วันศุกร์, พฤษภาคม 13, 2559

การทูตไทยแบบลิ่วล้อ คสช.





“ครม. ไฟเขียวขึ้นเงินเดือน ๒ ขั้น ข้าราชการที่ปฏิบัติงานใน คสช.”

“ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน คสช. จำนวน ๗๐๙ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการ คสช. ได้เสนอมา”

เลื่อนขึ้นสองขั้นทั้งบำเหน็จและเงินเดือน “ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง”

(http://hilight.kapook.com/view/136544)

ยังไม่ถึง ๕ เดือนดี สถานะการเงินรัฐบาล คสช. เปลี่ยนจากหน้าตรีนเป็นหลังมรือแล้วหรือ เมื่อ ๑๙ ธันวา ปีที่แล้ว “บิ๊กตู่เปิดกระเป๋า ยอมรับไม่มีเงินให้เกษตรกร” น่ะ

“ผมถึงเรียนพี่น้องชาวนาว่า เราคิดทุกอย่าง ถ้า Subsidize เดียวไปไม่ไหวจริงๆ ผมอยากให้แทบตาย แต่ว่าไม่ไหวจริงๆ เพราะไม่มีสตางค์แล้วนะ ให้ได้เท่าไร ก็คงต้องอดทนกันไปนิดหนึ่งผมรู้ว่าเดือดร้อน เห็นใจ ไม่ได้หลอกลวงพี่น้องเลย”

(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1418994950)

บอกได้เลยว่า คสช. นี้มีแต่ให้กับให้ เฉพาะพวกที่เป็นประโยชน์ใหญ่หลวง “ปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทและเสียสละ ในสถานการณ์ที่มีความตรากตรำ และยากลำบากตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย”

ดูที่ ‘บักดอน’ เป็นตัวอย่าง อุตส่าหืตากหน้าขึงขังกับทูตสหรัฐ ให้ชี้แจงข่าวที่ว่าโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ‘ประณาม’ รัฐบาล คสช. เรื่องจับ ‘แม่จ่านิว’ ไปขังสองวันนั่นน่ะ





“เป็นเพียงการตอบคำถามโดยเจ้าหน้าที่เวรข่าวของกรมเอเชียตะวันออกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มิใช่การตอบคำถามโดยโฆษกระดับกรมอย่างที่มีการรายงาน” จริงมั้ย

ทูตกลินก็ตอบทันที “จริงซิ” แต่ตรงกรณีที่ว่าคนนั้นแหละ Katina Adams เป็น Information Officer, Office of Public Affairs, Bureau of East Asian and Pacific Affairs [EAP], United States Department of State [DOS]

ไม่ใช่ ‘เจ้าหน้าที่เวรข่าว’ อย่างที่อธิบดีสารนิเทศ เสข วรรณเมธี ออกมาปล่อยไก่ (หรือไม่ก็แหล)

“หลังนายเดวีส์ให้สัมภาษณ์เช่นนั้น นายดอนได้เรียกเอกสารจากเจ้าหน้าที่มาดูก่อนที่จะสอบถามนายเดวีส์อีกครั้ง ซึ่งเดวีส์ยืนยัน...”(ว่าใช่โฆษกจริง)

“จากนั้นนายเดวีส์ได้หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านต่อหน้าสื่อมวลชนและให้เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐแปลให้สื่อมวลชนฟังเป็นภาษาไทยว่า

สหรัฐรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์จับกุมเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการโพสต์ข้อความออนไลน์ รวมถึงการจับกุมมารดาของนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งขัดแย้งกับพันธกิจของไทยต่อนานาชาติ

ซึ่งไม่เป็นการเคารพเสรีภาพในการแสดงออกและสร้างบรรยากาศของการข่มขู่ และทำให้เกิดการเซนเซอร์ตัวเอง

นายเดวีส์กล่าวต่อว่า การข่มขู่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและครอบครัว ทำให้เกิดความ ‘วิตกกังวล’ และ ‘ห่วงใย’ อย่างยิ่งต่อพันธกรณีของไทยที่ต้องเคารพเสรีภาพในการแสดงความเห็น

สหรัฐยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น การจำกัดเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การจำกัดสิทธิในการแสดงความเห็น สิทธิในการชุมนุม รวมถึงการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร”

(http://www.matichon.co.th/news/134134)

ท่านทูตว่าเป็นชุด ส่วนคำ ‘ประณาม’ ที่ปรากฏบนสื่อนั้นมาจากการใช้คำว่า ‘condemned’ โดยสำนักข่าว เอเอฟพี (http://www.theguardian.com/…/us-condemns-arrest-of-thai-act…)

