ภาพจาก บีบีซีไทบ
อานนท์ นำภา
22h
อย่างน้อย สิ่งที่ฝ่ายนิยมเจ้าพูดก็ถูกและศาล(บางคน)พูดก็ถูกคือ ถ้ายกเลิก 112 ไป คนจะพูดควาจริงเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์มากขึ้น และความจริงหลายเรื่องก็ทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมเสียจริง
คำถามคือ แล้วความเสื่อมเสียนั้นเกิดจากการพูดความจริงหรือ ?
จุดนี้ คือจุดตัดที่สำคัญคัญของทั้งฝ่ายนิยมเจ้าและฝ่ายที่ต้องการวิจารณ์เจ้า
ฝ่ายนิยมเจ้าและศาล(บางคน) พยายามบอกว่า การพูดเรื่องเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ แม้เป็นเรื่องจริง เป็นความจริง ก็ผิด ! โดยนัยคือ พลเมืองห้ามพูดเรื่องที่เจ้าทำเสื่อมเสีย
ดังนั้น เราจะได้เห็นกระบวนการยุติธรรมในบางคดี ทั้งการแจ้งความและการพิจารณาคดีดูแปลกๆไป เช่น การแจ้งความแบบเลอะเทอะของฝ่ายนิยมเจ้าทั้งที่ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด หรือการที่อัยการฟ้องว่าจำเลยใส่ร้ายสถาบันกษัตริย์แต่ศาลบางคนกลับไม่ยอมออกหมายเรียกพยานหลักฐานที่สำคัญในคดีมาพิสูจน์ความจริง
นี่คือการพยายามสถาปนาหลักการ ห้ามพูดความจริงที่ทำให้สถาบันเสื่อมเสีย
หลักและเหตุผลดังกล่าว มันไม่เป็นเหตุเป็นผล และไม่เป็นไปตามโลกยุคใหม่ ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย คนในโลกใหม่และคนรุ่นใหม่ไม่ซื้อ ไม่สมาทานวิธีคิดแบบนั้นแน่ๆ
ถามว่า แล้วถ้ายกเลิก 112 แล้วอะไรจะคุ้มครองในหลวง พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ?
ก็ใช้กฎหมายปกติสิ เพราะการยกเลิก 112 ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายเกี่ยวกับการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทบุคคลจะห้ามใช้กับบุคคลในมาตรา 112 เดิมสักหน่อย
การวิจารณ์ในหลวง พระราชินี ฯลฯ หากท่านเห็นว่าเป็นการโกหกบิดเบือน ท่านก็ดำเนินคดีได้ จะให้มีหน่วยงานหรือคนรับมอบอำนาจเช่นว่านั้นก็ได้ และหากสุดท้ายแล้วคนที่ถูกท่านดำเนินคดีพิสูจน์ได้ว่าการวิจารณ์นั้นทำไปด้วยความสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ก็จะได้ไม่ต้องมีความผิด ไม่ต้องรับโทษอย่าง ม.112 ที่ตอนนี้กำลังสร้างหลักการพูดความจริงก็ผิด อย่างที่เป็นอยู่
การยกเลิก ม.112 จึงเป็นส่วนหนึ่งในหลายๆเรื่องที่ต้องทำควบคู่กันไป รวมทั้งความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในระบอบฯ หากเราต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ได้อย่างปกติ สง่างามในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขใต้รัฐธรรมนูญ
สำคัญไม่แพ้กันคือ ผมหวังว่าสถาบันกษัตริย์จะรับฟังสิ่งที่พวกเราท้วงติง และฝ่ายนิยมเจ้าและศาลจะไม่จับพวกเราไปขังเพียงเพราะการแสดงออกนี้
อนึ่ง การแสดงออกของคนรุ่นใหม่ในบางกรณีรูปแบบอาจทำให้หลายท่านไม่พอใจ แต่นั่นเป็นแค่เปลือก อยากให้มองไปที่แก่นของสิ่งที่เขากำลังจะบอก ความจริงที่ขบวนทั้งขบวนพยายามจะพูด เปิดใจรับฟังและแก้ไขไปพร้อมกัน
ขอบคุณฝ่ายนิยมเจ้าหลายคนที่เห็นด้วยกับเรา แม้ในรายละเอียดบางอย่างจะเห็นต่างกันไปบ้าง ขอบคุณศาลหลายๆคนที่พยายามเป็นปลาว่ายทวนน้ำ ยืนหยัดในกระแสที่เชี่ยวกราด รักษาและธำรงไว้ซึ่งหลักการและความยุติธรรม
/ บันทึกไว้ในวาระครบรอบ 2 ปี ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ และการติดคุกที่เชียงใหม่ในวันนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
อานนท์ นำภา
22h
อย่างน้อย สิ่งที่ฝ่ายนิยมเจ้าพูดก็ถูกและศาล(บางคน)พูดก็ถูกคือ ถ้ายกเลิก 112 ไป คนจะพูดควาจริงเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์มากขึ้น และความจริงหลายเรื่องก็ทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมเสียจริง
คำถามคือ แล้วความเสื่อมเสียนั้นเกิดจากการพูดความจริงหรือ ?
