.jpeg)
Puangthong Pawakapan
16 hours ago
·
คุณเท้ง ณัฐพงษ์พูดถึงปัญหา “เงินนอกงบประมาณประเภท 2” ของกองทัพ แต่จริงๆ ปัญหาธุรกิจของกองทัพไม่ได้มีแค่เงินนอกงบฯประเภท 2 ธุรกิจในกลุ่ม “เงินนอกงบประมาณประเภท 1” และ “ธุรกิจเพื่อสวัสดิการภายในของทหาร” ก็มีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใสและการไม่แบ่งรายได้เข้าคลังเช่นกัน ขอสรุปแต่ละส่วนให้อ่านกันดังนี้ค่ะ
****1. เงินนอกงบฯ ประเภท 2 ****
- กองทัพเป็นหน่วยงานเดียวที่มีเงินนอกงบประมาณประเภทนี้
- รายได้มาจากเครือข่ายโทรทัศน์ (Multiplexer -MUX) ของช่อง 5 และสถานีวิทยุทหาร 196 แห่ง จะมีอย่างอื่นอีกหรือไม่ ไม่อาจทราบได้ เพราะเจ้าหน้าที่กองทัพไม่ยินดีเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้กับ กมธ.วิสามัญศึกษาธุรกิจกองทัพ
- ไม่เปิดเผยแม้แต่กฎระเบียบที่ใช้กำกับดูแลการใช้จ่ายเงินนอกงบฯประเภทนี้ ทางสตง.ก็บอกว่าไม่ทราบเช่นกัน ... เหลือเชื่อมากๆ
- ลำพังสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ขาดทุนต่อเนื่องทุกปี (ทั้งๆ ที่ใช้กำลังพลและสถานที่ราชการ) แต่ททบ.5 มีรายได้จาก MUX 2 เครือข่าย (ระบบที่รวมช่องทีวีดิจิทัลหลายช่อง) ราวครึ่งหนึ่งของช่องทีวีดิจิทัลในไทยเช่าคลื่นความถี่จากช่อง 5 ได้แก่ ททบ.5 HD, TNN16, Workpoint, True4U, ONE31, CH7HD, Nation TV, GMM25, MONO29, Amarin TV HD, PPTV HD 3
- ประมาณว่าททบ.5 ได้ค่าเช่าปีละ 820 ล้านบาท - ไม่เคยแบ่งเข้าคลัง
**** 2. เงินนอกงบประมาณประเภท 1 ****
● มีรายได้จากการผลิตอาวุธ, โรงพยาบาลทหาร (50+ แห่ง), และสถาบันการศึกษาทหาร (40+ แห่ง), ศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ, กรมการพลังงานทหาร, โรงงานแบตเตอรี่ทหาร, โรงงานวัตถุระเบิดทหาร (อาจจะมีมากกว่านี้)
● เอกสารงบประมาณประจำปีระบุว่าทุกเหล่าทัพมีเงินก้อนนี้รวมกันมากกว่า 40,000 ล้านบาท โดยมีการใช้จ่ายประมาณ 23,000–29,000 ล้านบาทต่อปี แต่กมธ.วิสามัญไม่ได้รับข้อมูลว่าใช้กันอย่างไร
● หน่วยงานอื่นก็มีเงินประเภทนี้ โดย
หลายกระทรวงนำเงินก้อนนี้มาสมทบค่าใช้จ่ายประจำปี แต่กองทัพไม่เคยสมทบ
***** 3. กิจการเพื่อสวัสดิการภายในของทหาร ****
● หน่วยงานรัฐอื่นๆ ก็มีกิจการประเภทนี้เช่นกัน (เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์, ร้านสะดวกซื้อ) แต่ไม่หลากหลายและมากมายเท่ากองทัพ
● ธุรกิจของกองทัพ ได้แก่ ปั๊มน้ำมัน, ร้านอาหาร, สนามกอล์ 61 แห่ง, โรงแรม-รีสอร์ท, สนามยิงปืน, เหมืองหิน, ร้านนวด, สนามมวยลุมพินี, ขายน้ำ-ไฟฟ้า (สัตหีบ), ส่วนแบ่งกำไรจากการขายไฟฟ้าในพื้นที่ EEC, สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา, ตลาดนัด, รถพุ่มพวงขายผัก, เรือเช่าทำพิธีลอยอังคาร, บริการล้างรถ ฯลฯ
● มีไม่น้อยกว่า 365 กิจการทั่วประเทศ
● ระเบียบที่กำกับดูแลกิจการประเภทนี้คือ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2547 ใช้การตรวจสอบภายใน (แต่งตั้งโดยผู้บัญชาการเหล่าทัพ)
● แต่กิจการประเภทนี้มีกฎว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องเป็นคนภายในองค์กร, ต้องดำเนินการภายในพื้นที่ของหน่วยงาน (ไม่ใช่ริมถนน), และดำเนินการในเวลาราชการเท่านั้น
