วันศุกร์, ธันวาคม 26, 2568

เสียงจากประชาชนในศูนย์อพยพจังหวัดศรีสะเกษ อาชีพรับจ้าง ไม่มีรายได้มาครึ่งเดือนเพราะต้องลี้ภัยสงคราม ในศูนย์แม้มีที่พักอาหาร แต่ย่อมมีค่าใช้จ่ายจิปาถะ เขาบอกให้เค้าท์ดาวน์ที่ 'ลานกางเต๊นท์'


ประชาไท Prachatai.com
Yesterday
·
เสียงจากประชาชนในศูนย์อพยพจังหวัดศรีสะเกษ อาชีพรับจ้าง ไม่มีรายได้มาครึ่งเดือนเพราะต้องลี้ภัยสงคราม ในศูนย์แม้มีที่พักอาหาร แต่ย่อมมีค่าใช้จ่ายจิปาถะ ตกวันละร้อยกว่าบาท รอบนี้เงินเยียวยายังไม่ได้ ยิ่งอพยพยาวชาวบ้านหาเช้ากินค่ำยิ่งอยู่ยาก ล่าสุด วันเดียวกับที่ประชาไทสัมภาษณ์ ครม. เพิ่งอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ 404.6 ล้านบาท ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามชายแดน มีผลจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้ รอบที่แล้ว อพยพ 7 วันได้ครอบครัวละ 5,000 บาท รอบนี้ต้องอพยพกี่วัน กี่เดือน จะได้ครอบครัวละเท่าไรและเมื่อไร ยังไม่กระจ่างชัด
.
“รอบนี้หนักหนากว่า
อพยพออกมา 15 วันแล้ว ไม่มีรายได้
‘เจ้านาย’ แจ้งว่า เป็นรัฐบาลรักษาการ
ไม่สามารถอนุมัติงบช่วยเหลือเยียวยาได้
แล้วจะให้พวกเราทำยังไง”
.
ป้านวล แก้วภักดี วัย 64 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวบ้านตำบลเสาธงชัย จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวอย่างสิ้นหวังระหว่างพักพิงอยู่ในศูนย์อพยพแห่งหนึ่งมา 15 วันแล้ว หลายวันก่อนเธอได้รับแจ้งจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านมักเรียกกันว่า ‘เจ้านาย’ ว่า งบชดเชยนั้นยังไม่มา ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววได้กลับบ้าน 5 ชีวิตที่ต้องนอนในเต๊นท์และมีค่าใช้จ่ายจิปาถะราววันละร้อยกว่าบาทโดยไม่มีรายได้ (สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2568)
.....


