วันอาทิตย์, ตุลาคม 16, 2565

นิรโทษกรรม 'ครึ่งซอย' เป็นจริงได้ถ้าฝ่ายค้านไม่แตกคอ ในเมื่อตอนนี้ นโยบาย พปชร. "ยังไม่ไปถึงไหน"

จากที่มีคนเม้นต์บนทวิตภพเกี่ยวกับ ข้อเสนอนิรโทษกรรม ๒๕๖๕ ว่าต่างกับเมื่อปี ๒๕๕๗ ตรงที่ครั้งก่อน สุดซอย แต่ครั้งนี้ ครึ่งซอยเนื่องเพราะพรรคก้าวไกลประกาศนโยบายนี้ออกมา ด้วยกรอบคดีด้านสิทธิมนุษยชนและข้อหาหมิ่นกษัตริย์

เรื่องนี้มีคำถามระหว่างการเสวนาที่ Kinjai Comtempolary วานนี้ ๑๕ ตุลา ว่าแล้วคดีที่เกิดหลังสลายชุมนุมปี ๕๓ ล่ะ ครั้งนั้นก็โดนยัด ๑๑๒ กันจำนวนไม่น้อย ข้อนี้หากออกไปนอกลู่นิดนึง จะเห็นว่ามีการถามตอบถึง อจ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ ไว้แล้ว

“อาจารย์พอทราบข้อมูลไหมคะว่า คนที่ถูกจับกุมคุมขังช่วงการชุมนุมคนเสื้อแดง ปี ๕๓-๕๔ ทุกคนได้ปล่อยตัวกันรึยัง” คำตอบที่ได้ก็คือ “คิดว่าได้รับการปล่อยตัวหมดแล้วนะคะ ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ที่อุบลนี่เองค่ะ...เป็นคดีเผาศาลากลาง”

ถึงอย่างนั้น พรรณิการ์ วานิช พิธีกรของการเสวนาแจ้งว่าได้ไปฟังนโยบายจากพรรคก้าวไกลมาอย่างละเอียดแล้วทราบว่า ที่เขาตีกรอบตั้งแต่ปี ๕๗ เพราะเน้นที่คดี ๑๑๒ และสิทธิมนุษยชน แต่ก็สามารถครอบคลุมคดีย้อนไปถึงปี ๕๒-๕๓ ได้

ไม่ว่าจะเป็นข้อหาจากการอภิปรายและไฮปาร์ค หรือการที่คณะยึดอำนาจยัด ม.๑๑๒ ให้กับผู้ร่วมการชุมนุมเมษา-พฤษภา ๕๓ ด้วย โดยจะนิรโทษกรรมสุดซอยในความหมายที่ผู้ต้องคดียังติดคุกอยู่ หรือคดีอยู่ในชั้นศาล ชั้นอัยการเตรียมฟ้อง ปล่อยหมด

ช่อ คณะก้าวหน้าเพิ่มเติมไปถึงนโยบายการให้สัตยาบันไอซีซีของพรรคก้าวไกล ว่าจะทำควบคู่กันไปทั้งสองทาง คือนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ถูกคุมขังจากการยัดข้อหาล้มเจ้า และเอาผู้ที่กระทำการเข่นฆ่าประชาชน โดยอ้างการสลายชุมนุมขึ้นศาลโลกด้วย

นอกจากนั้นวิธีดำเนินการเพื่อไปสู่การนิรโทษกรรม โดยสภาออกเป็น พรบ.สองฉบับ ฉบับหนึ่งเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่บริหารจัดการ และอีกฉบับสำหรับคำประกาศนิรโทษกรรม ผู้สนับสนุนแนวความคิดเหล่านี้เชื่อว่าทำได้ถ้าฝ่ายค้านไม่แตกคอ

ในเมื่อเห็นแสงไฟที่ปลายอุโมงก์อยู่ ในสภาพที่พรรคหนุนรัฐบาลประยุทธ์เริ่มแตกรัง โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐนั้นดูจะละล้าละลัง ยังไม่ยอมเปิดเผยตัวแคนดิเดทนายกฯ อ้างมีเวลาอีกหลายเดือน ส.ส.นครศรีธรรมราช “ว่ายังไม่จำเป็นต้องเร่งเปิดเผย”

ส่วนหัวหน้าพรรค พี่ป้อมขานข้อทวงถามของลูกพรรครายหนึ่งที่ว่า เวลาใกล้เข้าไปแล้วยังไม่เห็นออกนโยบาย (เพื่อใช้หาเสียง) เสียที พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อุตส่าห์แจกแจง (แทน “ไม่รู้ ไม่รู้”) ว่าก็นโยบายเดิมนั่นละยังไม่ไปถึงไหน

โดยที่ “จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ๓ พันธกิจหลัก ประชารัฐของเดิมยังใช้ได้ เอามาต่อยอดในสมัยหน้า แต่จะต่อไปถึงไหน ตอนนี้คงยัง ไม่รู้ ไม่รู้อยู่ดี

(https://www.matichon.co.th/politics/news_3620535 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_3620536)