ทุกวันนี้ ‘ดุลยพินิจ’ ของศาลในคดีละเมิด พรก.ฉุกเฉิน หรือเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือให้ร้าย ดูหมิ่นกษัตริย์ ชักจะเป็นการตีความเหนือกว่าหลักกฎหมายมากขึ้นเกินไป จนมีการสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล อย่างเหนือกฎหมาย
ว่ากันตามตรง ตำรวจ อัยการ ผู้พิพากษา ต่างก็เรียนกฎหมายมาเหมือนกับทนาย อาจารย์สอนกฎหมาย และ ส.ส.ที่เป็นนักกฎหมาย ความแม่นยำในตัวบท และความเข้าใจในบริบทแห่งกฎหมาย อาจไม่เหมือนกัน มากบ้าง น้อยบ้าง หรือตีความคนละอย่าง
แต่มันต้องมาลงที่เดียวกันคือ หลักการใช้กฎหมายให้เกิดความเป็นธรรม หรืออาจเรียก ‘นิติธรรม’ หรือ ‘Rule of Law’ ที่มันเป็นสากล นานาชาติยอมรับและเห็นพ้อง จะมาบอกว่าของเราเป็นแบบนี้ฝรั่งไม่ใช่พ่อง เท่ากับทำตัวเป็นเกาหลีเหนือและทาลีบัน
อาจารย์ฐิตินันท์ เต็งอำนวย แห่งหมวดอาญา คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ให้ความเห็นถึงข้อควรเป็นตามตัวบทกฎหมาย ต่อกรณีผู้พิพากษาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เป็นจำนวนมาก
เลขาธิการศาลอาญาเคยอ้างถึงปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ ICCPR ว่า “ไม่ปล่อยก็ได้” นั้น อ.ฐิตินันท์ชี้ว่า “ท่านกล่าวไว้ไม่ครบ หลักการครบๆ...คือ ‘ต้องปล่อย’ ไม่ปล่อยเป็นข้อยกเว้น แต่ท่านยกข้อยกเว้นมาพูดเท่านั้น”
หลักของ ICCPR ข้อ ๙ เขียนไว้ชัด ซึ่งกฎหมายไทย ป.วิอาญา มาตรา ๑๐๗ ก็บัญญัติไว้อย่างสอดคล้อง โดยระบุถึงข้อยกเว้นตามมาตรา ๑๐๘/๑ ว่าได้แก่ อาจหลบหนี ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ไปก่อเหตุอันตราย หลักประกันไม่น่าเชื่อถือ และเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน
แต่ทั้ง ๕ ข้อ ไม่ใช่มูลเหตุทำให้เป็นคดีที่มีโทษหนักเสียจนไม่ควรปล่อยตัว ฉะนั้นหลักการก่อนอื่นก็คือ “ปล่อยก่อน ถ้ากลัวก็กำหนดเงื่อนไข” เช่นยึดพาสปอร์ต ใส่เครื่องติดตามที่ข้อเท้า และ “ไม่ต้องรอจนป่วยก็ปล่อยตัวได้”
หากแต่กรณีที่เกิดกับเยาวชนผู้ต้องหา ม.๑๑๒ ศาลไม่ยอมปล่อย โดยใช้ดุลพินิจที่ “ไม่สอดคล้องอยู่ภายใต้หลักที่กฎหมายบัญญัติไว้” อีกทั้งยังเป็นการใช้ดุลพินิจที่ต่างกันกับในคดีที่คล้ายคลึงกัน คือไม่ปล่อยกลุ่มม็อบราษฎร แต่ปล่อยกลุ่ม กปปส.
ทั้งๆ ที่ความผิดของ กปปส.ตามมาตรา ๑๑๖ กับความผิดคณะราษฎร ตามมาตรา ๑๑๒ มีฐานความผิดอย่างเดียวกัน คือความผิดต่อความมั่นคงแห่งรัฐ มิหนำซ้ำในรายคณะราษฎรบางคน ทั้งที่ป่วยจริงๆ ก็ไม่ยอมให้นำตัวออกไปรักษาข้างนอก
อจ.ฐิตินันท์บอกว่า “เป็นการใช้ดุลพินิจที่สังคมก็จะเกิดการตั้งคำถาม...ว่า เรามีธงในใจหรือเปล่า ว่าเราต้องการจะขังคนนี้ จะปล่อยคนนี้ แล้วก็เอาเหตุมาจับ”