ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
Yesterday at 2:38 AM ·
ขจรศักดิ์ หรือ มาร์ค เพิ่งพ้นวัย 18 ปี มาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขากลายเป็นผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2564 เนื่องจากมาร์คถูกดำเนินคดีจากเหตุชุมนุมหน้า สน.พญาไท และถูกกล่าวหาว่าปาระเบิดป้อมจราจรตรงแยกพญาไท
.
มาร์คถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 ที่บ้านพักย่านมักกะสัน พร้อมแก๊ซน้ำตา 1 กระป๋อง “วันนั้นตื่นขึ้นมาตำรวจเต็มบ้านเลย ผมไม่รู้ว่าแก๊ซน้ำตามันผิดกฎหมายพี่” มาร์คเล่าว่าได้แก็ซน้ำตามาจากคนในม็อบ แต่ไม่รู้ว่าเขาเอามาจากไหนเหมือนกัน
.
.
วัยเด็กของมาร์คเติบโตมากับยายที่ชัยภูมิ แต่ต้องย้ายมาอยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯ หลังจบมัธยมศึกษาปีที่สอง “จบ ม.สอง ครึ่ง” มาร์คบอกกับเราแบบนั้น
.
หลังย้ายมาอยู่กรุงเทพ มาร์คบอกว่าความจริงเขาอยากเรียนต่อ แต่ต้องเริ่มทำงานช่วยเหลือครอบครัว รับจ้างเสิร์ฟ ขับวินมอเตอร์ไซด์ คืองานที่เขาทำมาแล้ว เขาบอกว่าสมัยทักษิณรายได้ดีกว่านี้ เราถามย้อนกลับว่าเขาได้ทำงานแล้วหรือในยุคทักษิณ เขาบอกว่าพ่อเขาก็ขับวินฯ มาตั้งแต่ตอนนั้น รายได้วันหนึ่งเคยได้ถึง 1,000-1,500 บาท ในขณะที่เขาประกอบอาชีพนี้มีรายได้เฉลี่ยเพียงวันละ 300-400 บาท
.
มีนาคมที่ผ่านมา เขาอายุ 18 ปี ถึงเกณฑ์ที่สมัคร “รปภ.” ได้ เขาจึงสมัคร เพราะทำให้มีรายได้ประจำเดือนละ 12,000-13,000 บาท แต่เขาทำงานนี้ได้สองสามเดือนก็เจอโควิดระลอกสองและต้องออกจากงาน มาขับรถรับจ้างส่งของแทน
.
เราถามว่ารายได้เหล่านี้ต้องเลี้ยงดูใครบ้าง เขาตอบว่านอกจากตัวเองและแฟน เขามีลูกอายุเพิ่งจะห้าเดือน ต้องเลี้ยงดูอีกหนึ่งคน
.
.
เราถามถึงความฝันว่าจริงๆ แล้วเขาอยากทำงานอะไร เขาบอกว่าอยากเรียนต่อการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) พร้อมทำงานไปด้วย และเมื่ออายุครบ 20 ปี จะต้องเกณฑ์ทหาร เมื่อเกณฑ์ทหารแล้วอยากกลับไปอยู่ชัยภูมิกับยาย น่าจะทำงานขนส่งไปรษณีย์
.
ชีวิตที่เขาวางไว้ช่างเรียบง่าย มีแพลนเกณฑ์ทหารแบบที่รัฐต้องการ แต่สังคมไทยก็ไม่อาจดูแลประชาชนที่มีความฝันเรียบง่ายแบบนี้ได้
.
มาร์คเล่าว่าเขาออกมาชุมนุมได้ไม่ถึงสิบครั้ง เพิ่งเริ่มมาชุมนุมตอนมีคาร์ม็อบ เห็นว่าเป็นม็อบที่สันติ และเขาไม่เห็นด้วยกับการบริหารงานของรัฐบาลประยุทธ์ การซื้อเรือดำน้ำ และการเปิดประเทศในขณะที่ยังไม่พร้อม
.
“คนจนก็ยังจนเหมือนเดิม” คือคำตอบของเขาเมื่อถามถึงการบริหารของรัฐบาลประยุทธ์
.
มาร์คเล่าว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยร่วมชุมนุมเลย แต่วันแรกที่เขาออกมาชุมนุม เขาถูกแก๊ซน้ำตาจากฝั่งเจ้าหน้าที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและสามเหลี่ยมดินแดง เขาจึงออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเจ็บแค้นที่ถูกกระทำและโดนแก็ซน้ำตา
.
.
เขาถูกดำเนินคดี ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น, ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตราย, ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ, ร่วมกันพาอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และฝ่าฝืนเคอร์ฟิว
.
เขารับว่าออกไปชุมนุมจริง แต่ไม่ได้ก่อเหตุปาระเบิดป้อมจราจร ข้อเท็จจริงทางคดียังต้องเสาะหาพยานหลักฐานและต่อสู้ต่อไป แต่ที่มาที่ไปของเขาและเรื่องเล่าเป็นเช่นนี้
.
ครอบครัวมาร์คยื่นขอประกันตัว 4 ครั้งแล้ว แต่ศาลยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว
.
“ผมอยากสู้ อยากออกไปสู้คดีด้านนอก” ท่วงทำนองเล่าเรื่องสั้นๆ บรรยายไม่เก่ง เหมือนไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก แต่เมื่อถามว่าอยากฝากข้อความถึงญาติไหม เขาปาดน้ำตาก่อนจะฝากข้อความถึงแม่ “อยากให้แม่สู้ ผมรอวันที่ได้เจอ”
.
.
เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
25 ตุลาคม 2564
.
--------------------
อ่านบนเว็บไซต์ https://tlhr2014.com/archives/36968