
กองทัพเมียนมากำลังจะจัดการเลือกตั้งโดยแบ่งเป็นช่วง ๆ ภายในเดือนหน้าArticle InformationAuthor,เคลลี อึง

แผนที่แสดงจุดที่มีการจัดการเลือกตั้งในประเทศเมียนมา พื้นที่สีน้ำเงินจะมีการจัดเลือกตั้งในวันที่ 28 ธ.ค. พื้นที่สีฟ้า จะมีการจัดเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค. พื้นที่สีฟ้าอ่อน ยังไม่มีการเลือกวันที่จะจัดเลือกตั้ง และสีเทาคือบริเวณที่จะไม่มีการจัดเลือกตั้ง
ทั้งหมดนี้และข้อเท็จจริงที่ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายต่อต้าน ทำให้มีความท้าทายด้านโลจิสติกส์อย่างมากในการจัดการเลือกตั้ง
การลงคะแนนเสียงถูกกำหนดจัดเป็น 3 ช่วงไปจนถึงเดือนหน้า ใน 274 เมือง จาก 330 เมืองทั่วประเทศ โดยเมืองที่ไม่มีการจัดให้ลงคะแนนเพราะถือว่าไม่มีเสถียรภาพเพียงพอ ส่วนผลการเลือกตั้งคาดว่าจะทราบในช่วงปลายเดือน ม.ค.
คาดกันว่าจะไม่มีการลงคะแนนเสียงมากถึงครึ่งหนึ่งของประเทศ แม้แต่ในเมืองที่มีการจัดให้ลงคะแนนเสียง ก็ไม่ใช่ว่าทุกเขตเลือกตั้งจะไปลงคะแนน ทำให้ยากที่คาดการณ์จำนวนผู้ที่จะไปใช้สิทธิ์
6 พรรคการเมือง รวมถึงพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา หรือ ยูเอสดีพี (Union Solidarity and Development Party - USDP) ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ส่งผู้สมัครเข้าแข่งขันทั่วประเทศ ในขณะที่พรรคการเมืองอื่น ๆ 51 พรรคและผู้สมัครอิสระจะลงสมัครในระดับรัฐหรือระดับภูมิภาคเท่านั้น
มีพรรคการเมืองประมาณ 40 พรรค รวมถึงพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี (National League of Democracy – NLD) ของนางออง ซาน ซูจี ซึ่งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งปี 2015 และ 2020 ถูกแบนไป โดยซูจี และผู้นำคนสำคัญอื่น ๆ ของพรรคหลายคนถูกจำคุกจากข้อกล่าวหาที่ถูกประณามอย่างกว้างขวางว่ามีแรงจูงใจทางการเมือง ขณะที่คนอื่น ๆ ลี้ภัยในต่างประเทศ
"การจัดการลงคะแนนเป็นช่วงต่าง ๆ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ หากผลลัพธ์ของการลงคะแนนในช่วงแรกไม่เป็นไปตามทางที่พวกเขาต้องการ" ติน จอ เอ โฆษกของกลุ่มติดตามการเลือกตั้ง "สปริง สเปราทส์" (Spring Sprouts) บอกกับสำนักข่าวเมียนมา นาว (Myanmar Now)
รัล อุ ตัง ผู้อยู่อาศัยในรัฐฉิ่นทางตะวันตก เชื่อว่าพลเรือน "ไม่ต้องการการเลือกตั้ง"
"กองทัพไม่รู้วิธีการที่จะปกครองประเทศของเรา พวกเขาทำงานเพื่อประโยชน์ของผู้นำระดับสูงของพวกเขาเท่านั้น"
"เมื่อพรรคของดอว์ ออง ซาน ซูจี อยู่ในอำนาจ พวกเรายังได้สัมผัสกับประชาธิปไตยอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เราได้แค่ร้องไห้และหลั่งน้ำตา" ชาววัย 80 ปีรายนี้บอกกับบีบีซี
รัฐบาลชาติตะวันตก อาทิ สหราชอาณาจักร และรัฐสภายุโรป ปฏิเสธการลงคะแนนเสียงนี้โดยมองว่าเป็นการหลอกลวง ในขณะที่กลุ่มภูมิภาคอาเซียนเรียกร้องให้มีเปิดการเเจรจาทางการเมืองระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใด ๆ
รัฐบาลทหารพม่าปฏิเสธคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อการเลือกตั้ง โดยยืนยันว่าพวกเขามุ่งหวังที่จะ "คืนให้[ประเทศ]กลับสู่ระบบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคการเมือง"
