
โอปอล มิสเวิล กับการเรียกร้องสันติภาพในโลกแห่งความเป็นจริง (อ้างถึง กรณีไทย-กัมพูชา)
ท่ามกลางสงครามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน อย่าหาว่าผมโลกสวยเลยนะครับ อันนี้แค่กระทู้แบ่งปัน และอยากฟังเพื่อนๆ พี่ๆที่มีมุมมองอาจเห็นด้วยหรือเห็นต่างเท่านั้น ขอให้แสดงความเห็นอย่างสุภาพและแลกเปลี่ยนกันเต็มที่ครับ
ความเป็นจริงคือจะรบกันไปร้อยปี ประเทศไทยกับกัมพูชามันก็ไม่ย้ายไปที่อื่นของแผนที่โลก เราต้องตอบโต้ตามหลักความพอเหมาะพอสมควรเท่านั้น (self defense ตามสมควรแก่เหตุเท่านั้น) อย่าทัวร์ลงผมนะครับ
แต่ผมเห็นด้วยกับกระทู้นี้จริงๆที่มีคนส่งมาให้
ที่มาเพจ ข่าวCrown
คุณโอปอล ให้สัมภาษณ์กับประเด็นที่เรียกร้องสันติภาพที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
"อย่างที่โอปอลบอกไว้ ไม่ว่าคุณจะเกิดที่ไหน จะมีวัฒนธรรมแบบใด หรือผู้นำเป็นใคร เกิดและโตที่ไหน สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราทุกคนแชร์ร่วมกันก็คือความเป็นมนุษย์ เราต้องคำนึงถึงความเป็นมนุษย์เป็นที่ตั้ง ต่อให้คนจะบอกว่า สันติภาพ มันได้แค่พูด แต่สุดท้ายทางออกมันก็ยังต้องมีสันติภาพอยู่ดี ไม่ว่าระหว่างทางจะเดินด้วยวิธีใดก็ตาม ปอลทราบนะคะว่ามีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ มีมุมมองที่ต่างกัน แต่เราก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองในจุดที่เรายืนให้ได้มากที่สุด ที่เราจะต้องเป็นแนวทางให้เยาวชน เป็นตัวอย่างของคนที่เรียนสายการทูต หาจุดตรงกลางให้กับทุกฝ่าย ไม่ว่าคุณจะอยู่ซ้ายหรือขวา สิ่งที่มีเหมือนกันคือความเป็นมนุษย์"
ผู้เขียนเห็นด้วยได้แบบไม่ต้องลังเล เพราะถ้าถอดเครื่องแบบ ถอดธง ถอดแผนที่ออกให้หมด สิ่งที่เหลืออยู่คือคน และคนทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน สงครามมันทำงานด้วยตรรกะที่โหดมาก มันทำให้ชีวิตคนกลายเป็นตัวเลข กลายเป็นความเสียหายที่ยอมรับได้ ทั้งที่ในชีวิตจริง คนหนึ่งคนคือครอบครัวหนึ่งบ้าน คืออนาคตหนึ่งเส้นทาง คือความทรงจำและความฝันที่ไม่ควรถูกตัดทิ้งเพราะการตัดสินใจของผู้มีอำนาจไม่กี่คน
เส้นเขตแดนคือเรื่องสมมุติ มันคือข้อตกลงทางการเมืองที่ถูกเขียนทับลงบนภูมิประเทศด้วยอำนาจและประวัติศาสตร์ของผู้ชนะ ในหลายพื้นที่ของโลก ผู้คนอยู่มาก่อนเส้นแบ่ง อยู่ร่วมกันมาก่อนพาสปอร์ต และมีชีวิตจริงมาก่อนเอกสารราชการ เส้นแบ่งจึงเป็นเรื่องสมมติที่ถูกทำให้จริง ผ่านกฎหมาย ผ่านทหาร ผ่านการศึกษา ผ่านเรื่องเล่าชาติพันธุ์และความเป็นชาติ
ปัญหาคือเรื่องเล่าแบบสงครามมักต้องการความเกลียดเพื่อขับเคลื่อน มันต้องทำให้คนอีกฝั่งกลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์เต็มตัว ไม่ว่าเขาหรือเรา ลดฝั่งตรงข้ามให้เป็นศัตรู เป็นภัย เป็นก้อนความชั่ว เพื่อให้สงครามดูชอบธรรมขึ้นเรื่อยๆ และตรงนี้เองที่คำว่า ความจริงเขา ความจริงเรา ไม่เท่ากัน สำคัญมาก เพราะความจริงในภาวะสงครามไม่ใช่สนามแข่งขันที่ยุติธรรม ข้อมูลถูกคุม ถูกตัดตอน ถูกจัดฉาก ความกลัวถูกปั่นให้ดัง ความเจ็บปวดถูกเลือกให้เห็นเฉพาะบางด้าน เราจึงไม่ได้ถกกันบนพื้นของเหตุผลล้วน ๆ แต่ถกกันบนพื้นของอารมณ์ที่ถูกสร้างด้วยคนที่กำลังควบคุมเกม
ผลประโยชน์ของสงครามจึงไหลขึ้นบนเสมอ คนมีอำนาจได้อำนาจเพิ่ม ได้งบเพิ่ม ได้ความชอบธรรมเพิ่ม ได้พื้นที่ควบคุมเพิ่ม ส่วนคนระดับล่างได้อะไร ได้ความสูญเสีย ได้ความบอบช้ำ ได้บ้านที่พัง ได้เศรษฐกิจที่พัง ได้อนาคตที่หายไป และได้ความเกลียดชังที่ส่งต่อเป็นมรดกข้ามรุ่น
ดังนั้นการยืนข้างสันติภาพไม่ใช่ความโลกสวย แต่มันคือความกล้าหาญทางศีลธรรม เป็นการยืนยันว่าชีวิตมนุษย์ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือ เป็นการปฏิเสธตรรกะที่เอาเด็ก คนแก่ และคนธรรมดามาเป็นต้นทุนเพื่อชัยชนะเชิงสัญลักษณ์ของชนชั้นนำ
สันติภาพไม่ได้แปลว่าปล่อยให้ความอยุติธรรมดำรงอยู่ แต่มันหมายถึงการเลือกวิธีที่ไม่เหยียบศักดิ์ศรีของมนุษย์ลงไปอีก การเจรจา การไกล่เกลี่ย การเปิดช่องทางมนุษยธรรม การรับฟังความจริงหลายด้านโดยไม่ปล่อยให้ความเกลียดเป็นคนขับ คือหนทางที่อย่างน้อยที่สุดยังรักษาความเป็นคนของเราไว้ได้
สุดท้าย ต่อให้แผนที่เปลี่ยนไปกี่ครั้ง ต่อให้เส้นแบ่งถูกขีดใหม่กี่รอบ ความจริงที่ไม่ควรถูกทำให้เลือนคือเราทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน และความเป็นมนุษย์มีค่ามากกว่าเส้นเขตแดนเสมอ เพราะเส้นเขตแดนขีดได้ แต่ชีวิตคนเรียกคืนไม่ได้
#เส้นกั้นเขตแดนคือเรื่องสมมุติชีวิตมนุษย์คือเรื่องจริง

https://pantip.com/topic/43910282