Payong Ngampetch
3h ·
จุฬาเปลี่ยนไปจริงๆ เพิ่งสมกับแบบเรียน
ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์
14h ·
เลิกขบวนแบกพระเกี้ยว ความจริงแล้ว สภานิสิตจุฬามีการเคลื่อนไหวยกเลิกเรื่องนี้อย่างจริงจังเข้มข้นมา 5 ปีแล้ว ทั้งชมรมเชียร์และแปรอักษรก็เห็นด้วยเช่นกัน
ตอนที่ อบจ. จุฬา แถลงการณ์ประกาศอิสรภาพและสิทธิมนุษยชน คนเท่ากัน เมื่อค่ำเสาร์ 23 ตุลา 2564 วันหยุดนั้น ก็คิดว่า ฝ่าย อบจ. จุฬา เคลื่อนไหวประเด็นนี้ฝ่ายเดียว
แต่เมื่อทางประธานสภานิสิตจุฬา ออกมาชี้แจงว่า ฝ่ายสภานิสิตจุฬา ได้มีมติผลักดันให้มีการยกเลิกขบวนแบกพระเกี้ยวมาตั้งแต่ปี 2560 โดยเสนอและกดดันไปทาง อบจ. ทุกปี แต่ก็ยังไม่บรรลุผล กระทั้งปีนี้ ที่ฝ่ายรัฐบาลนิสิต อบจ. ยอมรับแนวทางยกเลิกดังกล่าวอย่างเอกฉันท์ 29 : 0 ดังนั้น ประกาศอิสรภาพและสิทธิมนุษยชน คนเท่ากัน ของฝ่าย อบจ. นิสิตจุฬา จึงอยู่ในแนวทางสอดรับที่ก้าวหน้าของฝ่ายสภานิสิตจุฬา นั่นเอง
ยิ่งกว่านี้ ทางชมรมเชียร์และแปรอักษร นิสิตจุฬา ซึ่งเป็นอีกทีมงานหลักในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ก็ออกมารับรองเห็นด้วยกับการประกาศแถลงการณ์ของ อบจ. นิสิตจุฬา
ทั้ง อบจ. รัฐบาลนิสิตจุฬา ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ สภานิสิตจุฬา ทั้งฝ่ายเชียร์และแปรอักษร นิสิตจุฬา เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่า นิสิตจุฬา มีแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา และเข้มข้นมากขึ้นใน 5 ปีที่ผ่านมา
ดังนั้น นิสิตจุฬาส่วนใหญ่ (จากตัวแทน 3 องค์กรสำคัญ) จึงเห็นสอดคล้องทิศทางเดียวกันว่า ขบวนแบกพระเกี้ยวเป็นวัฒนธรรมศักดินาที่ประดิษฐ์ขึ้น ที่ไม่สอดคล้องกับยุคสมัยประชาธิปไตยสากล คนเท่ากัน สิทธิมนุษยชน จึงต้องถูกยกเลิกตามเวลาสมัยใหม่
นิสิตจุฬาทั้งผอง เปลี่ยนไปแล้วครับ จากยุคอดีต มุ่งสู่การสร้างสังคมไทยใหม่ หาใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง เนๆ ตามที่หลายท่านเข้าใจแต่อย่างใด
บทวิเคราะห์นี้ จะมีขึ้นไม่ได้ หากไม่มีการเปิดเผยของประธานสภานิสิตจุฬา และชมรมเชียร์และแปรอักษร ต้องคารวะทุกท่านทุกองค์กรมานะที่นี่ด้วย