วันเสาร์, ธันวาคม 27, 2568

กรณี กัน จอมพลัง ใช้ตรากองทัพของทหารกัมพูชาเป็น War Trophy - War Trophy ของที่ระลึกจากความสูญเสียฝ่ายตรงข้าม อาจปลุกเร้าให้ทหารไทยฮึกเหิมชนะศึก แต่มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้ไทยแพ้พ่ายในสมรภูมิที่แท้จริง


ลุง‘s-eye view
Yesterday
·
War Trophy ของที่ระลึกจากความสูญเสีย อาจทำให้ไทยชนะศึก แต่แพ้พ่ายในสงคราม

หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่เพราะกรณีเงินบริจาคและความสัมพันธ์ที่อาจจะเทาๆ กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า ตอนนี้ กัน จอมพลัง กลับมาปรากฏตัวตรงพื้นที่พรมแดนไทย-กัมพูชาแล้ว และครั้งนี้อินฟลูเอนเซอร์คนดังอาจสร้าง ‘ความพัง’ ให้กับความขัดแย้งระหว่างประเทศมากกว่าเดิม

หลายเดือนก่อน กัน จอมพลัง ระดมทุนช่วยทหารและชาวบ้านก็จริง แต่อีกด้านก็สร้างวีรกรรมไว้หลายอย่าง เช่น ทำให้กองทัพถูกตั้งคำถามเรื่องงบประมาณ ทะเลาะกับนักสิทธิมนุษยชน และเกิดคำถามว่า กัน จอมพลัง มีสิทธิอะไรถึงไปเพ่นพ่านสร้างเรื่องในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้กฎหมายพิเศษได้

ล่าสุด กัน จอมพลัง โชว์ตราสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชาที่ถูกตัดออกมาจากแขนเสื้อ ว่ากันอย่างตรงไปตรงมาคือเป็น War Trophy ที่ฉกชิงมาจากร่างทหารฝ่ายตรงข้ามผู้เสียชีวิต แล้วคอมเมนต์เองว่า "งานรีบเลยติดเสื้อมาด้วยกลิ่นแรงมากต้องล้างมือหนักๆ" พร้อมข้อความ 'แซะ' กลุ่มเรียกร้องสันติภาพ คอนเทนต์นี้กลายเป็นกระแสกระจุยกระจาย ในเชิงปลุกเร้าความเกลียดชัง เป็นต้นว่าตราดังกล่าวสกปรก ให้ใช้ตี_คีบ คุณกันควรไปล้างมือให้สะอาด ฯลฯ

ย้อนไปก่อนหน้านั้น ต้นเดือนธันวาคม สำนักข่าวช่องหนึ่งรายงานว่า "ศพทหารเขมรตายเกลื่อน! ทหารขอตัดอาร์มธงชาติเก็บเป็นที่ระลึก" มียอดวิวนับล้าน คอมเมนต์แสดงความสะใจเพียบ
ต่อมา เพจหนึ่งโพสต์ภาพที่ระบุว่าเป็นอาร์มหรือเครื่องหมายของทหารกัมพูชาจำนวนมาก พร้อมข้อความที่สร้างความโกรธเคืองให้กับฝั่งกัมพูชาว่า "อาร์มของทหารกัมพูชาที่สอยมากองเท่าภูเขา ไม่มีค่าเท่าอาร์มยุทธบดินทร์ของทหารไทยแค่เพียงชิ้นเดียว"

ดังที่หลายฝ่ายว่าไว้ ว่าหากแง้มหลังคาบ้านที่แปะป้ายชาตินิยมไม่ยอมเสียเอกราขให้ใครแม้ตารางนิ้วเดียว จะเห็นได้ว่า ในเวทีโลกนั้น แทบจะไม่มีใครยืนข้างไทยหรือเห็นดีเห็นงามกับสถานการณ์ที่คนในชาติร้องเฮโลสะใจกันอยู่ตอนนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นการตอบโต้ที่ไม่ได้สัดส่วน การตั้งแง่ไม่เจรจา ไม่ยอมหยุดยิงก่อน บ่ายเบี่ยงผู้ตรวจการพิเศษอาเซียน และปล่อยให้การเข่นฆ่ากลายเป็นความชอบธรรม จนกลายเป็นว่าบางพรรคการเมืองกำลังฉวยโอกาสนี้สร้างความได้เปรียบในเชิงการเมือง

กรณี กัน จอมพลัง ใช้ตรากองทัพของทหารกัมพูชาเป็น War Trophy หรือของที่ระลึกจากสงคราม เป็นประเด็นละเอียดอ่อนมาก จนอาจเข้าข่ายละเมิดหลักมนุษยธรรม และข้ามเส้น ‘ความเป็นมนุษย์’ อย่างน่ากลัว และอาจทำให้ไทยกลายเป็นรัฐเถื่อนที่ไม่เคารพกฎหมายสากล - เหตุผลเพราะแค่เลือดรักชาติ ชาตินิยม ความสะใจ และได้คอนเทนต์เด็ดๆ

กับกรณีแบบนี้ เรากำลังแลกต้นทุนความน่าเชื่อถือของชาติกับยอดเอนเกจเมนต์ที่อยู่ไม่กี่วัน เพราะสิ่งนี้อาจทำให้ไทยต้องเสียเปรียบในเกมยาว

