วันพุธ, ธันวาคม 22, 2564

ประชาชนฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เรียกร้องค่าเสียหายตัดเน็ต ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและมือถือได้ นการชุมนุมของคณะประชาชนปลดแอก เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2563


ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
14h ·

ประชาชน 5 ราย เป็นโจทก์ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ข้อหาละเมิด ทำให้โจทก์ทั้ง 5 คนได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตและมือถือได้ ในการชุมนุมของคณะประชาชนปลดแอก เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2563 บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยขอให้สตช.ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
.
สืบเนื่องจาก ในเวลาประมาณ 16.00 – 21.00 น. ของวันดังกล่าว โจทก์ทั้ง 5 คน พบว่าในบริเวณที่มีการชุมนุม ไม่สามารถใช้งานสัญญาณอินเตอร์เน็ตเพื่อดูข่าวสารในเฟซบุ๊กได้ ต่อมา พบข่าวปรากฏภาพถ่ายของรถยนต์หลายคันที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ต้องสงสัยว่ารบกวนสัญญาณ โดยรถยนต์เหล่านี้มีตราสัญลักษณ์ของ สตช. ทั้งยังพบเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายถืออุปกรณ์ต้องสงสัย นอกจากนี้ เฟซบุ๊กเพจ สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นของ สตช. ได้ชี้แจงว่าหนึ่งในรถยนต์ที่ปรากฏตามภาพนั้นมีประสิทธิภาพในการตัดสัญญาณมือถือได้จริง
.
การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้ง 5 จำกัดสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออก การสื่อสาร ตลอดจนถึงการรบกวนเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบของประชาชน
.
โจทก์ทั้ง 5 จึงได้ยื่นฟ้อง สตช. ไปเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ซึ่งเดิมทีโจทก์แต่ละรายได้แยกฟ้อง สตช.เป็นคนละ 1 คดี รวม 5 คดี แต่เนื่องจากมูลคดี พยานหลักฐานส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกัน และจำเลยเป็นบุคคลเดียวกันคือสตช. ศาลจึงได้มีคำสั่งรวมคดีไว้แล้วเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563
.
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 จำเลยได้ยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่าคดีนี้เป็นคดีที่พิพาทเกี่ยวกับการทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานทางปกครองตามมาตรา 9 พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครอง ฯ จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาต่อศาลปกครอง อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 ศาลปกครองกลางได้ให้ความเห็นสอดคล้องกับศาลแขวงดุสิตว่า เหตุในคดีนี้เกิดขณะที่มีการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ฯ ซึ่งมาตรา 16 ได้บัญญัติว่า “ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตามพระราชกำหนดนี้ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง” ดังนั้น การกระทำทางละเมิดของเจ้าพนักงานของจำเลยอันเกิดจากการใช้อำนาจตามพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ฯ จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
.
ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ชวนติดตามคดีนี้ เพื่อยืนยันว่าสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออก การชุมนุมอย่างสงบ เป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติรับรองและคุ้มครองไว้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐมีหน้าที่ต้องคุ้มครองและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
.
วันนี้ (21 ธันวาคม 2564) ณ ห้องพิจารณาที่ 501 ศาลแขวงดุสิตได้นัดพร้อมเพื่อกำหนดวันนัดสืบพยาน โดยศาลกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 เวลา 9.00 น. และวันนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 เวลา 9.00 น.
----------
สามารถสนับสนุนการต่อสู้คดีของ #ราษฎรฟ้องกลับ ผ่านช่องทาง ดังนี้
โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ในนามบัญชี สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนรัชดาภิเษก ห้วยขวาง ประเภทออมทรัพย์ เลขบัญชี 089-3-67744-5
.
หากผู้บริจาคต้องการใบเสร็จรับเงิน ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนพร้อมออกหลักฐานการรับบริจาคในรูปแบบใบเสร็จรับเงินโดยมีขั้นตอน ดังนี้
.
หลังโอนเงินแล้ว ผู้บริจาคกรุณาส่งสำเนาหลักฐานการโอนเงิน พร้อมชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของท่าน มาที่ inbox ของเพจภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน หรือ อีเมล humanrightlawyer2020@gmail.com เพื่อให้สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนออกใบเสร็จรับเงินให้
***ทั้งนี้ใบเสร็จรับเงินไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้***