
MaggieF8
December 27
·
คำทำนายสุดดาร์กจากปากสิงห์ วรรณสิงห์ ทำไมเราต้องฟังคนเห็นต่างก่อนจะสาย
1. เวเนซุเอล่าสามารถถูกมองเป็นภาพสะท้อนของประเทศไทยที่ถูกคูณด้วย 5 เท่า หรืออาจเป็นภาพอนาคตของไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากเราไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อเบรกวิถีทางที่เรากำลังดำเนินไป บางครั้งการรับฟังเรื่องที่ไม่สบายใจหรือขัดใจอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศเดินไปสู่เส้นทางที่ยากลำบากในอนาคต การที่ประชาชนหรือผู้มีอำนาจมัวแต่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างสุรุ่ยสุร่าย โดยไม่มีการสร้างเศรษฐกิจใหม่มารองรับ ซึ่งในที่สุดระบบเหล่านี้ก็จะรอวันพังทลายลงได้
2. สถานการณ์ในเวเนซุเอล่าถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือนมะเร็ง ซึ่งแตกต่างจากสงครามยูเครนที่เป็นเหมือนแผลสด หรือสงครามในเมียนมาร์ที่เป็นปัญหารื้อรัง ความรุนแรงในประเทศนี้ไม่ได้มาจากกระสุนหรือระเบิดโดยตรง แต่มาจากความรุนแรงแบบเชื่องช้า (Slow Violence) ซึ่งหมายถึงการสร้างเงื่อนไขในการใช้ชีวิตที่นำไปสู่ความรุนแรงทางจิตใจ ทางอารมณ์ และท้ายที่สุดอาจนำไปสู่ความรุนแรงเชิงกายภาพได้ การเล่าเรื่องราวของเวเนซุเอล่าจึงค่อนข้างยาก เพราะปัญหาเกิดจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อน ไม่ใช่แค่การรุกรานจากประเทศอื่นเท่านั้น
3. เวเนซุเอล่าเป็นประเทศแห่งความสุดโต่งอย่างแท้จริง ในด้านหนึ่ง เขาเป็นประเทศที่มีน้ำมันดิบใต้ดินเยอะที่สุดในโลก แต่อีกด้านหนึ่ง เขากลับเป็นประเทศที่มีสถิติการวิสามัญฆาตกรรมเยอะที่สุดในโลกด้วย นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ที่คนส่วนใหญ่นึกถึงคือเวเนซุเอล่ามีชื่อเสียงด้านนางงาม โดยเป็นประเทศที่ชนะการประกวดมิสยูนิเวิร์สมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และโดยเฉลี่ยแล้วผู้คนบนท้องถนนก็หน้าตาดีมาก
4. ปัญหาหลักของเวเนซุเอล่าคือการพึ่งพาทรัพยากรเพียงอย่างเดียว คือน้ำมัน เมื่ออดีตประธานาธิบดี ฮูโก ชาเวซ เข้ามามีอำนาจ ก็ได้ประกาศโครงการประชานิยมเพื่อดูแลคนจนจำนวนมาก โดยใช้รายได้จากน้ำมันเป็นหลัก และแทบจะนำเข้าทุกอย่าง ทำให้ประเทศไม่ได้ผลิตอะไรเองเลย เมื่อราคาน้ำมันดิ่งลง เศรษฐกิจที่พึ่งพาสิ่งเดียวก็พังลงทันที
5. เพื่อแก้ไขปัญหารัฐบาลได้เลือกวิธีการพิมพ์เงิน เพิ่มขึ้นเพื่อมาจ่ายค่าใช้จ่ายในโครงการประชานิยมที่สร้างไว้มากมาย การพิมพ์เงินจำนวนมหาศาลนี้เองที่ทำให้มูลค่าของเงินในระบบลดลงอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่สูงมาก ในปี 2018 อัตราเงินเฟ้อเคยสูงถึงประมาณ 130000% ต่อปี ซึ่งหมายความว่าของที่มีราคา 1 บาท จะกลายเป็น 1300 บาทภายในปีเดียว
6. ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงส่งผลกระทบอย่างมากต่อประชาชน โดยเฉพาะคนจน คนที่มีอำนาจและพวกพ้องสามารถเข้าถึงเงินดอลลาร์ได้ ทำให้พวกเขารวยขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เงินของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเงินออมในธนาคาร แทบจะไม่มีค่าเลย นี่คือการขโมยเชิงมูลค่า โดยที่รัฐบาลไม่ได้ขโมยโดยตรง แต่ทำให้มูลค่าของสิ่งที่พวกเขามีลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