หากพิจารณาตามหลักสากล การนำสัญลักษณ์หรือทรัพย์สินจากร่างผู้เสียชีวิตในสถานการณ์ความขัดแย้งมาแสดงต่อสาธารณะ สามารถลุกลามไปได้ทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนและทำให้ไทยเสียเปรียบในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ เช่น

หลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL)

ตามอนุสัญญาเจนีวา (Geneva Conventions) กฎหมายสากลว่าด้วยการทำสงครามและการขัดกันด้วยอาวุธ มีหลักการที่ระบุไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับการให้เกียรติศพว่า

- ห้ามปล้นสะดมศพ: กฎหมายระบุว่า คู่ขัดแย้งต้องป้องกันไม่ให้มีการนำทรัพย์สิน ของมีค่า ของส่วนตัวออกจากร่างผู้เสียชีวิต เว้นแต่เพื่อการระบุตัวตนหรือความจำเป็นทางทหาร

- การรักษาศักดิ์ศรีของผู้เสียชีวิต: การนำสัญลักษณ์ของทหารที่เสียชีวิตมาแสดงต่อสาธารณะในลักษณะที่อาจดูเป็นการเหยียดหยาม สร้างความสะใจ ปลุกระดม ทำคอนเทนต์ เรียกเอนเกจเมนต์ นำความตายมาเรียกยอดผู้ชม สร้างความเกลียดชัง ถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ และขัดต่อจริยธรรมสากลที่ทุกกองทัพทั่วโลกควรยึดถือ

ในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ การสร้างคอนเทนต์ปั่นๆ ของอินฟลูเอนเซอร์ย่อมทำให้ไทยสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียความชอบธรรมมากกว่าเดิม เช่น เป็นการทำลายภาพของรัฐที่ยึดถือหลักนิติธรรม ไร้การควบคุมมาตรฐานจริยธรรมในพื้นที่ขัดแย้ง และฝ่ายตรงข้ามก็สามารถนำภาพเหล่านี้ไปใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเรียกความเห็นใจจากชาวโลกได้ และปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของไทยจะกลายเป็นผู้ไร้มนุษยธรรม

ในทางปฏิบัติ ตามกฎหมายว่าด้วยการขัดกันด้วยอาวุธ (Law of Armed Conflict: LOAC) ที่มีรายละเอียดข้อหนึ่งระบุถึงสิ่งของที่มีลักษณะเป็น War Trophy ว่า กองทัพต้องปฏิบัติต่อร่างของฝ่ายตรงข้ามในฐานะมนุษย์ รวบรวมข้อมูลเพื่อระบุตัวตน เก็บรักษาทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อส่งคืน และจัดการศพอย่างมีเกียรติตามประเพณีทางศาสนา

และตามกฎหมายนี้ ทรัพย์สินที่อนุญาตให้ยึดได้คือยุทธภัณฑ์ หรืออาวุธ เช่น ปืน กระสุน แต่ทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งนับรวมเครื่องหมายยศหรือเหรียญตราที่ติดอยู่กับตัวผู้เสียชีวิต ห้ามนำมาเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว หรือนำมาแสดงเพื่อความบันเทิง เพราะถือเป็นการปล้นสะดมที่ผิดวินัยทหารร้ายแรงและผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ตัวอย่างของการล่า War Trophy ที่ไร้มนุษยธรรม เช่น ในปี 2010 กลุ่มทหารสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานถูกดำเนินคดีอาญาและถูกตัดสินจำคุก หลังจากถ่ายรูปคู่กับศพชาวบ้านและเก็บชิ้นส่วนร่างกายหรือสิ่งของของผู้ตายไว้เป็นที่ระลึก กรณีนี้สร้างความเสื่อมเสียให้กองทัพสหรัฐฯ อย่างมหาศาล และถูกประณามจากประชาคมโลกตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่มองว่า การลบหลู่เกียรติยศส่วนบุคคลต่อร่างผู้เสียชีวิต ถือเป็น ‘อาชญากรรมสงคราม’ อย่างหนึ่ง เพราะแม้ผู้คนจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ยังคงต้องได้รับการคุ้มครอง

มีหลายความเห็นพยายามวิจารณ์การโชว์ War Trophy เพื่อปลุกเร้าให้ทหารไทยชนะในสนามรบ แต่การกระทำแบบนี้มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้ไทยแพ้พ่ายในสมรภูมิที่แท้จริง เพราะในความขัดแย้งระหว่างประเทศ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีแค่ทหาร ยุทโธปกรณ์ เครื่องบิน รถถัง กระทั่งชีวิตพลเรือน แต่ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น ความชอบธรรม จริยธรรม และความเป็นมนุษย์ ซึ่งถ้าหากไทยพ่ายแพ้ในหลายประเด็นเหล่านี้ โดยเฉพาะกลางสปอตไลต์สายตาชาวโลก และนำไปสู่การคว่ำบาตรหรือตัดความสัมพันธ์ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะมากกว่าการอ้างความชอบธรรมจากเส้นที่ไม่เท่ากันบนแผนที่แน่ๆ

ความเสียเปรียบที่ไทยจะต้องเจอ กับยอดเอนเกจเมนต์ที่ได้มา มันเทียบกันแล้วคุ้มจริงหรือ?

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1484190297049216&set=a.476773681124221