ตู่เค้าว่ารบกวนสมาธินะเนี่ย “บ่นสารพัดม็อบที่บุกประชิดทำเนียบ ทั้งม็อบแรงงาน เครือข่าย #saveบางกลอย กลุ่มรณรงค์วันสตรีสากล ส่งเสียงรบกวนสมาธิแต่เช้า” แหม ในยุคสืบทอดอำนาจนี่ม็อบหน้าทำเนียบฯ มันไม่นิว ไม่โอลด์ แต่มัน ‘โคตร’ นอร์มอล
ประชากรเดือดร้อน ประชาชนโดนห้ำหั่น ผู้ทรงอำนาจขาดราชธรรม ซ้ำร้ายความไร้นิติธรรมกำลังก้าวล้ำเข้าไปในหมู่ผู้ครองเมืองด้วยกัน ฉะนั้นอาการ ‘ฉุน’ ของหัวหมู่อาจมาจากการที่ “ข้าพระพุทธเจ้า มีความปลาบปลื้มซาบซึ้งเป็นล้นพ้น” ของจ่าก็ได้นิ
รัฐมนตรีผู้ชำนาญการค้า ‘แป้งมัน’ ซึ่งยืนยันความเหมาะสมของตนต่อการที่มี ‘เฟคนิวส์’ ลือว่าถูกวางตัวเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ติดคุกออสเตรเลียไม่เกี่ยวกับยศฐาบรรดาศักดิ์ในประเทศไทย ประมาณว่าทำอะไรเห้เห้ไว้ในประเทศคนผิวขาวไม่นับ
เจ้าตัวโพสต์เอง ที่ facebook.com/ThamanatPhayao “พระราชทานกระเช้าของขวัญให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า...ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบถวายบังคมแทบเบื้องพระยุคลบาทด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”
ไม่บอก และไม่มีใครรู้ว่ากระเช้านี้ลอยมาด้วยเหตุใด บ้างตีความว่าเพราะสามารถนำทีมเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์เจ้าของพื้นที่นครศรีธรรมราช ได้ ส.ส.มาเพิ่มให้แก่พลังประชารัฐ ถึงขนาดมีคนเม้นต์ว่า “ตอนนี้น่าจะรู้แล้วว่าในพลังประชารัฐ ใครใหญ่”
อีกส่วนใหญ่ๆ ตีความไม่น่าพลาดว่า ต้องการแสดงเดชานุภาพ ถ้าไม่รัก ไม่นบนอบ จับเข้าคุกสถานเดียว แม้แค่นี้ก็ยังไม่เหี้ย มเท่า สิ่งที่เพื่อนพ้องในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมของคนรุ่นใหม่ เป็นห่วงว่าหนึ่งในแกนนำคณะราษฎรที่ถูกจับตัวไป จะ ‘สูญหาย’
ข่าวการส่งตัว จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และภาณุพงศ์ จาดนอก เข้าคุกทันทีจากข้อหาหมิ่นกษัตริย์และยุยงปลุกปั่น (ม.๑๑๒ และ ๑๑๖) ด้วยกระบวน ‘อยุติธรรม’ อันไม่ปกติ เพราะทั้งสาม “ถูกนำตัวออกจากศาลไปเรือนจำ
ก่อนที่ศาลจะแจ้งนายประกันว่าไม่ให้ประกัน ทั้งสามไม่ทันได้ลงนามยื่นประกันด้วยซ้ำ” เป็นการแสดงแจ่มแจ้งว่าบ้านนี้เมืองนี้ เวลานี้ไม่มีระบบยุติธรรมที่สากลยอมรับเป็น ‘Rule of Law’ เหลืออยู่ มีแต่ ‘นิติรัฐอภิสิทธิ์กับราชนิติธรรม’ ในนิยามของ ธงชัย วินิจจะกูล
ดังนี้ภาพในข่าวที่เห็น แม่ๆ นักกิจกรรมรุ่นหนุ่มสาว ซึ่ง ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ราชบริพารแผนกยัดคุกข้อหา ๑๑๒ สั่งไม่ให้ประกันแกนนำทั้งเจ็ด กอดกันกลมร่ำไห้ โดยเฉพาะแม่พริ้ม บุญภัทรรักษา อาชีพทนายเชื่อมั่นมาก่อนว่า “เราเข้าสู่กระบวนการตลอด”
แต่ความ ‘ไม่ยุติธรรม’ ก็ยังมีต่ออีกในรัชสมัยนี้ ส่งผลให้ระบบสังคมเดินไปสู่ความล่มสลาย ในสภาพแห่งเมืองพุทธที่เคย ‘ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป’ สู่การที่นักกิจกรรมถูก “ทางบ้านตัดขาด...ครอบครัวโทษตัวเค้าที่ไปยุ่งการเมือง แต่ไม่โทษเจ้าหน้าที่ที่มาคุกคามเขาถึงบ้าน”
จะมีสักกี่รายที่คนรุ่นใหม่ออกไปชุมนุมประท้วงแล้วพ่อแม่จะได้คิดเหมือนแม่กวิ้น สุรีรัตน์ ชีวารักษ์ เผยว่า “เราก็ถูกเพื่อน คนรู้จักบอกให้ไล่ลูกออกจากบ้าน เราตอบทันทีว่าไม่ เราก็อยากจะบอกพ่อแม่ทุกคนว่า อย่าทิ้งลูกไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกทำหรือไม่”
ถึงอย่างไร การจับขังคุกไม่สามารถยับยั้งการแสดงออกเพื่อเอกภาพ เสรีภาพของคนรุ่น ‘รอเติบโต’ ไม่ใช่ ‘รอแก่ตาย’ ได้ดั่งบทกวีพม่าถึงเหตุการณ์ ๘-๘-๘๘ “คุณอาจบดขยี้ เราอาจล้มลง แต่เมื่อตายแล้ว เราจักผุดบังเกิดใหม่” ที่ Pipob Udomittipong นำมาเตือนไว้
วานนี้ (๘ มีนา) มีแล้วจับภาพบนท้องถนน (ฝีมือ Amornthep kumjumpa) ผู้คนชูสามนิ้ว สนับสนุนพลังและขบวนการเยาวชนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง แน่แท้เช่นที่ Kitabhakawon Puaksom บอกว่า “ไม่มีวันเหมือนเดิมจริงๆ”
จะเป็น “ทำให้กฎหมายที่เกี่ยวกับกษัตริย์กลายเป็นกฎหมายศาสนา...กลายเป็นรัฐศาสนาที่คับแคบและโหดร้าย” ดังธงชัยว่า เมื่อกำจัดความเห็นต่างได้ราบคาบ หรือจะเป็นยุคใหม่แบบอารยะสากล ทุกคนซึ่งเท่าเทียมมาแต่เกิด ร่วมกันทำลายอสูรสิ้นซาก
(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2718520798460584&id=100009080710791, https://www.facebook.com/thematterco/photos/a.1735876059961122/2830913443790706/, https://www.bbc.com/thai/thailand-56316938 และ https://www.voicetv.co.th/read/qqRUUHIO5)