เรื่องชวนคุยนั่นเขาว่าเป็น #กลยุทธ์ในการต่อสู้ “ดึงเขาให้ออกมาเล่นในสนามของเรา...เพราะชีวิตที่ดีของประชาชนนั้น ต้องเกิดจากนักการเมือง ต้องมาเรียกร้องที่นักการเมือง” และ “ถ้าเขากล้ามาคุย...เขาจะได้หูตาสว่างมากขึ้น”
เห็นอย่างนั้น ปัดสวะทิ้งไปแล้วนา “หูตาสว่าง” เอย “ต้องมาที่นักการเมือง” เอย นี่เขาหาซีนแท้ๆ เลือกเอาวลีล่อเป้า แล้วยังชั้นเชิงยกหางตนเองเป็นนักการเมือง ทั้งที่จริงๆ แค่ไพร่ราบ แต่พอ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ตอบนี่สิ ต้องเล่นด้วย
“เอาจริงหนูก็มีเรื่องอยากพูดเหมือนกันนะคะคุณหมอ ประเด็นแรก ก่อนหน้านี้ได้เคยมีการจัดให้มีการคุย ของ กมธ.พัฒนาการเมืองไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งมีการเชิญกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มไทยภักดี และกลุ่มอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย”
รุ้งบอกวันนั้นหนูก็ไป แต่คุณนายแพทย์ไม่ไป ส่งใครก็ไม่รู้ไปแทน พอวันนี้หลังจากตั้งพรรคการเมืองรอเลือกตั้งครั้งหน้า “กลับคิดได้ว่าต้องมีการพูดคุย และเชิญพูดคุย ต้องถามว่าสังคมได้อะไรจากสิ่งนี้” น.ส.ปนัสยาว่าต่อ
“อย่าหาว่าสอนหรืออะไรเลยนะคะ ถ้าหมอวรงค์อยากเปิดพื้นที่คุย หรืออยากหาความเข้าใจร่วมกันคุณคงไม่สร้างบรรยากาศทางลบต่อประชาชนคนอื่นมาตั้งแต่แรก สิ่งที่ทำมีแต่ hate speech เคยด่ารุ้งว่าปัญญาอ่อน การก่นด่า แสดงความต่อต้าน ต่างๆนาๆ
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าก่อนหน้านี้คิดไม่ได้ หรือว่าพอถึงช่วงหาเสียงก็ค่อยมาคิดว่าอยากเปิดพื้นที่คุย ด้วยเจตนาในการหาพื้นที่สื่อ” ปนัสยาสอนอาว์ “การคุยกันต้องสร้างบรรยากาศที่ดี บรรยากาศที่ปลอดภัยในการเปิดใจคุยกัน
ไม่ใช่อย่างที่นายแพทย์วรงค์และกลุ่มทำอยู่ ถ้าอยากมาคุยเพื่อความเข้าใจอย่างเปิดอกต่อประเด็นปัญหาการเมืองไทย ก็พร้อมคุย แต่ถ้ามาด้วยวัตถุประสงค์แอบแฝง หรือหาซีนก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าคุยไปก็เท่านั้น” ใช่เลย
ทางด้านแฟนคลับของ ‘ไทยภักดี’ เต้นกันใหญ่ ไม่เอา ไม่เอา บอกหัวหน้า อย่าไป “ระวังโดนกล้วยยัดปาก...แม้กระทั่งท่านประธานฯ ชวน ก็เคยได้รับแจกมาแล้ว” ลูกพรรคคนหนึ่งโพสต์แนะ “เป็นห่วงว่าในขณะที่พูดคุยกับหมอ เธออาจเด็ดมายัดปากหมอได้ทุกวินาที”
(https://truthforyou.co/70301/, https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_474664 และ https://www.facebook.com/therealwarong/posts/3020699898201041)
