วันเสาร์, ตุลาคม 23, 2564

เปิดประเทศ “จะเอาเงินจากกระเป๋าเขา” หวนนึกย้อนสงครามเย็น สมัยนั้น “โศกเศร้ากว่า Sadddd Movie...” สมัยนี้ “I broken heart you must understand, Tu จ๋า Tu งบประมาณขาดแคลน”

การท่องเที่ยวไทยคึกคัก ถ้าฟังจาก รมว.ท่องเที่ยวฯ แล้วเชื่อเค้านะ อีกหนึ่งอาทิตย์จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเป็นแสน ธันวาไม่ต่ำกว่า ๓ แสน ต้นปีหน้า มกรา-กุมภา “น่าจะเกิน ๕ แสนคนต่อเดือนในช่วงนั้น” พิพัฒน์ รัชกิจประการ โอ่

สองวันก่อนนี่เอง “ศบค.พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าภูเก็ต ๖ ราย ๖ ประเทศ ผลตรวจติดเชื้อโควิดและมีอาการทุกราย” ไม่มีใครถามรัฐมนตรี แต่แกก็ตอบเองกลายๆ “ได้เตรียมการเรื่องฮอสพิเทลกับโรงพยาบาลที่สามารถรับผู้ป่วยในระดับสีเหลืองและสีแดง”

รมว.บอกด้วยว่า “ตรงนี้ไม่มีปัญหาเพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีประกันโควิดมาเรียบร้อย...ส่วนคนไทย...แน่นอนเชื่อว่าจะมีการแพร่ระบาดของโควิดอีกครั้ง” ไม่เป็นไร “สิ้นเดือนพฤศจิกายนคนไทย ๗๐% น่าจะได้รับวัคซีนครบ ๒ โด๊สเซสแล้ว”

ฮ้า ฉีดได้ไวขนาดนั้นเชียว ตอนนี้กี่เปอร์เซ็นต์ไม่รู้ เห็นเม้าท์กันบนโซเชียลว่าแค่ ๔๐% เอาเถอะ สาธารณสุขไทยเสียอย่างต้องเชื่อ ขนาดสูตรไขว้ยังแหกทำนองของโลกมาได้แล้วเลย นี่กำลังจะเปิดประเทศทั้งที่ยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไร

ทำไงได้ ต้องการเงิน ชักเหนียมละสิ กู้เกินจนต้องยกเพดานขึ้นไปอีก ๑๐% ไว้ให้ลูกหลานใช้หนี้จนยุทธศาสตร์ชาติจบแล้วไม่รู้จะใช้หมดหรือยัง ตัวเองอยากอยู่อีกอย่างน้อย ๑ สมัย ก็เลยโกหกตอแหลไปเรื่อยๆ เหมือนที่ผ่านมา ๗ ปี

การบริหารประเทศด้วยความเสี่ยงอย่างนี้ ส่ายหัวไปก็เมื่อยคอ จนวันนี้อัตราโควิดยังไม่สงบ ติดเพิ่ม ๙,๗๔๒ ตายเพิ่ม ๗๔ เมื่อวานซืน (๒๑ ตุลา) อัตราติดเชื้อเพิ่ม ๙,๗๒๗ ตายไป ๗๓ มันต่างหรือห่างกันซะที่ไหน เป็นอย่างนี้มาแรมเดือน คงไม่ลดฮวบฮาบภายใน ๑ อาทิตย์

แล้วจะมาบอกว่า ให้เปิด เธค ผับ บาร์ คาราโอเกะ เลยเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งตีสอง ในพื้นที่รีสอร์ทต่างจังหวัด ภูเก็ต กระบี่ พังงา พัทยา สมุย เชียงใหม่ (กรุงเทพฯ ไม่ได้ ฝุ่นพีเอ็ม ๒๕ เยอะ) ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น “จะเอาเงินจากกระเป๋าเขา” มั่นใจปีหน้าเงินเข้า ๑ ล้านล้านแน่

