขยี้หัวตู่เล่น
ส่วนใหญ่มองเห็นความจันทร์ (อะไร) โอชาทั้งนั้น บ้านเมืองเดี๋ยวนี้ไม่ผิดกับ ทรราชครองเมือง ทหารเก่าเป็นหัวหน้ารัฐบาล ตำรวจกับศาลเป็นตัวเหี้ย ม กดขี่ข่มเหงประชาชนกลุ่มที่ไม่เห็นชอบกับการครองเมืองเยี่ยงนี้ พากันออกมาเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง
“วันนี้มีคนเข้าเรือนจำอีก ๒ คน รวมมีคนอยู่ในเรือนจำ ๒๔ คน” เพจ อานนท์ นำภา (เจ้าตัวก็ยังอยู่ในเรือนจำ) แจ้งข่าว “ยาใจ ทะลุฟ้า ไม่ได้รับการประกันตัว จากการมารายงานตัวในนัดฟ้องคดีสาดสี หน้าสน.ทุ่งสองห้อง ๓ ส.ค. ๖๔
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทะลุแก๊สอีก ๑ คนไม่ได้ประกันตัวจากคดีระเบิด โดยถูกจับตามหมายจับตั้งแต่เมื่อวาน” ไม่เท่านั้น เห็นความเหี้ย มได้จากโพสต์ของ ‘ต๋ง หม่งเหมียว ขื่อ’ เพื่อนยาใจ “สิ่งที่เราโกรธมากกว่านั้นคือ...มีการให้คิวหลังๆ เข้าไต่สวนก่อน...
จนกระทั่งศาลจะปิด มีคำสั่งฝากขัง อ้างเพราะพฤติการณ์รุนแรง...และที่เหี้ยไปกว่านั้น ยาใจโดนส่งตัวไปเรือนจำทันที โดยที่ทนายยังไม่ได้เจอหน้า แม้แต่จะใช้โทรศัพท์ติดต่อครอบครัว เพื่อน เป็นครั้งสุดท้ายก็ไม่ได้”
แม้แต่ ‘เต้’ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่อภิปรายและแสดงความเห็นสาธารณะวิพากษ์รัฐบาลประยุทธ์บ่อยๆ ก็ยังโดนออกหมายจับจากโน่น สภ.บุรีรัมภ์ ข้อหาผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ฐานวิจารณ์ รมว.คมนาคม
พวกเยาวชนที่ออกมาเรียกร้องประยุทธ์ลาออก แก้รัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ก็โดนฟ้องแกล้งอย่างนี้เป็นประจำ เหตุเกิดกรุงเทพฯ (ที่อยู่อาศัยผู้ถูกกล่าวหา) แม่งไปฟ้องที่สุไหงโกลคงี้ ปิยบุตร แสงกนกกุล จึงเรียกว่านี่คือ ‘นิติสงคราม’
ดังนี้คำรำพึง “สั่งขังคนที่แค่ออกมาพูดถึงปัญหาในสังคม พรากอิสรภาพคนที่แค่มีความฝันอยากเห็นสังคมที่ดีขึ้น ลิดรอนสิทธิคนที่แค่อยากเห็นความเท่าเทียม คนแล้ว...คนเล่า กระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้มันช่างสิ้นหวังสิ้นดี” จึงสะท้อนอาการเต็มกลั้นต่อแรงกดดัน
คำของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุที่ตนเดินทางไปเป็นนายประกันด้วยตนเองให้แก่ เบนจา อะปัญ นักศึกษา มธ.ที่ถูกคุมขังด้วยข้อกล่าวหามาตรา ๑๑๒ ว่า “นี่เป็นยุคมืดของประเทศไทย ในการใช้กฎหมายกดขี่ปราบปรามประชาชนที่เห็นต่าง”
เขายังบอกด้วยว่า ต้องการแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง ในการยืดหยัดเคียงข้างการต่อสู้ของเหล่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ เรียกร้องความเปลี่ยนแปลงที่จะนำประเทศไปสู่สังคมที่ดีกว่า สอดคล้องกับพลวัต หรือการเดินไปข้างหน้าพร้อมกับสังคมโลก