7. แม้ว่าสถานการณ์จะดูเลวร้าย แต่รัฐบาลก็เริ่มมีการปรับตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เดินทางไปถ่ายทำ พวกเขาเริ่มอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปใช้เงินดอลลาร์ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อน นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดตัวเลขศูนย์ออกจากค่าเงินถึง 8 ตัว เพื่อให้ราคาสินค้าไม่เป็นหลักพันล้าน และมีการอิงราคาสินค้าจากดอลลาร์ เพื่อให้เศรษฐกิจมีความเสถียรมากขึ้น
8. ในปัจจุบัน การใช้จ่ายในเวเนซุเอล่ามีระบบที่ทันสมัยขึ้น แทนที่คนจะพกเงินเป็นถุงพลาสติกเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้มีการใช้บัตรเครดิตได้เกือบทุกที่ แม้แต่ร้านโชห่วย คล้ายกับประเทศอื่น ๆ เช่น โซมาเลีย ที่ผู้คนจ่ายเงินผ่านระบบมือถือ แม้จะเป็นประเทศที่ขาดรัฐบาลมานานแล้วก็ตาม
9. การเตรียมตัวถ่ายทำสารคดีในเวเนซุเอล่าค่อนข้างซับซ้อน ต้องมีการวางแผนนานกว่า 3 เดือน เพื่อประสานประเด็นเชิงเศรษฐศาสตร์ การเมือง และสถานการณ์ความรุนแรงบนพื้นที่จริงเข้าด้วยกัน การเล่าเรื่องจำเป็นต้องทำให้ผู้ชมเข้าใจว่าความรุนแรงเหล่านั้นเป็นผลมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ซับซ้อน โดยที่ไม่น่าเบื่อจนเกินไป
10. การเข้าประเทศเวเนซุเอล่ากลับไม่ได้ยากนัก แต่การหาผู้ประสานงาน (Fixer) ที่เชี่ยวชาญนั้นสำคัญมากโรมัน ฟิกเซอร์ที่ได้ร่วมงานด้วย เป็นนักข่าวอาชญากรรมที่ทำงานด้วยตัวเอง (ไม่มีสังกัด) เขาเป็นมืออาชีพมาก มีคอนเนกชันกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแก๊ง ตำรวจ หรือรัฐบาล เขาทำงานได้คล่องแคล่วและรู้จริงว่าอะไรทำได้หรือทำไม่ได้
11. เปตาเร่ (Petare) ซึ่งเป็นสลัมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงคารากัส มีผู้คนอาศัยอยู่มากกว่า 400000 คน สลัมเหล่านี้ถูกเรียกว่าบาริโอ (Barrio) ในภาษาสเปน ลักษณะคือผู้คนค่อย ๆ เข้าไปยึดครองที่ดินและสร้างสิ่งปลูกสร้างซ้อน ๆ กันขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อหาเลี้ยงชีพในเมือง
12. สภาพในเปตาเร่เป็นภาพสะท้อนของความเหลื่อมล้ำที่ชัดเจนมาก เราสามารถขับรถออกจากถนนที่เต็มไปด้วยตึกสูงและบ้านหรูหราในคารากัส แล้วข้ามไปอีกฝั่งที่เต็มไปด้วยสลัมขนาดใหญ่ทันที โดยมีแค่ทางด่วนเส้นเดียวที่แบ่งโลกทั้งสองนี้ออกจากกัน แทนที่จะเป็นที่ดินแพงสำหรับคนรวยเหมือนในประเทศทั่วไป เนินเขากลับกลายเป็นที่อยู่ของคนยากจน
13. ในสลัมขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ระบบน้ำประปาที่ใช้งานไม่ได้ ทำให้ชาวบ้านต้องซื้อน้ำใส่ถังจากเอกชนที่ควบคุมน้ำอยู่บนภูเขา ซึ่งถูกเปรียบเหมือนฉากในภาพยนตร์ Mad Max นอกจากนี้ โครงสร้างที่รัฐบาลเคยสร้างไว้ เช่น เสาของรถกระเช้า (เคเบิลคาร์) เพื่อให้ชาวบ้านเดินทางขึ้นลงภูเขาได้ง่าย กลับถูกทอดทิ้งและไม่ได้รับการดูแล
14. แม้จะมีระบบสวัสดิการ แต่ก็ดูแลไม่ทั่วถึง รัฐบาลพยายามสร้างระบบคล้ายสังคมนิยม เพื่อดูแลคนจน โดยการอุดหนุนราคาในบางจุด เช่น มีร้านค้าหรือปั๊มน้ำมันที่ขายสินค้าราคาถูกกว่าตลาด อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ทำให้เกิดตลาดมืด (Black Market) ขึ้นมา เพราะคนก็ไปซื้อของถูกจากตลาดที่รัฐบาลอุดหนุน แล้วนำไปขายในราคาตลาดจริงเพื่อทำกำไร
