วันอาทิตย์, ธันวาคม 21, 2568

พรรคส้มต้องอ่าน จากแดงแดกส้ม ในฐานะโหวตเตอร์เล็ก ๆ


Thanakorn Praiwan
17 hours ago
·
ในฐานะแดงแดกส้มที่เชียร์ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน เคยเลือกเพื่อไทยแล้วเปลี่ยนมาเลือกอนาคตใหม่ ก้าวไกล จนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของส้มในเวอร์ชั่นพรรคประชาชน ขออนุญาตฝากข้อเสนอในฐานะโหวตเตอร์เล็ก ๆ คนนึง 4 ข้อตามนี้

-----------------------------------------
1.สื่อสารนโยบายให้ชัดกว่านี้

ความสำเร็จของพรรคก้าวไกลคือจุดยืน อุดมการณ์ที่ชัดเจน ทั้งมีเราไม่มีลุง ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปสถาบัน รัฐสวัสดิการ และถูกขมวดปมด้วยสโลแกนจำง่าย “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” และ “กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” จุดยืนและนโยบายเหล่านี้ถูกสื่อสารไปในทุกเวทีดีเบทจนหัวคะแนนธรรมชาติจำได้

มาถึงยุคพรรคประชาชน สโลแกนพรรคคือ “ไทยไม่เทา ไทยเท่ากัน ไทยทันโลก” ขมวดปมด้วย “เราเอาจริง” แต่ถ้าถามประชาชนที่ไม่ได้ตามการเมืองมากนักถึงนโยบายของ ปชน. กึคงจะจำได้แค่ “มีเราไม่มีเทา” ส่วนไส้ในของไทยเท่ากัน ไทยทันโลกคืออะไร ทางพรรคยังไม่ได้ “ขาย” จุดนี้มากพอ

ไทยเท่ากันคืออะไร จุดยืนเรื่องสถาบัน รัฐสวัสดิการ การแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรมของพรรคตอนนี้อยู่ตรงไหน ไทยทันโลกหมายถึงนโยบายเศรษฐกิจใหม่ นโยบายความมั่นคงใหม่หรือเปล่า และนโยบายพวกนี้แก่นของมันคืออะไร พรรคควรสื่อสารให้ชัด

อย่าลืมว่าในพรรคประชาชนตอนนี้กลายเป็นเต็นท์ใหญ่ ที่มีทั้งปีกแรงงาน ปีกเทคโบร๋ ปีกสิ่งแวดล้อม ปีกส้มขวา ปีกชาติพันธุ์ ปีก LGBT และปีกผู้พิการ พรรคควรกำหนดทิศทางให้ชัดเจนว่าจุดยืนในตอนนี้ เรื่องไหนที่จะไปสุดกว่าสมัยก้าวไกล เรื่องไหนที่จะขยับเข้ากลางมากขึ้น เหล่าผู้สมัคร สส. ในพรรค โดยเฉพาะส้มซ้ายและส้มขวา จะได้เซ็ทความคาดหวังของตัวเองใหม่และสื่อสารนโยบายของพรรคให้เป็นเอกภาพขึ้น

------------------------------------
2. ทำอะไรแล้วโดนส้มขวาจัดและสลิ่มด่า = ทำต่อไป

เวลาเราเห็นคอมเมนท์แนว ๆ จากสลิ่มที่ชอบด่าพรรคส้มว่าเป็นพรรคประชาชนพม่าบ้าง พรรคด้อยค่าทหารบ้างพรรคล้มล้างการปกครองบ้าง เราชอบใจนะ เพราะอย่างน้อยแสดงว่าพรรคยังมีจุดยืนเรื่องสิทธิมนุษยชนสากล

หรือในเคสโชติศักดิ์ก็เหมือนกัน ส้มขวาจัด ซึ่งหมายถึงส้มเหยียดเชื้อชาติ เหยียดผู้อพยพ เหยียดเพศ เหยียดผิว เหยียดศาสนา สนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ออกมาด่ากันเพียบ บางคนถึงกับบอกเลยว่าจะเลิกเชียร์ จะไม่กาให้ส้มแล้ว ความเห็นของคนเหล่านี้พรรคควรเก็บไปคิด แล้วพิจารณาเอาเองว่าพรรคอยากได้โหวตเตอร์ไร้มนุษยธรรมเหล่านี้ไหม พรรคอยากให้เต็นท์หลังใหญ่ของพรรคมีกลุ่มคนที่เห็นคนไม่เท่ากันจริงหรือ และถ้ามีผู้แทนฯ ของพรรคคิดแบบส้มขวาจัด (ซึ่งมีจริง ๆ) พรรคควรทำความเข้าใจกับผู้แทนฯ เหล่านี้ใหม่หรือไม่

เราอยากเน้นย้ำว่าชื่อพรรคประชาชน ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไหลตามกระแสสังคมไปทุกเรื่อง พรรคเองมีความรับผิดชอบเชิงศีลธรรมที่ต้องดึงสติคนในสังคมไม่ให้คลั่งชาติจนไร้ความเข้าใจเพื่อนมนุษย์

