วันจันทร์, มีนาคม 08, 2564

"เราไม่ได้ต้องการความถูกใจ แต่ต้องการความถูกต้อง" ไผ่ ดาวดินย้ำบนเวทีปราศรัยเดินทะลุฟ้า

#MatichonTV #ข่าวการเมืองมติชน
"ไผ่ ดาวดิน" ขึ้นเวทีเปิดใจ "เดินทะลุฟ้า" ย้ำให้"บิ๊กตู่"ลาออก ปล่อยเพื่อน-เลิก ม.112: Matichon TV

Mar 7, 2021

ไผ่ ดาวดิน ขึ้นเวทีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยืนยัน ปักหลัก เรียกร้อง 4 ข้อ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาลาออกจากนายกรัฐมนตรี ยกเลิก ม.112 ให้ปล่อยเพื่อนเราที่ถูกจับกุม และเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ 


ประชาไท Prachatai.com
6h ·

"เราไม่ได้ต้องการความถูกใจ แต่ต้องการความถูกต้อง" ไผ่ ดาวดินย้ำบนเวทีปราศรัยเดินทะลุฟ้า
.
เวลา 20.23 น. จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของกิจกรรมเดินทะลุฟ้า โดยกล่าวว่า
.
“ความหวังมีมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่คนสู้เยอะ มันดีมากๆ แต่สิ่งสำคัญคือเวลาสู้ยาวๆ เยอะๆ มันจะเหลือกันเท่าไร อย่าเพิ่งหมดหวัง ทุกการต่อสู้ จะคนน้อย จะคนเยอะ แค่มีคนๆ นึงมาต่อสู้ นี่คือการต่อสู้ ถ้ามีคนนึงไม่ยอมนั่นคือการต่อสู้ เพราะมันคือการแบกความฝัน ความหวัง ของการเป็นมนุษย์” จตุภัทร์กล่าว
.
จตุภัทร์เผยว่าตลอดการต่อสู้ในระยะเวลา 10 ปี ตนรู้สึกหมดหวัง แต่ไม่เคยหยุดต่อสู้ ไม่ว่าคนที่ร่วมต่อสู้จะมีจำนวนเท่าใดก็ตาม เพราะตนเชื่อว่าสิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้อง นั่นคือ ความคิดเรื่องคนเท่ากัน พร้อมกล่าวว่าตราบใดที่ยังเป็นคนอยู่ ตนจะสู้ต่อไป และขอให้ทุกคนจงเชื่อมั่นใจสิ่งที่คิดและทำอยู่ตอนนี้
.
“ผมหมดหวังมาตลอด 10 ปี ไม่เคยต่อสู้ด้วยความหวังเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชนะอะไรกับเขาได้ แต่ผมไม่เคยหยุดสู้ เพราะการต่อสู้มันอยู่ที่หัวใจ ทุกสิ่งที่นำพาเรามาจนถึงทุกวันนี้เพราะมีคนยืนหยัดต่อสู้ ซึ่งการยืนหยัดต่อสู้ทำให้เราเห็นคุณค่าความเป็นคน ไม่เกี่ยวกับจำนวนคนแต่เป็นเรื่องของใจ เวลาเหนื่อย เวลาร้อน ไม่มีใครอยากสู้ เวลาลำบาก ไม่มีใครอยากสู้ เพราะมันเหนื่อยมันท้อ แต่สิ่งเหล่านี้มันทำให้เราเลือกว่าจะสู้ต่อหรือพอแค่นี้ แต่สิ่งที่ทุกคนออกมาต่อสู้คือเพื่ออุดมการณ์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
.
“ตอนปี 57 ไม่มีใครออกมาต่อสู้กับพวกผมเลย มีแต่พวกผมโดนด่า มีแค่พวกผม 5 คนที่ยืนชูสามนิ้ว แต่วันนี้มีผู้คนเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่นมาร่วมชูสามนิ้ว ตอนคนน้อยเราก็สู้ ตอนคนเยอะเราก็สู้ ตราบใดที่เราเป็นคนอยู่ เราจะสู้” จตุภัทร์กล่าว
.
จตุภัทร์เล่าว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ตนยังอดทนต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม แม้จะรู้สึกหมดหวัง คือการเดินหน้าหาธรรมะในช่วงหลังรัฐประหาร โดยตนมีโอกาสได้ฝึกการเดินธรรมยาตราระหว่างการออกบวช ซึ่งในขณะนั้นตนบาดเจ็บที่ขา แต่ตนได้เรียนรู้ว่าตนเดินต่อไปข้างหน้าแม้ขาเจ็บ เพราะใจตนสู้ ตนจึงอยากให้ทุกคนที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จงมีจิตใจที่เข้มแข็งเพื่อเดินหน้าสู้ต่อ