"การเลือกตั้งถูกจัดขึ้นเพื่อเมียนมา มันถูกจัดขึ้นเพื่อประชาชนชาวเมียนมา มันไม่ได้จัดขึ้นเพื่อประชาคมระหว่างประเทศ" พล.ต.ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารระบุในการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารย้ำเตือนในช่วงก่อนหน้าของสัปดาห์นี้ ว่าใครก็ตามที่ปฏิเสธการลงคะแนนเสียง กำลังปฏิเสธ "ความก้าวหน้าสู่ประชาธิปไตย"
https://www.bbc.com/thai/articles/cwyl8lg0q29o
28 ธันวาคม 2025
บีบีซีไทย
เมียนมากำลังจัดการเลือกตั้งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างว่าเป็นการเลือกตั้งที่จอมปลอม ด้วยการที่พรรคการเมืองหลักหลายพรรคถูกยุบ ผู้นำพรรคเหล่านั้นหลายคนถูกจำคุก และคนจำนวนมากถึงครึ่งหนึ่งของประเทศไม่น่าจะมาลงคะแนนเสียงได้เพราะสงครามกลางเมืองที่ยังดำเนินอยู่
การจัดการเลือกตั้งลงคะแนนเสียงโดยแบ่งเป็นช่วง ๆ ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบห้าปีนับจากพวกเขายึดอำนาจจากการรัฐประหาร จุดชนวนให้เกิดการต่อต้านอย่างกว้างขวางและนำไปสู่สงครามกลางเมือง
ผู้สังเกตการณ์หลายคนระบุว่ารัฐบาลทหารกำลังหาทางสร้างความชอบธรรมและยึดกุมอำนาจต่อไปในขณะที่แสวงหาทางออกจากทางตันที่เต็มไปด้วยความสูญเสีย ด้วยการสนับสนุนจากจีน
กว่า 200 คนถูกจับกุมจากการขัดขวางหรือคัดค้านการเลือกตั้งภายใต้กฎหมายใหม่ซึ่งมีการบัญญัติโทษที่รุนแรง รวมถึงโทษประหารชีวิต
ไมค์ ที ผู้กำกับภาพยนตร์, จอ วิน ทุ นักแสดง และ โอน ไดง์ นักแสดงตลก เป็นหนึ่งในบรรดาคนดังที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมายนี้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อเดือน ก.ค. พวกเขาแต่ละคนถูกตัดสินโทษจำคุก 7 ปี หลังวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์โฆษณาการเลือกตั้ง จากการรายงานโดยสื่อของรัฐ
"ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ สำหรับการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคม หรือการชุมนุมโดยสงบ" โวลเกอร์ เติร์ก เจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนระดับสูงของสหประชาชาติกล่าว
พลเรือนกำลัง "ถูกบีบบังคับจากทุกด้าน" นายเติร์กระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มกบฏติดอาวุธได้ประกาศคำขู่ของพวกเขาเองเพื่อขอให้ประชาชนคว่ำบาตรการเลือกตั้ง
ที่ผ่านมากองทัพเมียนมาได้ต่อสู้ในหลายแนวรบ ทั้งกับกลุ่มปฏิปักษ์ติดอาวุธที่ต่อต้านการรัฐประหาร และกองทัพชาติพันธุ์ที่มีกองกำลังติดอาวุธของตัวเอง กองทัพเมียนมาสูญเสียการควบคุมในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจากการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่หลายครั้ง แต่พวกเขาก็ยึดดินแดนกลับคืนมาได้ในปีนี้จากการโจมตีทางอากาศอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งทำได้ด้วยการสนับสนุนจากจีนและรัสเซีย
สงครามกลางเมืองได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน พลัดถิ่นอีกหลายล้านคน ทำลายเศรษฐกิจและทิ้งสุญญากาศด้านมนุษยธรรมเอาไว้ ขณะที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเดือน มี.ค. และการถูกตัดเงินทุนระหว่างประเทศก็ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงมาก
บีบีซีไทย
เมียนมากำลังจัดการเลือกตั้งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างว่าเป็นการเลือกตั้งที่จอมปลอม ด้วยการที่พรรคการเมืองหลักหลายพรรคถูกยุบ ผู้นำพรรคเหล่านั้นหลายคนถูกจำคุก และคนจำนวนมากถึงครึ่งหนึ่งของประเทศไม่น่าจะมาลงคะแนนเสียงได้เพราะสงครามกลางเมืองที่ยังดำเนินอยู่
