วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 14, 2565

“ยืนหยุดละเมิดสิทธิการประกันตัว” นำทีมยื่นหนังสือถึงยูเอ็น รายงานสถานการณ์นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกจับเข้าคุก โดยไม่ได้ประกันตัว ด้านตัวแทนยูเอ็น เผย จับตาสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด


สำนักข่าวราษฎร - Ratsadon News
10h

“ยืนหยุดละเมิดสิทธิการประกันตัว” นำทีมยื่นหนังสือถึงยูเอ็น รายงานสถานการณ์นักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกจับเข้าคุก โดยไม่ได้ประกันตัว ด้านตัวแทนยูเอ็น เผย จับตาสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 10.00-13.30 น. ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินกลาง มีการจัดกิจกรรมยืนหยุดละเมิดสิทธิการประกันตัวโดยมีการชูป้ายข้อความและยื่นหนังสือถึง นายเดวิด เมอร์ฟี ตัวแทนองค์การสหประชาชาติ

เวลา 13.30 น. ภายหลังยื่นหนังสือเสร็จ นางภัควดี วีระภาสพงษ์ นักแปลและนักเขียนอิสระ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เราได้เข้าไปยื่นจดหมายถึงนายเดวิด เมอร์ฟี ที่เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานทางด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เกี่ยวกับกรณีกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย ที่มีการละเมิดสิทธิการประกันตัว นักกิจกรรมทางการเมืองขณะนี้ไม่ได้รับการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม เขารับทราบข้อมูลต่างๆ ในแง่หนึ่งเขาคิดว่าในเรื่องของไทย คงจะมีการจับตาดูต่อไปข้างหน้าว่าเป็นเช่นใดบ้าง”

ด้าน อ.ดร.เบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว อาจารย์จากสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เรามีข้อเสนอแนะ มีความกังวลเป็นพิเศษต่อกรณีนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะเยาวชนที่อดอาหารอยู่ในขณะนี้ เรามีความกังวลต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทางสำนักข้าหลวงใหญ่ก็เห็นความกังวลตรงนั้น และรับว่าจะไปสื่อสารกับรัฐบาลไทย เพื่อแสดงให้เห็นข้อกังวลตรงนี้

สิ่งหนึ่งที่ทางเราเสนอไป และทางยูเอ็นพยายามพิจารณาและติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐไทยเหมือนกันทคือการขอเข้าไปเยี่ยมนักโทษทางการเมืองที่ตอนนี้อยู่ในเรือนจำ เพื่อที่จะได้ไปติดตามสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง อ.ดร.เบญจรัตน์ กล่าว

ด้านนางภัควดี กล่าวต่อว่า ทางยูเอ็นได้ถามว่าเราได้แจ้งไปยังช่องทางอื่นๆด้วยหรือไม่ อาทิ ช่องทางผ่านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย หรือทางด้านคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร เราได้พยายามใช้ทุกช่องทางอยู่แล้วในการเรียกร้องสิทธิในเรื่องนี้ ถึงที่สุดแล้วที่เราต้องการให้ศาลมีการปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ทั้งในประเทศและกติกาสากลระหว่างประเทศ นี่ไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่เกินเลย

การที่กระบวนการยุติธรรมไทย มีการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เห็นต่างโดยอำเภอใจ ตรงนี้ทำให้สถานะไทยบนเวทีโลกก็จะมีปัญหา ถูกจับตามองมากขึ้นในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าเขามีความสนใจและมีการจับตามองอยู่ นางภัควดีกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทางยูเอ็นจะมีท่าทีหรือแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ อ.ดร.เบญจรัตน์ ตอบว่าคงไม่ได้มีการแถลงการณ์ แต่ทางยูเอ็นรับว่าจะนำส่งต่อข้อกังวลนี้ไปกับหน่วยงานราชการไทยที่เกี่ยวข้อง และเสนอแนะให้เราไปติดต่อ เช่น ส่งข้อมูลไปยังพวกกลไกพิเศษต่างๆของสหประชาชาติ ที่ติดตามเรื่องสิทธิทางการเมือง สิทธิพลเมืองของประชาชนโดย เข้าใจว่ามีการประสานกับกรมราชทัณฑ์เพื่อที่ขออนุญาตเข้าไปเยี่ยมแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเหมือนกัน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีไม่มีความคืบหน้าจะมีการดำเนินการอย่างไร นางภัควดี กล่าวว่า ในแง่หนึ่งตอนนี้ต้องรอการตอบรับ เพราะสถานการณ์โควิด19 ทำให้หน่วยงานรัฐไทยมีข้ออ้างเยอะ ในการให้เข้าเยี่ยมหรือไม่ให้เข้าเยี่ยม เมื่อใช้สถานการณ์โควิดเข้ามาอ้าง ทางยูเอ็นเองต้องรอการตอบรับเหมือนกัน ซึ่งถ้ายูเอ็นได้เยี่ยมนักโทษแล้วมีอะไรต่อไปอาจมีการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น เพราะถ้ายังไม่ได้ไปเยี่ยม อาจแสดงความคิดเห็นอะไรไม่ได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทางยูเอ็นที่ติดตามสถานการณ์การเมืองไทยมาตลอดมีความเห็นอย่างไรบ้าง นางภัควดี กล่าวว่าทางยูเอ็นติดตามมาตลอด เพียงแต่ว่าอาจะไม่ได้แสดงความคิดเห็นโดยอิสระแบบที่เราสามารถแสดงได้ ก็จะมีข้อจำกัดในเรื่องสถานะบทบาทอยู่ แต่เขาจับตามอง เท่าที่เข้าใจ อันดับของไทยในเสรีภาพเรื่องแสดงความคิดเห็นตกต่ำพอสมควร แสดงให้เห็นว่าเขามีความสนใจในเรื่องพวกนี้อยู่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคาดหวังอะไรหลังจากเหตุการณ์วันนี้หรือไม่ อ.ดร.เบญจรัตน์ กล่าวว่าคิดว่าเราไม่ได้หวังให้ยูเอ็นเปลี่ยนแปลงอะไร ท้ายที่สุดแล้วเราประชาชนคนไทยต้องช่วยกันกดดัน เพื่อให้รัฐบาลของเรามีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราเรียกร้องไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าการปฎิบัติตามกฏหมายกฏหมาย เราต้องการเรื่องพื้นฐานมากๆ ที่เกี่ยวกับความยุติธรรมของคนทุกคน

#สำนักข่าวราษฎร #RatsadonNews #ยืนหยุดละเมิดสิทธิการประกันตัว #ปล่อยเพื่อนเรา #องค์การสหประชาชาติ #UN #คืนสิทธิการประกันตัว