.
จตุภัทร์ยังพูดถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ทำให้ตนต้องโทษจำคุกในสมัย คสช. ว่าเป็นเครื่องมือปิดปาก และทำลายชีวิตประชาชน
.
“112 คือเครื่องมือที่ทำลายชีวิตคน ทำให้คนถูกบังคับสูญหาย ทำให้คนต้องลี้ภัย เป็นปัญหาต่อการพูดคุยและการแก้ไขปัญหา และประยุทธ์ จันทร์โอชาคือคนที่ใช้กฎหมายนี้กับผม และไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ แต่ผมคือคนแรกที่โดนกฎหมายนี้ในสมัยรัชกาลที่ 10” จตุภัทร์กล่าวบนเวทีปราศรัย
.
นอกจากนี้ จตุภัทร์ยังตั้งคำถามถึงมาตรฐานการบังคับใช้กฎหมายของกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ให้ประกันและปล่อยตัวแกนนำ กปปส. ในระหว่างพิจารณาคดีและภายหลังสิ้นสุดการตัดสินของศาลชั้นต้น แต่กลับสั่งจำคุกเพื่อนนักกิจกรรมทั้ง 4 คน ซึ่งยังไม่ถึงช่วงพิจารณาคดีและยังไม่มีคำตัดสินใดๆ ซึ่งตามหลักแล้วหากบุคคลใดถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด หากยังไม่มีการพิสูจน์ความผิดในชั้นศาล ต้องไม่ถูกคุมขัง และมีสิทธิ์ขอประกันตัวจนกว่าคดีจะเป็นที่สิ้นสุดในชั้นศาลฎีกา
.
“ประเทศไทยไม่มีมาตรฐาน ทำไม กปปส. ปล่อยได้ ทำไมเพื่อนเราปล่อยไม่ได้ หลักการกฎหมายให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ซึ่งต้องให้ศาลฎีกาตัดสินถึงจะเข้าไปอยู่ในคุก แต่เพื่อนของเราเข้าคุกตั้งแต่ยังไม่พิจารณาคดีเลย
กฎหมาย 112 เป็นอุปสรรคต่อทุกอย่างเพราะรัฐเอากฎหมายนี้เป็นเครื่องมือปิดปาก ถ้าไม่อยากมีปัญหา เราต้องยกเลิก 112” จตุภัทร์กล่าว
.
จตุภัทร์ขอให้ประชาชนทุกคนจงยึดถือความคิดของการเป็นคนเท่ากัน รวมถึงสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองในการแสดงออก เพราะการที่ความคิดเหล่านี้อยู่รอดและยังมีคนพูดถึงจนทุกวันนี้ แสดงว่าความคิดดังกล่าวนั้นมีความถูกต้อง
.
“เราไม่ได้ต้องการความถูกใจ แต่ต้องการความถูกต้อง การยกเลิก 112 ไม่ใช่ความถูกใจแต่มันคือความถูกต้อง การที่เรามาไล่ประยุทธ์ ไม่ใช่ความถูกใจแต่เป็นความถูกต้อง นั่นเพราะคุณไม่มีความชอบธรรม” จุตภัทร์กล่าว และทิ้งท้ายด้วยการเน้นย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ ปล่อยเพื่อนเรา เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเลิก 112 และประยุทธ์ออกไป โดยกิจกรรมหลังการปราศรัยของจตุภัทร์ คือ การแสดงดนตรีของวงสามัญชน โดยระหว่างการแสดง แม่ของภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์) แม่ของพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) และแม่ของจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่) ร่วมกล่าวขอบคุณและให้กำลังใจประชาชน
.
ต่อมาเวลาประมาณ 21.55 น. ผู้จัดกิจกรรมและประชาชนร่วมกันอ่านแถลงการณ์ก่อนจะยุติกิจกรรมในเวลาประมาณ 22.05 น. โดยกล่าวว่าวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค. 2564) นัดเดินจาก MRT ลาดพร้าว เวลา 08.15 น. ไปสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมขอให้รอติดตามข่าวเดินทะลุฟ้า v.2 ต่อไป