● หากละเมิดกฎข้างต้น ก็ต้องจัดเป็น “กิจการสวัสดิการเชิงพาณิชย์” และต้องทำเรื่องของอนุญาตจากกรมธนารักษ์ก่อนจะเริ่มกิจการ และทำข้อตกลงแบ่งผลประโยชน์กับกรมธนารักษ์ ผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศ
● แต่กองทัพละเลยกฎระเบียบนี้ตลอดมา จนท.ธนารักษ์น่าจะทราบถึงปัญหานี้เพราะทำกันเปิดเผย แต่ก็ไม่ทำอะไร -คงไม่กล้า- กองทัพเพิ่งเริ่มยื่นขออนุญาตและทำข้อตกลงกับกรมธนารักษ์เมื่อพรรคก้าวไกลหยิบประเด็นนี้ขึ้นอภิปรายในสภาในปี 2019 แต่คืบหน้าไปช้ามาก ยังทำไม่เสร็จ และบางกิจการก็ไม่มีความคิดที่จะทำ เช่น สนามมวยลุมพินี (ใครๆ ก็รู้ว่ารายได้มากเพียงใด)
● ในปี 2022 สตง. เคยสอบสวนและพบว่าธุรกิจกองทัพบก 40 แห่งละเมิดระเบียบ แต่ สตง.ก็ไม่ได้ดำเนินการทางวินัยใด ๆ เลย
● อ้อ... ทหารที่มีสิทธิได้สวัสดิการจากรายได้นี้คือ ทหารประจำการ ทหารเกณฑ์ไม่เกี่ยวนะคะ
ที่พลเอกรังษีบอกว่าธุรกิจเพื่อสวัสดิการภายในเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ได้ของบประมาณของรัฐ ก็ไม่จริง เช่น โรงงานเภสัชกรรมทหาร ตั้งของบประมาณปีละ 80 ล้านบาทเป็นเงินเดือนให้พนักงานของตน และขออีก 900 ล้านบาทเพื่อสร้างโรงงานใหม่ที่ราชบุรี
สนามบินอู่ตะเภา รายได้เข้ากองทัพเรือ แต่เงินปรับปรุง-ขยายสนามบินและรันเวย์ไปจากภาษีของประชาชน
ยังไม่นับเงินเดือนเจ้าหน้าที่ทหาร ทหารเกณฑ์ และที่ดินอันเป็นสมบัติของชาติที่ใช้กันอยู่ทุกวัน
https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/25799968979627184
·
คุณเท้ง ณัฐพงษ์พูดถึงปัญหา “เงินนอกงบประมาณประเภท 2” ของกองทัพ แต่จริงๆ ปัญหาธุรกิจของกองทัพไม่ได้มีแค่เงินนอกงบฯประเภท 2 ธุรกิจในกลุ่ม “เงินนอกงบประมาณประเภท 1” และ “ธุรกิจเพื่อสวัสดิการภายในของทหาร” ก็มีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใสและการไม่แบ่งรายได้เข้าคลังเช่นกัน ขอสรุปแต่ละส่วนให้อ่านกันดังนี้ค่ะ
****1. เงินนอกงบฯ ประเภท 2 ****
- กองทัพเป็นหน่วยงานเดียวที่มีเงินนอกงบประมาณประเภทนี้
- รายได้มาจากเครือข่ายโทรทัศน์ (Multiplexer -MUX) ของช่อง 5 และสถานีวิทยุทหาร 196 แห่ง จะมีอย่างอื่นอีกหรือไม่ ไม่อาจทราบได้ เพราะเจ้าหน้าที่กองทัพไม่ยินดีเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้กับ กมธ.วิสามัญศึกษาธุรกิจกองทัพ
- ไม่เปิดเผยแม้แต่กฎระเบียบที่ใช้กำกับดูแลการใช้จ่ายเงินนอกงบฯประเภทนี้ ทางสตง.ก็บอกว่าไม่ทราบเช่นกัน ... เหลือเชื่อมากๆ
- ลำพังสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ขาดทุนต่อเนื่องทุกปี (ทั้งๆ ที่ใช้กำลังพลและสถานที่ราชการ) แต่ททบ.5 มีรายได้จาก MUX 2 เครือข่าย (ระบบที่รวมช่องทีวีดิจิทัลหลายช่อง) ราวครึ่งหนึ่งของช่องทีวีดิจิทัลในไทยเช่าคลื่นความถี่จากช่อง 5 ได้แก่ ททบ.5 HD, TNN16, Workpoint, True4U, ONE31, CH7HD, Nation TV, GMM25, MONO29, Amarin TV HD, PPTV HD 3
- ประมาณว่าททบ.5 ได้ค่าเช่าปีละ 820 ล้านบาท - ไม่เคยแบ่งเข้าคลัง
