https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/3062127580674928
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เจ้าหญิงองค์นี้ ผู้ทรงเป็นพระราชภาติยะ (หลานลูกน้องชาย) ในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ต้องทรงผ่านอุปสรรคมากมายก่อนจะทรงเข้าพิธีจดทะเบียนสมรสอย่างเรียบง่ายซึ่งจะทำให้พระองค์กลายเป็นสามัญชน ก่อนจะเดินทางไปใช้ชีวิตกับสามีที่สหรัฐอเมริกา
ฐานันดรศักดิ์
ตามกฎของสำนักพระราชวังญี่ปุ่นปี 1947 เจ้าหญิงผู้เสกสมรสกับสามัญชน จะต้องสละฐานันดรศักดิ์และออกไปใช้ชีวิตอยู่นอกวัง โดยจะได้รับพระราชทานเงินก้อนหนึ่งเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ดี นอกจากจะทรงปฏิเสธไม่จัดพิธีเสกสมรสอย่างยิ่งใหญ่แล้ว ยังมีรายงานว่าจะทรงปฏิเสธเงิน 150 ล้านเยน หรือราว 43 ล้านบาท ที่จะได้รับตามกฎหากสละฐานันดรศักดิ์ไป
ย้อนไปในการแถลงข่าวเมื่อปี 2017 เจ้าหญิงมาโกะตรัสว่า ทรงประทับพระทัยในตัวนายโคะมุโระเป็นครั้งแรก เมื่อได้ทอดพระเนตร "รอยยิ้มที่เจิดจ้าดั่งแสงตะวัน" ของเขา
"ฉันรู้ตั้งแต่เด็กแล้วว่าจะต้องสละฐานันดรศักดิ์เมื่อถึงเวลาแต่งงาน ที่ผ่านมาฉันทำงานเพื่อแบ่งเบาพระราชภาระขององค์พระจักรพรรดิ และพยายามทำหน้าที่ของพระราชวงศ์ผู้หนึ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ฉันก็ต้องใช้ชีวิตของตัวเองเช่นกัน" เจ้าหญิงมาโกะตรัส
ข่าวอื้อฉาว
จากที่ข่าวการหมั้นของพระธิดาในเจ้าชายอากิชิโน มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากสาธารณชน ไม่กี่เดือนต่อมา สื่อหัวสีญี่ปุ่นเริ่มตามทำข่าวเกี่ยวกับนายโคะมุโระมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังมีข่าวกรณีพิพาทเรื่องเงินระหว่างแม่ของนายโคะมุโระและอดีตคู่หมั้นของเธอ
ชายคนดังกล่าวอ้างว่าแม่ลูกคู่นี้ยังไม่ได้ใช้หนี้เป็นเงิน 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.1 ล้านบาท แต่นายโคะมุโระบอกว่าเงินนั้นเป็นการให้เป็นของขวัญ ไม่ใช่การกู้ยืม ต่อมาในปี 2021 นายโคะมุโระออกแถลงการณ์อธิบายเป็นเอกสารยาว 24 หน้า และบอกว่าเขาจะจ่ายเงินค่าไกล่เกลี่ย
เดือน ก.พ. ปี 2018 เจ้าหญิงมาโกะแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ทรงประกาศเลื่อนพิธีเสกสมรสออกไปเป็นปี 2020 โดยให้เหตุผลว่ามีเวลาไม่พอในการเตรียมงาน ต่อมาในปีเดียวกัน เจ้าชายอากิชิโน มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น ทรงกล่าวในการแถลงข่าวว่า ไม่สามารถจัดพิธีเสกสมรสได้ หากไม่จัดการกับปัญหาเรื่องเงินเสียก่อน โดยบอกว่า พระองค์และพระธิดา "ไม่ได้พูดคุยกันบ่อยในช่วงหลัง ๆ มานี้"
ในที่สุด เจ้าชายอากิชิโนก็ทรงจำใจให้จัดงานพิธีเสกสมรสได้หลังจากเจ้าหญิงมาโกะทรงออกแถลงการณ์เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้วว่า การเสกสมรสเป็น "ทางเลือกที่จำเป็น"
เมื่อเดือน ก.ย. นายโคะมุโระ เดินทางกลับญี่ปุ่นหลังจากเรียนจบกฎหมายที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮมและเริ่มทำงานในบริษัทกฎหมายในนครนิวยอร์ก แต่แล้วเขาก็ถูกสื่อวิจารณ์ว่าการมัดผมแบบสบาย ๆ ของเขาถือเป็น "การไม่ให้เกียรติ"
เมื่อไม่กี่วันมานี้ เขาเดินทางไปหาเจ้าชายอากิชิโนะและเจ้าหญิงคิโกะโดยคราวนี้ตัดผมที่เคยยาวจนมัดได้ออกไปแล้ว แต่หนังสือพิมพ์หัวสีก็ยังวิจารณ์เขาที่เดินทางไปสายเพราะรถติด
หลังจากการเสกสมรสในวันนี้ เจ้าหญิงมาโกะ ซึ่งไม่เคยมีนามสกุลและหนังสือเดินทางมาก่อน จะเตรียมย้ายไปอาศัยอยู่ที่นครนิวยอร์ก
ป่วยทางจิต
เมื่อก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ สำนักพระราชวังญี่ปุ่นออกมาเปิดเผยว่าเจ้าหญิงมาโกะเผชิญกับภาวะ PTSD หรือภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง หลังจากสาธารณชนคอยตามวิพากษ์วิจารณ์ที่พระองค์ทรงเลือกจะแต่งงานกับนายโคะมุโระอย่างไม่หยุดหย่อน
จากรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ จิตแพทย์ของเจ้าหญิงมาโกะ ระบุในการแถลงข่าวว่า "พระองค์ทรงรู้สึกว่าถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์...พระองค์ทรงคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ไร้ค่า"
"แฮร์รี-เมแกน แห่งญี่ปุ่น"
แน่นอนว่าหลายคนคงจะอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบคู่นี้กับเจ้าชายแฮร์รี ดยุคแห่งซัสเซกซ์ และเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ พระชายา ที่ย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐฯ แล้ว นอกจากนี้ สิ่งที่คล้ายคลึงกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทั้งเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนก็ได้ออกมาพูดอย่างเปิดเผยว่าการถูกจับตามองส่งผลต่อสุขภาพจิตของทั้งสองคนแค่ไหน
อย่างไรก็ดี นายอาคิโนริ ทาคาโมริ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยโคคุกักคุอิน ในกรุงโตเกียว บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ ไม่มีวันที่ญี่ปุ่นจะยอมให้นายโคะมุโระอยู่ต่อหลังการเสกสมรส และเจ้าหญิงมาโกะก็ทรงไม่สามารถอยู่ในญี่ปุ่นต่อได้ แม้จะไม่มีข้อบาดหมางกับกับพระราชวงศ์แต่อย่างใด
ที่มา https://www.bbc.com/thai/international-59043161