ประชาไท Prachatai.com
6h ·

คำประกาศ #เดินทะลุฟ้า

21.57 ตัวแทนราษฎรและเครือข่าย People Go Network ชวนประชาชนร่วมอ่านคำประกาศ #เดินทะลุฟ้า พร้อมกัน
22.05 น. ประกาศยุติการชุมนุม นัดเดินจาก MRT ลาดพร้าว 08.15 น. ไปสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมขอให้รอติดตามข่าวเดินทะลุฟ้า v.2
สำหรับคำประกาศเต็มมีดังนี้
เรา, พี่น้องราษฎรและเครือข่าย People Go ในนามขบวนเดินทะลุฟ้า ขอร่วมกันประกาศ ดังนี้
.
247.5 กิโลเมตรที่เราก้าวเดินมาจากโคราชจนมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่กรุงเทพฯ ด้วยข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1.ปล่อยเพื่อนเรา 2.เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ 3.ยกเลิก 112
การเดินครั้งนี้ เราเดินเพื่อหาแนวร่วมเชื่อมโยงประชาชน ให้เห็นถึงความเลวทรามของรัฐบาลและการสืบทอดอำนาจจากรัฐประหาร ที่ได้ทำให้ความอยู่เหนือรัฐธรรมนูญของสถาบันกษัตริย์ล้นเกินจากขีดจำกัดที่ประชาชนยอมรับได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำรัฐประหารในปี 2557 และนำสถาบันมาเป็นเกราะครองอำนาจ ด้วยการใช้มาตรา 112 กดปราบสิทธิเสรีภาพประชาชนเกินกว่าเหตุ ไม่เว้นแม้แต่เยาวชนอายุเพียงแค่ 16 ปี เพื่อนพี่น้องของเราถูกฟ้องคดีด้วยมาตรานี้กว่า 150 คนแล้ว ทั้งที่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต มิได้มุ่งหมายอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันกษัตริย์แต่อย่างใด และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันกษัตริย์อยู่ในบรรยากาศความบาดหมางมาโดยตลอด
การเดินทะลุฟ้าครั้งนี้ เรามุ่งมาดแน่วแน่ เพื่อยืนยันสิทธิเสรีภาพ การออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ต้องไม่เป็นเหตุให้ถูกปิดปาก ด้วยมาตรา 112 เราเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเรา ที่ถูกดำเนินคดีนี้จากการใช้สิทธิพื้นฐาน ทุกคนต้องได้รับสิทธิประกันตัว เพราะพวกเขายังไม่ได้ถูกตัดสินว่ากระทำผิดแต่อย่างใด
.
เรา, ขบวนเดินทะลุฟ้าเห็นความเป็นไปของบ้านเมืองภายใต้การสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ที่ไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน ไม่จริงใจเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ไม่เร่งรัดจัดหาวัคซีนอย่างทั่วถึงและจริงจัง ปัดทิ้งข้อเสนอเรื่องรัฐสวัสดิการ ยอมให้ทุนยักษ์ใหญ่ควบรวมผูกขาดอำนาจในตลาดค้าปลีก เขียนรัฐธรรมนูญให้ค้ำยันฐานอำนาจตัวเองออกแบบระบบให้เลือกตั้งยังไงก็ได้ตัวเองเป็นรัฐบาล รวบอำนาจในรัฐสภาทั้งตั้ง ส.