**** 2. เงินนอกงบประมาณประเภท 1 ****
● มีรายได้จากการผลิตอาวุธ, โรงพยาบาลทหาร (50+ แห่ง), และสถาบันการศึกษาทหาร (40+ แห่ง), ศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ, กรมการพลังงานทหาร, โรงงานแบตเตอรี่ทหาร, โรงงานวัตถุระเบิดทหาร (อาจจะมีมากกว่านี้)
● เอกสารงบประมาณประจำปีระบุว่าทุกเหล่าทัพมีเงินก้อนนี้รวมกันมากกว่า 40,000 ล้านบาท โดยมีการใช้จ่ายประมาณ 23,000–29,000 ล้านบาทต่อปี แต่กมธ.วิสามัญไม่ได้รับข้อมูลว่าใช้กันอย่างไร
● หน่วยงานอื่นก็มีเงินประเภทนี้ โดย
หลายกระทรวงนำเงินก้อนนี้มาสมทบค่าใช้จ่ายประจำปี แต่กองทัพไม่เคยสมทบ
***** 3. กิจการเพื่อสวัสดิการภายในของทหาร ****
● หน่วยงานรัฐอื่นๆ ก็มีกิจการประเภทนี้เช่นกัน (เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์, ร้านสะดวกซื้อ) แต่ไม่หลากหลายและมากมายเท่ากองทัพ
● ธุรกิจของกองทัพ ได้แก่ ปั๊มน้ำมัน, ร้านอาหาร, สนามกอล์ 61 แห่ง, โรงแรม-รีสอร์ท, สนามยิงปืน, เหมืองหิน, ร้านนวด, สนามมวยลุมพินี, ขายน้ำ-ไฟฟ้า (สัตหีบ), ส่วนแบ่งกำไรจากการขายไฟฟ้าในพื้นที่ EEC, สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา, ตลาดนัด, รถพุ่มพวงขายผัก, เรือเช่าทำพิธีลอยอังคาร, บริการล้างรถ ฯลฯ
● มีไม่น้อยกว่า 365 กิจการทั่วประเทศ
● ระเบียบที่กำกับดูแลกิจการประเภทนี้คือ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2547 ใช้การตรวจสอบภายใน (แต่งตั้งโดยผู้บัญชาการเหล่าทัพ)
● แต่กิจการประเภทนี้มีกฎว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องเป็นคนภายในองค์กร, ต้องดำเนินการภายในพื้นที่ของหน่วยงาน (ไม่ใช่ริมถนน), และดำเนินการในเวลาราชการเท่านั้น
● หากละเมิดกฎข้างต้น ก็ต้องจัดเป็น “กิจการสวัสดิการเชิงพาณิชย์” และต้องทำเรื่องของอนุญาตจากกรมธนารักษ์ก่อนจะเริ่มกิจการ และทำข้อตกลงแบ่งผลประโยชน์กับกรมธนารักษ์ ผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศ
● แต่กองทัพละเลยกฎระเบียบนี้ตลอดมา จนท.ธนารักษ์น่าจะทราบถึงปัญหานี้เพราะทำกันเปิดเผย แต่ก็ไม่ทำอะไร -คงไม่กล้า- กองทัพเพิ่งเริ่มยื่นขออนุญาตและทำข้อตกลงกับกรมธนารักษ์เมื่อพรรคก้าวไกลหยิบประเด็นนี้ขึ้นอภิปรายในสภาในปี 2019 แต่คืบหน้าไปช้ามาก ยังทำไม่เสร็จ และบางกิจการก็ไม่มีความคิดที่จะทำ เช่น สนามมวยลุมพินี (ใครๆ ก็รู้ว่ารายได้มากเพียงใด)
● ในปี 2022 สตง. เคยสอบสวนและพบว่าธุรกิจกองทัพบก 40 แห่งละเมิดระเบียบ แต่ สตง.ก็ไม่ได้ดำเนินการทางวินัยใด ๆ เลย
● อ้อ... ทหารที่มีสิทธิได้สวัสดิการจากรายได้นี้คือ ทหารประจำการ ทหารเกณฑ์ไม่เกี่ยวนะคะ
ที่พลเอกรังษีบอกว่าธุรกิจเพื่อสวัสดิการภายในเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ได้ของบประมาณของรัฐ ก็ไม่จริง เช่น โรงงานเภสัชกรรมทหาร ตั้งของบประมาณปีละ 80 ล้านบาทเป็นเงินเดือนให้พนักงานของตน และขออีก 900 ล้านบาทเพื่อสร้างโรงงานใหม่ที่ราชบุรี
สนามบินอู่ตะเภา รายได้เข้ากองทัพเรือ แต่เงินปรับปรุง-ขยายสนามบินและรันเวย์ไปจากภาษีของประชาชน
ยังไม่นับเงินเดือนเจ้าหน้าที่ทหาร ทหารเกณฑ์ และที่ดินอันเป็นสมบัติของชาติที่ใช้กันอยู่ทุกวัน
https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/25799968979627184