15. แก๊งอาชญากรรมไม่ได้ทำแค่อาชญากรรมเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นผู้แข่งกับรัฐบาล ในการดูแลชุมชน แก๊งเหล่านี้พยายามเอาชนะใจชาวบ้านโดยการให้ของ ให้เงิน เพื่อให้ชาวบ้านสวามิภักดิ์ต่อพวกเขา ในทางกลับกัน ฝ่ายตำรวจก็พยายามเอาชนะใจชาวบ้านด้วยเช่นกัน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางมาเฟีย 2 แก๊งที่พยายามแย่งชิงอำนาจกัน
16. แก๊งอาชญากรรมในเวเนซุเอล่ามีอาวุธครบมือ ไม่เหมือนแก๊งอันธพาลทั่วไป พวกเขามีระเบิด C4 ปืนกล บาซูก้า และมีการสร้างลานจอดเฮลิคอปเตอร์อยู่บนยอดเขาสลัมด้วย หากปล่อยให้เติบโตไปเรื่อย ๆ แก๊งเหล่านี้อาจมีอำนาจทัดเทียมกับ warlords (ขุนศึก) ได้
17. มีการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างตำรวจกับแก๊งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ตำรวจกับแก๊งเคยเปิดฉากยิงกันกลางเมืองคารากัสเหมือนกับพื้นที่สงครามจริง ๆ แม้ในปัจจุบันสถานการณ์จะบรรเทาลงแล้ว แต่ความรุนแรงของอัตราการฆาตกรรมยังคงสูงอยู่
18. ความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับอาชญากรมีความซับซ้อนมาก มีกรณีที่สมาชิกแก๊งที่ถูกปราบปรามต่อรองสำเร็จ และถูกรับเข้ามาอยู่ในหน่วยตำรวจ นอกจากนี้ หน่วยตำรวจที่โหดที่สุดบางหน่วยยังโดนยุบไปเนื่องจากมีชื่อเสียงที่ไม่ดี และถูกแปลงร่างไปเป็นหน่วยอื่นเพื่อเหตุผลด้าน PR สมาชิกของหน่วยเดิมบางส่วนก็ยังคงอยู่ในกองทัพตำรวจด้วย
19. แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แต่เงินเดือนของตำรวจก็ต่ำมากเช่นกัน และพวกเขามักจะดูไม่เหมือนกับภาพลักษณ์ตำรวจที่แข็งแกร่งในหนัง บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าตำรวจกับสมาชิกแก๊งก็มาจากสภาพแวดล้อมเดียวกัน เพียงแต่เลือกที่จะอยู่คนละฝั่งเท่านั้น
20. ชุมชนที่ถูกทอดทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบคือกลุ่มชนพื้นเมืองยุคปา (Yuku-pa) พวกเขาอาศัยอยู่ในเพิงริมถนนที่สภาพย่ำแย่กว่าในสลัม คนเหล่านี้คือคนที่หนีภัยความรุนแรงมาจากชายแดน พวกเขาไม่มีเงิน และเมื่อติดต่อไปขอสัมภาษณ์ พวกเขากลับขอยา มากกว่าเงิน เพราะมีเด็กกำลังจะตายอยู่ริมถนนและไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้
21. การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเวเนซุเอล่ายังคงมีปัญหา มาดูโร่ ชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง แม้จะมีข้อกังขาเรื่องความโปร่งใส ทำให้หลายประเทศรวมถึงสหรัฐ และสหภาพยุโรปไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยมีการออกหมายจับและตั้งค่าหัวมาดูโร่ด้วย การไม้ยอมรับนี้ส่งผลให้เวเนซุเอล่าโดนคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ (Sanction) ซึ่งทำให้ประเทศยากจนลงไปอีก
22. แรงกดดันจากต่างประเทศต่อเวเนซุเอล่าไม่ได้มีแค่ทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังมีในเชิงการทหารด้วย สหรัฐ เคยส่งเรือรบมาประชิดน่านน้ำของเวเนซุเอล่า โดยอ้างเหตุผลว่ามาปราบปรามแก๊งยาเสพติด ในขณะที่เวเนซุเอล่าก็มีการเดินพาเหรดทหาร แสดงยานรบ เพื่อแสดงแสนยานุภาพให้ทั่วโลกเห็นว่าตนก็มีกำลังเช่นกัน
23. น่าเสียดายที่เวเนซุเอล่ามีทรัพยากรน้ำมันมากมาย แต่กลับขาดความสามารถในการขุดขึ้นมาใช้ประโยชน์ แม้แต่นักข่าวในประเทศก็พูดว่าถ้าบริหารดี ๆ บ้านกูเป็นดูไบไปแล้ว ประเทศนี้ไม่ได้ใหญ่โตมาก ประชากรแค่ 30 ล้านคน ซึ่งสามารถดูแลได้ แต่การพึ่งพาสิ่งเดียวโดยไม่กระจายความเสี่ยง (Diversify) และไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศอยู่ในสภาพนี้