การจัดการเลือกตั้งลงคะแนนเสียงโดยแบ่งเป็นช่วง ๆ ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบห้าปีนับจากพวกเขายึดอำนาจจากการรัฐประหาร จุดชนวนให้เกิดการต่อต้านอย่างกว้างขวางและนำไปสู่สงครามกลางเมือง
ผู้สังเกตการณ์หลายคนระบุว่ารัฐบาลทหารกำลังหาทางสร้างความชอบธรรมและยึดกุมอำนาจต่อไปในขณะที่แสวงหาทางออกจากทางตันที่เต็มไปด้วยความสูญเสีย ด้วยการสนับสนุนจากจีน
กว่า 200 คนถูกจับกุมจากการขัดขวางหรือคัดค้านการเลือกตั้งภายใต้กฎหมายใหม่ซึ่งมีการบัญญัติโทษที่รุนแรง รวมถึงโทษประหารชีวิต
ไมค์ ที ผู้กำกับภาพยนตร์, จอ วิน ทุ นักแสดง และ โอน ไดง์ นักแสดงตลก เป็นหนึ่งในบรรดาคนดังที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดตามกฎหมายนี้ ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อเดือน ก.ค. พวกเขาแต่ละคนถูกตัดสินโทษจำคุก 7 ปี หลังวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์โฆษณาการเลือกตั้ง จากการรายงานโดยสื่อของรัฐ
"ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ สำหรับการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคม หรือการชุมนุมโดยสงบ" โวลเกอร์ เติร์ก เจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนระดับสูงของสหประชาชาติกล่าว
พลเรือนกำลัง "ถูกบีบบังคับจากทุกด้าน" นายเติร์กระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มกบฏติดอาวุธได้ประกาศคำขู่ของพวกเขาเองเพื่อขอให้ประชาชนคว่ำบาตรการเลือกตั้ง
ที่ผ่านมากองทัพเมียนมาได้ต่อสู้ในหลายแนวรบ ทั้งกับกลุ่มปฏิปักษ์ติดอาวุธที่ต่อต้านการรัฐประหาร และกองทัพชาติพันธุ์ที่มีกองกำลังติดอาวุธของตัวเอง กองทัพเมียนมาสูญเสียการควบคุมในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจากการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่หลายครั้ง แต่พวกเขาก็ยึดดินแดนกลับคืนมาได้ในปีนี้จากการโจมตีทางอากาศอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งทำได้ด้วยการสนับสนุนจากจีนและรัสเซีย
สงครามกลางเมืองได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคน พลัดถิ่นอีกหลายล้านคน ทำลายเศรษฐกิจและทิ้งสุญญากาศด้านมนุษยธรรมเอาไว้ ขณะที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเดือน มี.ค. และการถูกตัดเงินทุนระหว่างประเทศก็ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงมาก

แผนที่แสดงจุดที่มีการจัดการเลือกตั้งในประเทศเมียนมา พื้นที่สีน้ำเงินจะมีการจัดเลือกตั้งในวันที่ 28 ธ.ค. พื้นที่สีฟ้า จะมีการจัดเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค. พื้นที่สีฟ้าอ่อน ยังไม่มีการเลือกวันที่จะจัดเลือกตั้ง และสีเทาคือบริเวณที่จะไม่มีการจัดเลือกตั้ง
ทั้งหมดนี้และข้อเท็จจริงที่ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายต่อต้าน ทำให้มีความท้าทายด้านโลจิสติกส์อย่างมากในการจัดการเลือกตั้ง
การลงคะแนนเสียงถูกกำหนดจัดเป็น 3 ช่วงไปจนถึงเดือนหน้า ใน 274 เมือง จาก 330 เมืองทั่วประเทศ โดยเมืองที่ไม่มีการจัดให้ลงคะแนนเพราะถือว่าไม่มีเสถียรภาพเพียงพอ ส่วนผลการเลือกตั้งคาดว่าจะทราบในช่วงปลายเดือน ม.ค.
