ผู้เชี่ยวชาญอสังหาฯ เปิดเอกสาร คณะราษฎรโดยจอมพล ป. มอบที่ดินให้จุฬาฯ แทนเช่าจากเจ้า
2020-12-14
ประชาไท
โสภณ พรโชคชัย เปิดเอกสาร คณะราษฎรโดยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นผู้มอบที่ดินให้จุฬาฯ แทนจากเช่าระยะยาว 30 ปีจากในหลวง ร.8 ไม่เช่นนั้นก็ยังต้องต่อทะเบียนเช่าที่ดินจาก สนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เช่นหน่วยงานอื่น
พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตำบลปทุมวัน อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พุทธศักราช 2482 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2482/A/1364.PDF
14 ธ.ค.2563 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th) ว่าทาง AREA ออก แถลง ฉบับที่ 737/2563 หัวข้อคณะราษฎรโดยจอมพล ป. มอบที่ดินให้จุฬาฯ
โดยมีรายละเอียดดังนี้
คณะราษฎรโดยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นผู้มอบที่ดินให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแทนจากเช่าระยะยาว 30 ปีจากในหลวง ร.8
คุณูปการที่สำคัญที่สุดของคณะราษฎรและ จอมพล ป.พิบูลสงคราม (พันเอกหลวงพิบูลสงคราม) ผู้เป็นอธิการบดีจุฬาฯ รวมราว 9 ปี [1]ต่อจุฬาฯ ก็คือ การตราพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [2]โดยโอนที่ดิน 3 แปลง รวมเนื้อที่ 1,196 ไร่ 32 ตารางวา ที่บอกว่าที่ดินของจุฬาฯ เป็นที่พระราชทานนั้น ในความเป็นจริง แต่เดิมนั้นจุฬาฯ เช่าที่ดินจากในหลวง เช่น ตามโฉนดที่ดินของจุฬาฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2478 ในหลวง รัชกาลที่ 8 “ให้เช่า 30 ปี” แก่จุฬาฯ ถ้าไม่ได้คณะราษฎรโดยจอมพล ป. ป่านนี้จุฬาฯ ก็ยังต่อทะเบียนเช่าที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ทุก 30 ปีเช่นหน่วยงานอื่น
รายการจดทะเบียนหลังโฉนดที่ดิน 1 ใน 3 โฉนดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ระบุว่าแต่เดิมจุฬาฯ เช่าจากรัชกาลที่ 8 แล้วกระทรวงการคลัง (สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์) จึง “ให้” กับจุฬาฯ
ภายหลังการจัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระองค์และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์หลังการปฏิวัติ 2475 นั้น กระทรวงการคลัง (สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์-ของสถาบันไม่ใช่ส่วนพระองค์) ก็เป็นผู้ถือครองที่ดินนี้ และในวันที่ 12 ธันวาคม 2483 กระทรวงการคลังฯ ก็ “ให้” ที่ดินแปลงนี้แก่จุฬาฯ ในปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมด 1,153 ไร่ (หลังจากหักแบ่งเป็นถนน) โดยแบ่งออกเป็น พื้นที่เขตการศึกษา 595 ไร่ พื้นที่ส่วนราชการเช่าใช้ 184 ไร่ และพื้นที่เขตพาณิชย์ 374 ไร่[3]
ในวันที่ 23 มีนาคม 2459 รัชกาลที่ 6 ได้ทรงออกโฉนดที่ดินให้กับพระองค์เองเป็นโฉนดที่ดินฉบับที่ 2057 2058 และ 2059 ที่ดินทั้ง 3 โฉนดนี้ มีผู้เช่าครอบครองอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากแผนที่หลังโฉนดที่วางแปลงผักเรือกสวนเพื่อการเกษตรต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีวังวินเซอร์ (สนามศุภชลาศัยในปัจจุบัน) ตั้งอยู่โดยก่อนหน้านี้โดยไม่มีโฉนด
โฉนดที่ดิน 3 แปลงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โฉนดที่ดินทั้ง 3 ฉบับนี้ตกทอดมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 8 ปรากฏหลักฐานสารบัญจดทะเบียนว่าเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2478 พระองค์ทรงให้จุฬาฯ เช่าที่ดินเป็นเวลา 30 ปี แต่พอถึง 12 ธันวาคม 2483 รัฐบาลจอมพล ป. ก็โอนเปลี่ยนนามผู้ถือเป็นกระทรวงการคลัง (สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์) และในวันเดียวกันจุฬาฯ ก็ทำสัญญาเลิกเช่าและกระทรวงการคลังก็ “ให้” ที่ดินสองแปลงนี้แก่จุฬาฯ
คณะราษฎรโดยจอมพล ป. ทำให้จุฬามีรายได้มหาศาลจากการให้เช่าที่ดินทั้งแก่ภาครัฐและภาคเอกชน กลายเป็นทรัพยากรสำคัญของจุฬาฯ ในการพัฒนาการเรียนการสอนและความสะดวกสบายแก่บุคลากรของจุฬาฯ จนถึงทุกวันนี้ มีตัวเลขรายได้ของจุฬาฯ ว่า “ในปี 2558. . .รายได้จากรัฐบาล 7,117 ล้านบาท รายได้จากการดำเนินงานของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน 4,950 ล้านบาท (ในปัจจุบันปี 2563 คงมากกว่านี้มาก) รายได้จากการจัดการศึกษา 2,927 ล้านบาท โดยรายได้รวมทั้งหมดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ 21,538 ล้านบาท” <4> [4]จอมพล ป. ในนามของคณะราษฎรจึงเป็นผู้ที่ทำให้จุฬาฯ มีรายได้มหาศาลหลายพันล้านบาทต่อปีในขณะที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ได้รับงบประมาณแผ่นดินน้อยกว่ารายได้ของจุฬาฯ ก้อนนี้ด้วยซ้ำไป
อ้างอิง :
[1] Wikipedia. แปลก พิบูลสงคราม. https://bit.ly/3jP82tR
[2] พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตำบลปทุมวัน อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พุทธศักราช 2482 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2482/A/1364.PDF
[3] ตามข้อ 2
[4] ลงทุนแมน. ทรัพย์สินของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. https://www.longtunman.com/10549