จุดนี้ คือจุดตัดที่สำคัญคัญของทั้งฝ่ายนิยมเจ้าและฝ่ายที่ต้องการวิจารณ์เจ้า
ฝ่ายนิยมเจ้าและศาล(บางคน) พยายามบอกว่า การพูดเรื่องเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ แม้เป็นเรื่องจริง เป็นความจริง ก็ผิด ! โดยนัยคือ พลเมืองห้ามพูดเรื่องที่เจ้าทำเสื่อมเสีย
ดังนั้น เราจะได้เห็นกระบวนการยุติธรรมในบางคดี ทั้งการแจ้งความและการพิจารณาคดีดูแปลกๆไป เช่น การแจ้งความแบบเลอะเทอะของฝ่ายนิยมเจ้าทั้งที่ไม่เข้าองค์ประกอบความผิด หรือการที่อัยการฟ้องว่าจำเลยใส่ร้ายสถาบันกษัตริย์แต่ศาลบางคนกลับไม่ยอมออกหมายเรียกพยานหลักฐานที่สำคัญในคดีมาพิสูจน์ความจริง
นี่คือการพยายามสถาปนาหลักการ ห้ามพูดความจริงที่ทำให้สถาบันเสื่อมเสีย
หลักและเหตุผลดังกล่าว มันไม่เป็นเหตุเป็นผล และไม่เป็นไปตามโลกยุคใหม่ ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย คนในโลกใหม่และคนรุ่นใหม่ไม่ซื้อ ไม่สมาทานวิธีคิดแบบนั้นแน่ๆ
ถามว่า แล้วถ้ายกเลิก 112 แล้วอะไรจะคุ้มครองในหลวง พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ?
ก็ใช้กฎหมายปกติสิ เพราะการยกเลิก 112 ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายเกี่ยวกับการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทบุคคลจะห้ามใช้กับบุคคลในมาตรา 112 เดิมสักหน่อย
การวิจารณ์ในหลวง พระราชินี ฯลฯ หากท่านเห็นว่าเป็นการโกหกบิดเบือน ท่านก็ดำเนินคดีได้ จะให้มีหน่วยงานหรือคนรับมอบอำนาจเช่นว่านั้นก็ได้ และหากสุดท้ายแล้วคนที่ถูกท่านดำเนินคดีพิสูจน์ได้ว่าการวิจารณ์นั้นทำไปด้วยความสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ก็จะได้ไม่ต้องมีความผิด ไม่ต้องรับโทษอย่าง ม.112 ที่ตอนนี้กำลังสร้างหลักการพูดความจริงก็ผิด อย่างที่เป็นอยู่
การยกเลิก ม.112 จึงเป็นส่วนหนึ่งในหลายๆเรื่องที่ต้องทำควบคู่กันไป รวมทั้งความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในระบอบฯ หากเราต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ได้อย่างปกติ สง่างามในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขใต้รัฐธรรมนูญ
สำคัญไม่แพ้กันคือ ผมหวังว่าสถาบันกษัตริย์จะรับฟังสิ่งที่พวกเราท้วงติง และฝ่ายนิยมเจ้าและศาลจะไม่จับพวกเราไปขังเพียงเพราะการแสดงออกนี้
อนึ่ง การแสดงออกของคนรุ่นใหม่ในบางกรณีรูปแบบอาจทำให้หลายท่านไม่พอใจ แต่นั่นเป็นแค่เปลือก อยากให้มองไปที่แก่นของสิ่งที่เขากำลังจะบอก ความจริงที่ขบวนทั้งขบวนพยายามจะพูด เปิดใจรับฟังและแก้ไขไปพร้อมกัน
ขอบคุณฝ่ายนิยมเจ้าหลายคนที่เห็นด้วยกับเรา แม้ในรายละเอียดบางอย่างจะเห็นต่างกันไปบ้าง ขอบคุณศาลหลายๆคนที่พยายามเป็นปลาว่ายทวนน้ำ ยืนหยัดในกระแสที่เชี่ยวกราด รักษาและธำรงไว้ซึ่งหลักการและความยุติธรรม
/ บันทึกไว้ในวาระครบรอบ 2 ปี ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ และการติดคุกที่เชียงใหม่ในวันนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