คาดกันว่าจะไม่มีการลงคะแนนเสียงมากถึงครึ่งหนึ่งของประเทศ แม้แต่ในเมืองที่มีการจัดให้ลงคะแนนเสียง ก็ไม่ใช่ว่าทุกเขตเลือกตั้งจะไปลงคะแนน ทำให้ยากที่คาดการณ์จำนวนผู้ที่จะไปใช้สิทธิ์
6 พรรคการเมือง รวมถึงพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา หรือ ยูเอสดีพี (Union Solidarity and Development Party - USDP) ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ส่งผู้สมัครเข้าแข่งขันทั่วประเทศ ในขณะที่พรรคการเมืองอื่น ๆ 51 พรรคและผู้สมัครอิสระจะลงสมัครในระดับรัฐหรือระดับภูมิภาคเท่านั้น
มีพรรคการเมืองประมาณ 40 พรรค รวมถึงพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี (National League of Democracy – NLD) ของนางออง ซาน ซูจี ซึ่งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งปี 2015 และ 2020 ถูกแบนไป โดยซูจี และผู้นำคนสำคัญอื่น ๆ ของพรรคหลายคนถูกจำคุกจากข้อกล่าวหาที่ถูกประณามอย่างกว้างขวางว่ามีแรงจูงใจทางการเมือง ขณะที่คนอื่น ๆ ลี้ภัยในต่างประเทศ
"การจัดการลงคะแนนเป็นช่วงต่าง ๆ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ หากผลลัพธ์ของการลงคะแนนในช่วงแรกไม่เป็นไปตามทางที่พวกเขาต้องการ" ติน จอ เอ โฆษกของกลุ่มติดตามการเลือกตั้ง "สปริง สเปราทส์" (Spring Sprouts) บอกกับสำนักข่าวเมียนมา นาว (Myanmar Now)
รัล อุ ตัง ผู้อยู่อาศัยในรัฐฉิ่นทางตะวันตก เชื่อว่าพลเรือน "ไม่ต้องการการเลือกตั้ง"
"กองทัพไม่รู้วิธีการที่จะปกครองประเทศของเรา พวกเขาทำงานเพื่อประโยชน์ของผู้นำระดับสูงของพวกเขาเท่านั้น"
"เมื่อพรรคของดอว์ ออง ซาน ซูจี อยู่ในอำนาจ พวกเรายังได้สัมผัสกับประชาธิปไตยอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เราได้แค่ร้องไห้และหลั่งน้ำตา" ชาววัย 80 ปีรายนี้บอกกับบีบีซี
รัฐบาลชาติตะวันตก อาทิ สหราชอาณาจักร และรัฐสภายุโรป ปฏิเสธการลงคะแนนเสียงนี้โดยมองว่าเป็นการหลอกลวง ในขณะที่กลุ่มภูมิภาคอาเซียนเรียกร้องให้มีเปิดการเเจรจาทางการเมืองระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใด ๆ
รัฐบาลทหารพม่าปฏิเสธคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อการเลือกตั้ง โดยยืนยันว่าพวกเขามุ่งหวังที่จะ "คืนให้[ประเทศ]กลับสู่ระบบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคการเมือง"
"การเลือกตั้งถูกจัดขึ้นเพื่อเมียนมา มันถูกจัดขึ้นเพื่อประชาชนชาวเมียนมา มันไม่ได้จัดขึ้นเพื่อประชาคมระหว่างประเทศ" พล.ต.ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารระบุในการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารย้ำเตือนในช่วงก่อนหน้าของสัปดาห์นี้ ว่าใครก็ตามที่ปฏิเสธการลงคะแนนเสียง กำลังปฏิเสธ "ความก้าวหน้าสู่ประชาธิปไตย"
https://www.bbc.com/thai/articles/cwyl8lg0q29o