24. การที่เวเนซุเอล่าไม่ได้ทำตามระเบียบของประชาคมโลก ทำให้ประเทศกลายเป็นประเทศเพื่อนน้อย การขาดการสนับสนุนจากนานาชาติและถูกกดดันจากมหาอำนาจ ทำให้การค้าขายและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปได้ยากมาก
25. ในการบุกตรวจค้นสลัมของตำรวจ แม้จะไม่ได้เป็นการทำเพื่อโชว์สื่อ แต่ตำรวจต้องปฏิบัติการอยู่แล้ว ชาวบ้านที่นั่นแสดงความชินต่อเหตุการณ์เหล่านี้ แต่ก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ เพราะไม่มีทางเลือก พวกเขาต้องทำมาหากิน กินข้าว อาบน้ำ ใช้ไฟเหมือนเดิม แม้จะมีตำรวจหรือความขัดแย้งเกิดขึ้นรอบตัวก็ตาม
26. การเข้าพื้นที่สลัมของตำรวจทำในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นภาพที่น่าตื่นเต้นแต่ก็สวยงามมาก แสงไฟจากบ้านเรือนที่อยู่บนเนินเขาสูง ดูเหมือนเป็นทะเลดาว หรือท้องฟ้าที่กลับหัวลงมาบนพื้นดิน อย่างไรก็ตาม การถ่ายทำนั้นยากมาก เพราะต้องใช้เลนส์แมนนวลและมีการเร่งความสว่างเนื่องจากแสงน้อย
27. การเดินทางเข้าไปในสลัมเปตาเร่เป็นหนึ่งในการถ่ายทำที่ยากลำบากที่สุด แม้ว่าการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์จะไม่ได้โหดเท่าที่กะเหรี่ยง แต่การเดินถืออุปกรณ์หนัก ๆ ในสลัมที่ตำรวจเดินเร็วมากนั้นเหนื่อยมาก และต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
28. ภาพช็อตสำคัญที่สะท้อนอารมณ์ของการเดินทางครั้งนี้คือภาพเด็กที่ถูกอุ้มและมือที่อุ้มนั้นถือมีดอยู่ เด็กคนนี้มีร่องรอยบาดแผลเต็มขา ภาพนี้ถูกตีความว่าเป็นการสื่อถึงความสิ้นหวัง และความรู้สึกที่ว่าสังคมนี้ขาดการดูแลโดยสมบูรณ์ โดยเด็กถือเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง แต่การที่เด็กอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าการจะออกจากหลุมนี้ในสังคมที่พังทลายเป็นเรื่องยากมาก
29. จากการสังเกตหน่วยตำรวจในการตรวจพื้นที่ จะเห็นว่าพวกเขาต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยการให้ชาวบ้านยืนชิดกำแพง ตรวจค้นอย่างละเอียด บรรยากาศนี้เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันที่ชาวบ้านต้องยอมรับ และเมื่อเด็ก ๆ เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่พวกเขาถูกปฏิบัติแบบนี้ตลอดเวลา ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อมุมมองชีวิตของพวกเขาอย่างแน่นอน
30. แม้ว่าหลายคนจะมองว่าการกำจัดความรุนแรงในเวเนซุเอล่าคือการฆ่า อาชญากรทิ้ง ซึ่งในทางหลักการแล้วไม่ควรเป็นเช่นนั้น แต่การล่มสลายของระบบและการขาดความเชื่อใจ ทำให้การเจรจาหาทางออกเป็นไปไม่ได้ในระยะสั้น ดังนั้น การใช้ปืนจึงกลายเป็นทางออกที่รัฐเลือกใช้ ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การปราบปรามอาชญากรรม แต่คือการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองที่พยายามแย่งชิงอำนาจในเชิงอำนาจรัฐด้วย
https://www.facebook.com/photo/?fbid=122117469615016745&set=a.122094513273016745
(FULL) เปิดใจ คุยคุ้ยเถื่อน04 : มองอนาคตประเทศไทย ผ่าน ' เวเนซุเอลา ' | เถื่อนTravel Bad Bad World
ป๋าเต็ด
Dec 26, 2025
(FULL)
คุยคุ้ยเถื่อน Bad Bad World
กับ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
ตอน เวเนซุเอลา:เมื่อรัฐล่มสลาย
0:00 Highlight
02:27 พูดถึง ‘เวเนซุเอลา’ แล้วนึกถึง…
04:21 นิยามของ ‘Slow Violence’ คืออะไร ?