พิพัฒน์คุยต่ออีกว่า ปี ๖๖ จะมีรายได้จากท่องเที่ยว ๘๐% ของปี ๖๒ ซึ่งตอนนั้นเงินเข้าประเทศตั้ง ๒ ล้านล้านบาทแน่ะ ช่วง ๑ เดือนก่อน ซีซั่น จะเริ่มจริงจัง ๑ ธันวา ก็เตรียมการชิมลองเปิดโน่นเปิดนี่ที่เคยดึงดูดนักท่องเที่ยวดูก่อน

ไทยพีบีเอส ไปสังเกตุการณ์รายงานการจัด ฟูนมูนพาร์ตี้ที่เกาะพะงัน แบบ ย้อนยุค ครั้งแรกในรอบสองปี “มีชาวต่างชาติเพียงกลุ่มเล็ก ๆ มานั่งดื่มกินริมชายหาด ฟังเพลงรอบกองไฟ ชมพระจันทร์ที่สวยงาม” ที่เชียงใหม่ก็พบว่าในเมืองคนน้อย

เหตุเพราะมีคลัสเตอร์โควิดหลายหย่อม ๓ ตลาดยอดนิยม กาดหลวง กาดต้นลำไย กาดดอกไม้ ยังปิดอยู่หลังเกิดการระบาด ทางการก็พยายามผลักไสนักท่องเที่ยวไปจองโรงแรมแถวแม่ริม แม่แตง และดอยเต่าแทน ทุลักทุลีน่าดู

“๑ พฤศจิกายน คาดว่าการรับประทานอาหารและดื่มไวน์ในโรงแรมที่พักใน ๑๗ จังหวัดที่เปิดแล้วต้องทำได้” รัฐมนตรีบอกว่า ศบค.จะแบ่งพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นสีเป็นโซน ถ้า บลูก็ให้ดื่มกินได้ ทำยังกะไซ่ง่อนตอนสงครามปลดแอกเวียตนาม

ตอนนั้น แยงกี้ จะออกเที่ยวหย่อนใจยามค่ำคืนต้องดูโพยเขตไหนไปได้ เขตไหนห้าม เดี๋ยวเจอเวียตกงแอบเชือดคอประมาณนั้น มันเลยย้อนยุคประเทศไทยสมัยมีค่ายทหารจีไออยู่เกือบทั่วหัวเมือง ตั้งแต่สัตหีบยันอีสาน

Wattanapong Kongkijkarn เขียนเรื่องประวัติศาสตร์ยุคสงครามเย็นในไทย เกี่ยวกับ เมียเช่า ไว้ที่เพจ GendersMatter อันเกี่ยวเนื่องกับการที่ “dollar ขาดแคลน” ตอนนั้น เปรียบได้กับตอนนี้ขาดแคลน โครน ยูโร ฟรังค์ รูเบิ้ล และดอลลาร์

เสร็จแล้วตอนนั้นเกิด “Letter ถึงเธอ Dear John” ตามมา เพราะว่า “Johnจ๋า… John dollar ขาดแคลน เมีย second hand ของ you ยังคอย” คนเขียนบอกว่า “สามารถรับฟังเพลง...ไปพร้อม ๆ กับการอ่านบทความได้ที่นี่: https://bit.ly/3m2N265

เอามาเปรียบเทียบตรงนี้ จำเพาะบริบทที่ว่าบ้านเมืองต้องการเงินตราจากต่างชาติ หลังจากพวก ‘Up pri’ ยึดอำนาจแล้วอยู่อูฟูกันมา ๗ ปี อยากไปต่ออีก ทั้งที่พี่น้องของผองประชากร เหี่ยวหดกันถ้วนหน้า ทั้งอาหารยาไส้และประชาธิปไตยยาใจ

สมัยนั้นเขาว่า “โศกเศร้ากว่า Sadddd Movie...Ohhh…John you make me cry.” (เพลงอยู่นี่ https://bit.ly/2Xssz0X) สมัยนี้ “I broken heart you must understand, Tu จ๋า Tu งบประมาณขาดแคลน”

(https://www.facebook.com/GendersMatterTh/posts/366443018323722, https://www.matichon.co.th/economy/news_3005295 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2880660218893518)