นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว แถลงแผนการยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ในข้อหาดำเนินนโยบายปลดล็อคกัญชาเกินกว่า “กฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือประมวลกฎหมายยาเสพติดซึ่งรัฐสภาให้ความเห็นชอบ” ด้วยการให้ครัวเรือนปลูกกันเองได้ แล้ว “เป็นปัญหา
ถือว่าเป็นการใช้นโยบายพรรค เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางปกครองที่เข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย” มีการปฏิบัติตามนโยบาย และโฆษณาที่เข้าข่ายหลอกลวง อันเป็นพฤติกรรมอันจะนำไปสู่การถูกยุบพรรค ตาม พรบ.พรรคการเมือง ๒๕๖๒ มาตรา ๙๒
แน่นอนว่าพรรคภูมิใจไทยต้องออกมาโต้สุดฤทธิ์ โดยเฉพาะ ศุภชัย ใจสมุทร ย้อนให้ว่าพรรคไทยรักไทยก็เคยน้ำตาตกเพราะการยุบพรรคมาแล้ว “พรรคที่พยายามกอดประชาธิปไตย” กลับทำผิดหลักประชาธิปไตยเสียเอง
เขายังบอกด้วยว่า ไม่สะทกสะท้านกับแผนของพรรคเพื่อไทยนี้ ถือว่านโยบายของ ภท.ได้รับการตรวจสอบจาก กกต.ซึ่งได้ให้ความเห็นชอบต่อมา และ “ได้ถูกกำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ ๔ ของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา” แล้วด้วย
“พรรคการเมืองมิใช่เป็นของแค่คณะกรรมการบริหารพรรค แต่แท้จริงเป็นของสมาชิกพรรคทั้งปวง การพิจารณาโทษของพรรคการเมืองควรพิจารณาโทษเฉพาะ กก.บห. เท่านั้น ไม่ควรลงโทษสมาชิกพรรคด้วยการยุบพรรค”
ข้อนี้ ทั้ง ส.ส.และติ่งของพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่าง ‘ก้าวไกล’ พากันขานรับจ้าละหวั่น ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการทวี้ตปฏิเสธ “ยังไม่ได้มีมติร่วมอะไร” มีแต่ สุทิน คลังแสง ทำร่างคำร้องให้คณะทำงานด้านกฎหมายของฝ่ายค้านพิจารณา”
เขาเพิ่มความเห็นว่า “พรรคการเมืองควรตั้งง่าย ยุบยาก เราคัดค้านและตรวจสอบการดำเนินนโยบายของแต่ละพรรคได้เต็มที่ แต่คงไม่สนับสนุนการยื่นยุบพรรคครับ” รังสิมันต์ โรม และอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ก็แสดงความเห็นแบบเดียวกัน
“พรรคการเมืองจะอยู่หรือไป ควรให้ประชาชนตัดสิน” เช่นกันกับ อุเชนทร์ เชียงเสน ที่ว่า “ไม่ควรเอาอำนาจการยุบพรรคไปไว้ที่ ตลก. รธน.” และ Atukkit Sawangsuk ชี้ “นโยบายจะเหลวไหลอย่างไร ทำได้ทำไม่ได้ เป็นเรื่องที่ประชาชนจะตัดสิน ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ”
(https://prachatai.com/journal/2022/10/101026, https://www.matichon.co.th/politics/news_3623822 และ https://www.facebook.com/BBCnewsThai/photos/a.1527/806802636)