05:06 ปัญหาในเวเนซุเอลาเหมือน ‘มะเร็ง’ !
5:38 ภาพของ ‘เวเนซุเอลา’ ในความคิด กับความจริง
9:16 เตรียมตัวเดินทาง และหา Fixer ยังไง ?
11:17 (ซีนที่ 1) Garagas ความสิ้นหวังที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง
14:39 วิกฤตเงินเฟ้อกว่า ‘แสนเปอร์เซ็นต์’ !!
17:44 ‘โรมัน’ Fixer นักข่าวอิสระสายลุย
18:53 มุมมองปัญหาจากคน ‘ท้องถิ่น’
20:58 (ซีนที่ 2) Petare สลัมอันดับ 2 ของโลก
23:42 อยู่กันยังไงกับรายได้ 1,000 บาทต่อเดือน ?
26:07 Petare ต่างจากสลัมที่อื่นอย่างไร ?
29:38 (ซีนที่ 3) การแย่งชิงอำนาจระหว่าง ‘รัฐบาล’ และ ‘แก๊งอาชญากรรม’
33:14 ‘ความฝัน’ ของคนหนุ่มสาวในเวเนซุเอลา
35:51 ความคล้ายคลึงที่เกิดขึ้นใน ‘ปาเลสไตน์’
37:31 (ซีนที่ 4) การทำงานของหน่วย F.A.E.S
41:53 ปัญหา ‘น้ำมัน’ ‘คอรัปชั่น’ และ ‘การเมืองระหว่างประเทศ’ ในเวเนซุเอลา
45:43 เหตุผลว่าทำไมต้องทำตาม ‘ระเบียบโลก’
46:59 เวนซุเอลา ‘โกงเลือกตั้ง’ จริงไหม !?
48:50 (ซีนที่ 5) ‘ชาวยุคปา’ ชนชั้นล่างสุดที่ถูกทอดทิ้งจากทุกฝ่าย
51:34 ถ้า ‘ไทย’ ไม่แก้ไขจะกลายเป็นแบบ ‘เวเนซุเอลา’ !!
54:00 (ซีนที่ 6) ภาพประจำทริป ‘เด็กทารกที่เต็มไปด้วยรอยผด’
56:02 (ซีนที่ 7) เข้าทำภากิจใน Cota 905
57:29 พื้นที่ที่ถ่ายทำ ‘ยากที่สุด’ ตั้งแต่เคยถ่ายมา !!
59:33 เบื้องหลัง ‘การถ่ายทำ’ ใน Cota 905
1:03:05 พื้นเพ ‘ความขัดแย้ง’ ที่เคยเกิดขึ้น
1:04:20 ‘อาชญากร’ ควรโดนกำจัดทิ้งทั้งหมดไหม ?
1:05:36 TO BE CONTINUED
เรียนรู้ 'ความล่มสลาย'
แล้วย้อนมามองสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว อะไรคือสิ่งที่กำลังจะพาเราไปสู่จุดนั้น ?
อะไรคือสิ่งที่เราควรทำ ?
อะไรคือสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อ
' อนาคต ' ของประเทศไทยจริง ๆ
คำถามเหล่านี้ผมเชื่อว่า
ทุกท่านจะได้คำตอบไปไม่มากก็น้อย
จากการรับชมบทสนทนาระหว่างผม กับคุณสิงห์
ใน เถื่อน Travel ซีซั่นล่าสุด ที่เขามีโอกาส
ได้ผจญภัยไปในเวเนเซุเอลาครับ : )
https://www.facebook.com/photo/?fbid=122117469615016745&set=a.122094513273016745
https://www.youtube.com/watch?v=ZpqdWZT4zok