สำหรับคำ ‘ห่วงใย’ ในแถลงของโฆษก กต. อเมริกัน ถ้าถาม Chiranuch Premchaiporn บก.ประชาไท เธอมีคำตอบให้แล้ว

“ภาษาการทูต ‘แสดงความห่วงใย’ เป็นการทักท้วง (ตำหนิ) โดยสุภาพ

เหมือนว่านักการทูตไทยจะเก๋าเกมจนแกล้งไม่เข้าใจ... ‪#‎ไม่รู้การทูตภาษาอะไร‬

นั่นก็ความ ‘งัว’ ไม่ทันหาย ความ ‘ฟาย’ เข้ามาแทรก

“สวีเด็นปฏิเสธเรื่องเจรจาขายเครื่องบินรบให้ไทยฮุนต้า”

พาดหัวข่าว Khaosod English รายงานเมื่อวันที่ ๑๒ พ.ค. “ชาร์ล็อตต้า ชไลเตอร์ รองหัวหน้าคณะทูตสวีเด็นประจำไทย ตอบข้อสงสัยแทนท่านทูตสแตฟฟาน แฮร์สตรอม

“เรื่องนั้นไม่ได้มีการเอ่ยถึงในระหว่างการพบปะของท่านทูตกับรองนายกรัฐมนตรี ประจิณ จั่นตอง แต่อย่างใด และไม่ได้อยู่ในประเด็นที่สนทนากันด้วย”

(http://www.khaosodenglish.com/detail.php?newsid=1463050111)





ตามเนื้อข่าวเดลินิวส์ ดูเหมือนทั่นรองฯ จะโยนหินถามทาง (ต่อถังเงิน) พร้อมไปกับ soft bluff ท่านทูตไปด้วยในตัว ด้วยการเอ่ยเองแหละว่าตนเป็นคนมีส่วนจัดซื้อฝูงบินกริปเป็นจากสวีเด็น “รุ่นดังกล่าวมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ ซึ่งขณะนี้ไทยมีจำนวน ๑๒ ลำ ตนมั่นใจว่าเราเลือกไม่ผิด

อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าฝูงบินรบ ๑ ฝูง จำนวนที่เหมาะสมตามยุทธวิธี คือ ๑๖ ลำ ที่เป็นเป้าหมาย โดยกองทัพอากาศอยู่ระหว่างตัดสินใจ”

(http://www.dailynews.co.th/politics/397092)

อ่านสำนวน พล.อ.อ. แห่ง คสช. ตรงนี้น่าจะได้ความว่า “เรายังอยากซื้ออีกสักสี่ลำ” ประมาณนั้น

ก่อนจะต่อไปถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ไทยโดนอัดซ้ายจวกขวาที่เจนีวา ว่า “ตนได้อธิบายเบื้องต้นให้เกิดความเข้าใจ เรื่องเหล่านี้กับทูตสวีเดน ทั้งโรดแม็พของรัฐบาล และประเด็นสิทธิมนุษยชน”

บลา บลา เหล่านี้ Pipob Udomittipong มีคอมเม้นต์ให้คิด

“ส่วนเอ็นจีโอสวีเดนค้านดีลเครื่องบินรบนี้เต็มที่ มองว่าเป็นการสนับสนุนรัฐบาลทหารที่ไม่เป็นประชาธิปไตย คงต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดผิดจากความจริง

คล้าย ๆ กับวันก่อนจำได้มั้ย หลัง ออท.สวีเดนเข้าพบรองนายกฯ ประวิตร วงษ์สุวรรณ สื่อไทยรายงาน “ออท.สวีเดน ได้กล่าวสนับสนุนถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด อันจะนำมาซึ่งสังคมที่ปรองดองและความมั่นคงของประเทศต่อไป” (http://www.thairath.co.th/content/615490)

วาสนา นาน่วม ก็ทวีตซ้ำว่าทูตสวีเดนสนับสนุนบทบาทของทหารในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แต่สื่อของทางการสวีเดนบอกว่า เขากังวลกับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของทหารในการบังคับใช้กฎหมาย

และก่อนหน้านี้ คณะทูตยุโรปได้เข้าแสดงความกังวลด้านสิทธิมนุษยชนในไทยอย่างชัดเจน ระหว่างการประชุม ‪#‎UPR‬ เมื่อวานนี่ยิ่งกว่าชัดอีก”

ก็นี่แหละ การทูตไทยแบบลิ่วล้อ คสช. “#ไม่รู้การทูตภาษาอะไร” อย่างที่ บก.ประชาไทว่าไว้จริงๆ