ว. มาเองและซื้อตัว ส.ส. ฝ่ายค้าน ให้ท้ายตำรวจจับกุมคุมขังประชาชนโดยไม่มีกฎหมายรองรับ ใช้กำลังทำร้ายผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง และใช้กระบวนการยุติธรรมบังหน้าปราบปรามคนเห็นต่างทางการเมือง ไร้สัจจะไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องบางกลอย ฯลฯ
.
เราจึงมารวมตัวกันด้วยความรู้สึกนึดคิดทางสังคมและการเมืองที่แตกต่างและหลากหลาย แต่มีจุดร่วมกันสำคัญประการหนึ่ง นั่นคือ
ประยุทธ์ ออกไป!
.
วิธีการพื้นฐานที่สุดที่จะฟื้นฟูและกอบกู้ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับสถาบันประชาชนให้กลับคืนมา คือ การเอารัฐบาลที่เกิดขึ้นและสืบทอดอำนาจรัฐประหารออกไปจากสังคมและการเมืองไทยให้จงได้ คืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อจัดวางสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ในที่ทางอันเหมาะสมในสังคมและการเมืองไทยต่อไป
.
เรา, จึงขอประกาศปิดภารกิจของ 'ขบวนเดินทะลุฟ้า เอพิโสด 1' ที่สร้างการเคลื่อนไหวและรณรงค์ ด้วยการเดินมาที่นี่เป็นเวลา 17 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ จนกระทั่งถึงวันนี้ เพื่อหาแนวร่วมเชื่อมโยงประชาชน
และขอประกาศก้าวเข้าสู่ภารกิจใหม่เป็น 'ขบวนเดินทะลุฟ้า เอพิโสด 2' ยกระดับข้อเรียกร้อง จาก 3 ข้อเดิม เพื่อรื้อทำลายโครงสร้างเผด็จการด้วยการเรียกร้องให้
ประยุทธ์ออกไป
ประยุทธ์ต้องออกไป
ประยุทธ์ต้องออกไปโดยทันที
.
นี่คือภารกิจในอนาคตอันใกล้ของขบวนเดินทะลุฟ้า เอพิโสด 2 ขอให้พี่น้องโปรดติดตามการประกาศเพื่อดำเนินภารกิจใหม่นี้ในเร็ว ๆ นี้
.
เราใฝ่ฝันถึงอนาคตอันใกล้ที่ประเทศของเราจะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อาณานิคมหนี้สินและอิทธิพลทางการทหารและเศรษฐกิจของจีน เราใฝ่ฝันถึงอนาคตอันใกล้ที่พี่น้องบางกลอยจะเป็นเจ้าของอยู่อาศัยทำกินในแผ่นดินกำเนิดได้โดยสมบูรณ์นิรันดร์ไป เราใฝ่ฝันถึงอนาคตอันใกล้ที่สถาบันกษัตริย์จะต้องปรับบทบาทให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เราใฝ่ฝันถึงอนาคตอันใกล้ที่สังคมไทยจะไม่มีประชาชนคนใดถูกฟ้องกลั่นแกล้งด้วยการกดปราบสิทธิเสรีภาพ พรากจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ด้วยมาตรา 112
และเราจะมุ่งเรียกร้อง "ให้ปล่อยเพื่อนเรา" ต่อไป
.
ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ
.
ขบวนเดินทะลุฟ้า
7 มีนาคม 2564
ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