
ลุง‘s-eye view
December 18
·
15 ปี ‘อาหรับสปริง’ ความหวังของประชาชนที่เป็นได้แค่คลื่นกระทบฝั่งย้อนไป 15 ปีที่แล้ว ‘คลื่นปฏิวัติ’ ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในโลกอาหรับ หลายคนคาดว่าการลุกฮือของประชาชนที่ส่งผลให้บรรดาผู้นำสายเผด็จการล้มระเนระนาดเป็นโดมิโนจะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของประวัติศาสตร์โลกได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อำนาจและความเท่าเทียมยิ่งลอยห่างจากมือประชาชน คล้ายกับว่า ‘อาหรับสปริง’ จะเป็นเพียงแค่ความหวังที่ปรากฏขึ้นชั่วคราวเท่านั้น
ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตูนิเซีย มูฮัมเหม็ด บูอาซีซี ต้องลาออกจากการเรียน ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ไม่เอื้อต่อการเริ่มต้นใช้ชีวิต เขาจึงต้องมาเข็นรถขายผักผลไม้เพื่อช่วยเหลือครอบครัว แต่ต้องถูกตำรวจหญิงหมิ่นหยามและตบหน้า ยึดรถขายผลไม้ ปรับเงิน เพราะไม่มีใบอนุญาต
17 ธันวาคม 2010 บูอาซีซี วัย 26 ปี ตัดสินใจทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการเผาตัวเอง ที่เมืองซิดีบูซิด ก่อนที่จะเสียชีวิตในวันที่ 4 มกราคม 2011
การเผาตัวเองของบูอาซีซีลุกลามสู่ ‘การปฏิวัติดอกมะลิ’ (Jasmine Revolution) และลุกลามไปทั่วดินแดนอาหรับ กลายเป็น ‘อาหรับสปริง’ (Arab Spring) ข้ามปีมาถึง 2011
แต่การลุกฮือของประชาชนในอาหรับสปริงกลับไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ เพราะการประท้วงในครั้งนั้นเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและรวดเร็ว ไม่มีโครงสร้าง ไม่มีแกนนำ และมาจากความโกรธแค้น ผลก็คือ ความโกรธแค้นของผู้คนจำนวนมากที่แห่แหนกันลงถนนสามารถขับไล่ผู้นำเผด็จการได้ก็จริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือสุญญากาศทางการเมืองชั่วขณะ
หรือพูดง่ายๆ คือ ประชาชนแสดงพลังเพื่อล้มเผด็จการได้จริง แต่ไม่ได้เตรียมแผนล่วงหน้าว่าล้มแล้วอนาคตของประเทศจะเอาอย่างไรต่อไป
การเมืองของแต่ละประเทศที่อยู่ในคลื่นอาหรับสปริงมีลักษณะเฉพาะตัว แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เกิดความวุ่นวายตามมามากมาย ชนิดที่ว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายมหาศาลกลับเกิดขึ้นตามมา บ้างทำให้เกิดเผด็จการในรูปแบบใหม่ บ้างกลายเป็นรัฐที่ล่มสลาย บ้างทำให้รัฐพันลึกยิ่งซับซ้อน และบ้างเป็นชนวนสงครามกลางเมืองยาวนานข้ามทศวรรษ
ตูนิเซียล้มเผด็จการ: ประธานาธิบดี ซีน เอล อบิดีน เบน อาลี ที่ปกครองประเทศมา 23 ปี ถูกโค่นอำนาจ
ได้เผด็จการคนใหม่: ปี 2019 ไคส์ ไซเยด ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ปี 2021 ไซเยดก็ทำรัฐประหารตัวเอง ยุบสภา ปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ควบคุมปิดปากสื่อ แทรกแซงระบบตุลาการ แก้รัฐธรรมนูญ รวบอำนาจมาไว้ที่ประธานาธิบดี และต่อมาปี 2024 ก็ชนะเลือกตั้งครั้งใหม่พร้อมมีอำนาจในมือมากกว่าเดิม
อียิปต์ล้มเผด็จการ: ประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัก ที่ปกครองประเทศมานานกว่า 30 ปี ลาออกจากตำแหน่ง และให้สภากองทัพบริหารประเทศชั่วคราว
ได้เผด็จการทหาร: หลังอาหรับสปริง อียิปต์ได้ โมฮัมเหม็ด มอร์ซี จากกลุ่มภราดรภาพมุสลิม เป็นผู้นำคนใหม่ แต่ปี 2013 ก็ถูกกองทัพยึดอำนาจคืน โดย อับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิซี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและรัฐมนตรีกลาโหม ขึ้นเป็นประธานาธิบดี และอยู่ในตำแหน่งยาวนานจนปัจจุบัน
ลิเบียล้มเผด็จการ: มูอัมมาร์ กัดดาฟี ที่ปกครองประเทศมานานกว่า 42 ปี ถูกสังหาร
ได้รัฐที่ล่มสลาย: หลังอาหรับสปริง ลิเบียเกิดสงครามกลางเมือง ประเทศวุ่นวายและไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ปัจจุบันลิเบียแตกเป็นสองเสี่ยง คือ ฝั่งตะวันตกที่ตริโปลี มีรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (Government of National Unity: GNU) ที่ได้รับการยอมรับในระดับเวทีนานาชาติ ส่วนฝั่งตะวันออกที่เบงกาซี มีรัฐบาลรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (Government of National Stability: GNS) ที่มีผู้สนับสนุนคือสภาผู้แทนราษฎรและกองทัพแห่งชาติลิเบีย ส่วนการเลือกตั้งใหม่ก็ถูกเลื่อนมาหลายครั้ง โดยล่าสุดคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2026
เยเมนล้มเผด็จการ: ประธานาธิบดี อาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ ที่ปกครองประเทศมา 33 ปี ลงจากตำแหน่ง
ได้รัฐที่ล่มสลาย: มีการแยกเป็น 2 รัฐในทางปฏิบัติ โดยภาคเหนือของประเทศเป็นของกลุ่มฮูตี (Houthis) ยึดน่านน้ำทะเลแดง ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ส่วนภาคใต้ปกครองโดยสภาถ่ายโอนอำนาจภาคใต้ (Southern Transitional Council: STC) มีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นผู้สนับสนุนหลัก และมีแผนเตรียมประกาศเอกราชเป็นเยเมนใต้
ซีเรียล้มเผด็จการไม่สำเร็จ: การลุกฮือของประชาชนไม่สามารถโค่น บาชาร์ อัล-อัสซาด ลงจากตำแหน่งได้
ได้สงครามกลางเมือง: อาหรับสปริงลุกลามเป็นสงครามกลางเมืองในซีเรียตั้งแต่ปี 2011 เนื่องจากรัฐบาลตอบโต้ฝ่ายต่อต้านอย่างรุนแรง กระทั่งปลายปี 2024 กลุ่ม ฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham: HTS) ได้นำกำลังบุกยึดกรุงดามัสกัส เมืองหลวงเดิมของซีเรีย ทำให้ตระกูลอัสซาดที่ปกครองซีเรียมาครึ่งศตวรรษต้องลี้ภัย ปัจจุบันซีเรียมี อาห์เหม็ด อัล-ชารา ผู้นำ HTS เป็นประธานาธิบดี
ลุง’s eye view โดย รุ่งฤทธิ์ เพ็ชรรัตน์https://www.facebook.com/photo/?fbid=1478691034265809&set=a.476773681124221