ประชาไท Prachatai.com 
December 23
·
'ลานกางเต๊นท์' ของคนชายแดน ศรีสะเกษ
"เขาบอกให้เค้าท์ดาวน์ที่นี่ มันแม่นอยู่บ่หล่ะ?"
ป้านวล (นางนวล แก้วภักดี) วัย 64 ปี ชาวบ้านตำบลเสาธงชัยที่ย้ายมาอยู่ศูนย์อพยพ จังหวัดศรีสะเกษได้ครึ่งเดือนออกปาก เมื่อถูกถามว่าปีใหม่ปีนี้ลูกหลานจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านหรือไม่
หลังมีคำสั่งจากทางทหารให้ออกจากพื้นที่ ป้านวลกับลุงศรี (ศรีราชา กระตุฤกษ์) วัย 63 ปีผู้เป็นสามี และหลานสาว 3 ชีวิต ขับรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ออกมาจากบ้าน เดินทางกว่า 50 กม. เข้าพักที่ศูนย์อพยพหแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ
นอกจากครอบครัวของป้านวลแล้วยังมีประชาชนอีก 3 หมู่บ้านในตำบลเสาธงชัยกว่า 2,000 ชีวิตเข้าพักในศูนย์อพยพชั่วคราวที่ปรับปรุงจากศาลาการเรียนของวัด ซึ่งตอนนี้ยัดแน่นไปด้วยผู้คน
ป้านวลกับครอบครัวจึงต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตเป็น 'ชาวเต็นท์'
เต็นท์ขนาดเล็กอยู่กระจัดกระจายไปตามลานวัดที่ถูกประยุกต์มาใช้เป็นศูนย์อพยพชั่วคราว
เต็นท์ราคาประหยัด ขนาดนอนสองคน 1 หลัง และขนาดนอนหนึ่งคน 1 หลัง เป็นจุดเริ่มต้นการแคมปิ้ง แต่ผ้าห่มที่เตรียมติดรถมาไม่พอ ทำให้พวกเขาต้องซื้อผ้าห่มเพิ่มอีก 1 ผืน รวมทั้งเต็นท์และผ้าห่มแล้ว หลายคนอาจตกใจเมื่อทราบว่าครอบครัวของป้านวลจ่ายเงินไป 1,000 บาทเท่านั้น
เงินพันบาท อาจเป็นจำนวนไม่มากสำหรับการเดินทางของคนเมืองไปพักผ่อนแคมปิ้งกางเต็นท์ตามสถานที่ท่องเที่ยวชายป่า แต่สำหรับคนหาเช้ากินค่ำที่เลยวัยเกษียณ ถือเป็นภาระที่สาหัส
นอกจากเงินพันที่ต้องใช้จ่ายค่าซื้อเต็นท์และผ้าห่ม ค่าใช้จ่ายรายวันที่เกิดขึ้นในการอพยพก็เป็นปัญหาใหญ่ของครอบครัวป้านวลลุงศรี
ลุงศรีเล่าว่า ตนเองและภรรยาประกอบอาชีพรับจ้างรายวันอยู่ในหมู่บ้าน รับจ้างปลูกมันสำปะหลัง รับจ้างเกี่ยวข้าวไปตามฤดูกาล ส่วนป้านวลมีอาชีพพิเศษรับผักมาขายในตลาดนัดหมู่บ้าน ซึ่งปกติมีอยู่ 2 วันคือ วันพุธและเสาร์ หักรายจ่ายแล้วสองผัวเมียมีรายได้คงเหลือวันละ 100-200 บาท ได้ส่งให้หลานสาว ม.2 ไปโรงเรียน โดยให้ค่าขนมวันละ 70 บาท
"เด็กมันกำลังโต มันใช้เงินเยอะ ตอนนี้ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาซึ่งก็คือค่าผ้าอนามัย" ป้าว่า
นอกจากอาหารการกินที่มีให้ครบ 3 มื้อในลานกางเต๊นท์แล้ว เรื่องดีอีกเล็กน้อยคือ มีผ้าอนามัยแจกให้ใช้ฟรี แต่ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นก็ยังมี รถพ่วงขนาดเล็กขนของออกจากบ้านได้จำกัดเครื่องใช้จำพวกกะละมัง ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน สบู่ แชมพู ก็เป็นภาระที่ต้องได้ซื้อในแต่ละวัน
ครอบครัวนี้ออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม จนถึงปัจจุบัน (วันที่สัมภาษณ์ 23 ธันวาคม) เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว นอกจากสถานที่พักพิงแล้วก็ยังไม่มีการช่วยเหลือใดๆ
ทั้งสองบอกว่า ครั้งนี้ไม่เหมือนการอพยพคราวที่แล้ว ตอนนั้นของบริจาคมีมาให้ใช้ไม่ขาด แต่ช่วงนี้มีของแจกเป็นมาม่าวันละซอง ไปไม่ทันก็ไม่ได้ เพราะของมีจำกัด ไม่ค่อยมีคนเอาของมาบริจาคกันแล้ว ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในศูนย์อพยพขั้นต่ำวันละ 100 กว่าบาท ขณะที่รายรับแทบไม่มี ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน และจะทำอย่างไรต่อสำหรับคนวัย 60+
เมื่อถามว่ารัฐบาลได้จ่ายค่าชดเชยหรือไม่ ป้านวลเล่าว่า คราวที่แล้ว ออกจากพื้นที่หนึ่งสัปดาห์ ได้ค่าชดเชยครอบครัว 5,000 บาท อยู่คนเดียวหรืออยู่สามคน ก็ได้ 5,000 บาทเท่ากันหมด ครอบครัวของน้องสาวของแกมี 8 คนก็ได้ 5,000 บาทเช่นกัน
“มันจะไปพออะไร ควรชดเชยเป็นรายหัวไปเลย” ป้านวลว่า
“แต่รอบนี้หนักหนากว่า อพยพออกมา 15 วันแล้ว ไม่มีรายได้ เจ้านายแจ้งว่า เป็นรัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถอนุมัติงบช่วยเหลือเยียวยาได้ แล้วจะให้พวกเราทำยังไง” ป้านวลกล่าวอย่างสิ้นหวัง
ป้านวลและสามีมีอาชีพรับจ้างรายวันและค้าขาย ไม่มีทรัพย์สิน ปศุสัตว์ ที่ดิน หรือไร่สวน เราอาจคาดเดาว่าพวกเขาไม่มีภาระใดๆ ให้ห่วงกังวลพื้นที่ที่จากมา แต่ความจริงแล้วเธออยากกลับบ้านตลอดเวลา
เหตุผลก็เพราะที่บ้านเลี้ยงแมวอยู่ 10 ตัว ไม่ได้ไปขวนขวายหามาเลี้ยง แต่เป็นแมวที่คนอื่นเอามาปล่อย เธออยากกลับเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อเข้าไปดูแมว
“เขาประกาศไม่ให้เข้าพื้นที่เด็ดขาด ไม่รู้เลยว่าพวกแมวจะอยู่ยังไง” ป้านวลรำพัน
ติดตามซีรีส์ 'ชีวิตชายแดน' ได้ต่อเนื่องที่ประชาไท

อ่านต่อ https://prachatai.com/journal/2025/12/116041