เราไม่อยากเห็นภาพในอดีตที่ สส. ของพรรคที่พูดสิ่งที่ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ แต่พรรคกลับไม่ปกป้อง เช่นกรณีอดีต สส. แก้วตากับกรณีพรรคประชาชนพม่า หรือ สส. เนมที่ออกมาบอกว่าสิ่งแรกที่ตายในสงครามคือความจริง คนเหล่านี้ควรได้รับการยกย่องด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาพูดในสิ่งที่เป็นค่านิยมหลักของพรรค ถ้าพรรคส้มละทิ้งค่านิยมตรงนี้แล้วไปไหลตามกระแสคลั่งชาติ พรรคเองก็จะทิ้งจุดเด่นตรงนี้ไปเลย

------------------------------

3. อย่ามองข้ามคนในพรรค

สิ่งใหม่สิ่งหนึ่งที่พรรคส้มจะทำในรอบนี้คือการเปิดตัวทีม ครม. ของพรรค เข้าใจว่าน่าจะกลางเดือนหน้า ตอนนี้เราได้แต่เดาว่าทีม ครม. เหล่านี้จะมาจากไหน แต่อยากสะกิดเตือนสติกรรมการบริหารพรรคว่า อย่าไปอินกับกระแสกรี๊ดกร๊าดเทคโนแครทมากเกินไป อย่ามุ่งแต่จะดึงคนเก่งจากนอกพรรคมาเป็นรัฐมนตรี จนลืมมองคนในพรรคตัวเองที่มีความสามารถไป

พรรคต้องอย่าลืมว่าหลายนโยบายเรือธงรอบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับทุนเทา หรือปฏิรูประบบราชการ เป็นปัญหาที่หมักหมมในสังคมมานานทั้ง ๆ ที่เรามีคนเก่งเต็มประเทศทั้งในและนอกระบบราชการ

ประเทศไทยไม่เคยขาดคนเก่ง ยุครัฐประหารพวกเทคโนแครทที่เหมือนจะเก่งก็เดินกันให้ควั่บใน ครม. แต่สิ่งที่ประเทศไทยแทบไม่มีคือคนที่กล้าต่างหาก

เราต้องไม่ลืมว่า “คนนอก” ในสังคมหลายคนที่เติบโตจนมีหน้าตาฐานะ นอกจากจะการศึกษาดี ทำงานเก่งแล้ว หลายคนก็ไต่เต้ามาได้จากการเป็น “เด็กดี” ในระบบ ไม่ตั้งคำถามต่อผู้มีอำนาจ ไม่กล้าชนกับระบบที่บิดเบี้ยว ไหลตามน้ำมาเรื่อย ๆ จนมีคอนเนคชั่นกับอีลิท และพาตัวเองไปเป็นหัว ๆ ขององค์กรได้

แน่นอนแหละว่า สส. หลายคนของพรรคส้ม อาจไม่ได้มีใบปริญญาก่ายกอง ไม่ได้เข้าหลักสูตรอบรมจนซีวียาวเต็มหน้ากระดาษ แต่หลาย ๆ คนก็มีประสบการณ์ทั้งจากการลงพื้นที่และการนั่งในกรรมาธิการ และสิ่งที่ สส. หลายคนเหนือกว่าเทคโนแครทคนนอกอย่างเห็นได้ชัดคือความใจสู้ นี่แหละคือดีเอ็นเอของพรรคส้ม

สส. ของพรรคหลายคนโดนฟ้องหมิ่นประมาทเพราะไปงัดกับทุนใหญ่ หลายคนโดนคดีการเมือง บางคนถึงขั้นติดคุกพราะไปต้านเผด็จการ สิ่งเหล่านี้เผลอ ๆ จะมีน้ำหนักมากกว่าใบปริญญาจากสถาบันระดับโลกเสียอีก

พรรคประชาชนต้องไม่ลืมว่าการปราบทุนเทา การปฏิรูประบบราชการ ต้องใช้คนที่ประชาชน “เชื่อใจ” ไม่ใช่ “เชื่อมือ” เพราะภารกิจใหญ่ระดับนี้คนที่จะมาลงมือทำต้องมีเจตจำนงทางการเมืองที่แรงกล้า ต้องไม่ใช่คนที่ประวัติการศึกษาและการทำงานแน่นเปรี๊ยะ แต่พอได้ตำแหน่งมาจริงได้แต่พูดเอาหล่อ หรือไม่กล้ารับผิด จะเอาแต่รับชอบอย่างเดียว

ในฐานะข้าราชการระดับกลาง เราเคยเจอมาหมดแล้วทั้งรัฐมนตรีสไตล์นักการเมืองที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เทคโนแครทที่ทำงานดี เทคโนแครทเจ้ายศเจ้าอย่าง นักการเมืองที่ตั้งใจทำงาน เทคโนแครทประสาทแดก รวมถึงเทคโนแครทท่าดีทีเหลว

แต่ไม่เคยมีรัฐมนตรีคนไหนที่มีสามสิ่งนี้พร้อมกัน
1) เข้าใจในงานและภารกิจของกระทรวง
2) ให้เกียรติข้าราชการและผู้ใต้บังคับบัญชา
3) มีความกล้าหาญทางจริยธรรม และพร้อมตัดสินใจในเรื่องยาก ๆ

เราเชื่อว่า สส. ในพรรคหลายคนมีคุณสมบัติครบ 3 ข้อนี้ โดยเฉพาะข้อ 3 และพร้อมจะแก้ปัญหาประเทศ คือถ้าพรรคจะเอาคนนอกมาเป็นรัฐมนตรีจริง ๆ ก็ขอคนที่มีผลงานเคย “สู้” กับระบบ สู้กับความอยุติธรรมมาเป็นที่ประจักษ์ ประชาชนและข้าราชการถึงจะ “เชื่อใจ”

-------------------------------------

4. อย่าบริหารพรรคการเมืองแบบบริษัทเอกชน

ข้อนี้เราคิดได้จากข่าวที่พี่แมว อดีตรองหัวหน้าพรรคส้มออกมาตัดพ้อที่แกไม่ได้ไปต่อกับพรรค

คือส่วนตัวเข้าใจว่าพอพรรคเริ่มใหญ่ขึ้น เป็นที่นิยมขึ้น ก็ต้องมีคนสนใจอยากสมัครเข้าพรรคเป็นธรรมดา การคัดผู้ลงสมัคร สส. ก็ต้องเข้มข้นตามไปด้วย คนเก่าคนแก่ของพรรคบางคนก็อาจต้องหลุดโผไป ซึ่งก็พอเข้าใจได้

แต่สิ่งที่พรรคไม่ควรทำ คือทำให้คนที่สู้มากับพรรคตั้งแต่ต้นเสียความรู้สึก การอธิบายเหตุผลว่าทำไมบางคนไม่ได้ไปต่อควรทำได้ดีกว่านี้ ควรรักษาน้ำใจกว่านี้

ตอนนี้เหมือนพรรค ปชน. พุ่งเป้าไปที่การได้ สส. เกินครึ่งสภา เหมือนกับบริษัทเอกชนที่เน้นกำไรสูงสุด จนลืมไปว่าบริษัทเอกชนกับพรรคการเมืองไม่เหมือนกัน

บริษัทเอกชน หลายคนก็เข้ามาทำเพราะเงินดี เพราะฉะนั้นถ้าบริษัทจะเลิกจ้างใคร ก็แค่จ่ายค่าชดเชยให้เหมาะสม ใช้เงินแก้ปัญหาไปจบ ๆ

แต่สำหรับพรรคการเมือง บางคนก็เข้ามาทำเพราะหวังอำนาจ บางคนหวังผลประโยชน์ แต่คนที่เข้ามาทำเพราะอุดมการณ์ เพราะตั้งใจจะมาพัฒนาประเทศจริง ๆ ก็เยอะ คืออย่างน้อยพรรคควรจะปฏิบัติต่อคนที่มีอุดมการณ์แต่ไม่ได้ไปต่อโดยให้เกียรติพวกเขามากกว่านี้ไหม เพราะอย่างน้อย ๆ คนเหล่านี้ก็จะได้เป็นกองเชียร์พรรค เป็นหัวคะแนนธรรมชาติ หรือยังสมัครใจมาช่วยพรรคหาเสียงได้ การเมืองมันต่างจากเอกชนตรงที่ต้องบริหารความรู้สึกคนในองค์กรด้วย จะใช้เงินแก้ปัญหาอย่างเดียวไม่ได้

คือเป้าหมายการได้ สส. ให้มากที่สุดก็สำคัญ แต่อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเดินทาง การจะไปเป็นพรรครัฐบาลมันจำเป็นต้องบริหารเชือดคอสไตล์เอกชนขนาดนั้นไหม สส. คนไหนหมดประโยชน์ สส. คนไหนที่ผลักดันเรื่องของตัวเองสำเร็จแล้ว เราต้องถีบหัวส่งพวกเขาเลยเหรอ ทำไมเราไม่สร้างบรรยากาศการทำงานที่อดีตคนของพรรคยังเดินร่วมถนนสายประชาธิปไตยกับสายเลือดใหม่ของพรรคได้ทั้งในและนอกสภาล่ะ

--------------------------------------

ก็ฝากไว้ประมาณนี้ หวังว่าเสียงเล็ก ๆ ของเราจะถูกได้ยินจากพรรคบ้าง ในฐานะประชาชนที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ของพรรคส้ม ก็อยากเห็นพรรคเติบโตโดยไม่สูญเสียจิตวิญญาณไป

ป.ล. รูปประกอบนี่มาจากงานเสวนาสุขภาพจิตที่ก้าวไกลจัดที่สวนเบญฯ ตอนปี 65 สำหรับเรางานนี้คืองานที่บ่งบอกตัวตนความเป็นส้มได้ดี เป็นงานที่ทั้งไอซ์และไอติมมาช่วยกันขนเก้าอี้ ช่วยกันขนของหลบฝน เป็นไวบ์พรรคเล็กนักสู้ที่แอบคิดถึง
 
https://www.facebook.com/photo?fbid=10102551830029331&set=a.666687710691