วันอาทิตย์, กรกฎาคม 24, 2565

บันทึกเยี่ยมผู้ต้องขังทางการเมืองกลุ่มทะลุฟ้า ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
14h

วันที่ 20-22 ก.ค. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยม ผู้ต้องขังทางการเมืองที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้แก่ “เจมส์” ศักดิ์สิทธิ์ สมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2565, สองสมาชิก “ทะลุแก๊ส” 2 คน ประกอบด้วย “ร็อค” ธนรัตน์ และ “เก่ง” พลพล ซึ่งถูกคุมขังระหว่างการสอบสวนมาตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2565 ปัจจุบันทั้งสองคนยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์
.
รวมทั้งเยี่ยมสองสมาชิกกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “เพชร” คงเพชร และ “ต๊ะ” คทาธร ซึ่งถูกกล่าวหากรณีครอบครองระเบิด หลังจากมีกิจกรรมรำลึก #ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2565 ปัจจุบันพวกเขาถูกคุมขังมานานถึง 104 วันแล้ว
.
.
“เจมส์” ศักดิ์สิทธิ์: ร้องไห้ตลอดการสนทนา
“เจมส์” ศักดิ์สิทธิ์ อายุ 26 ปี ทำงานฟรีแลนซ์เป็นช่างไฟในกองถ่าย และเคยเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มทะลุฟ้า แต่ช่วงหลังก็ไม่ได้เคลื่อนไหวแล้ว เขาถูกสั่งฟ้องในคดีร่วมทำกิจกรรมชุมนุมและสาดสีหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2564 แต่ศาลอาญาไม่ให้ประกันตัว โดยอ้างเหตุว่าอาจไปก่อเหตุภยันตรายประการอื่นอีก
เขาเดินมาพบทนายความ โดยสวมเสื้อสีน้ำตาลที่เป็นชุดของเรือนจำ ผมตัดสั้นเกรียนด้านข้าง เจมส์มีสีหน้าเคร่งเครียด นัยน์ตาเครียดปนเศร้า คิ้วขมวดและร้องไห้ตลอดการสนทนา เจมส์บอกว่าเขารู้สึกแย่เป็นอย่างมาก
​“ผมไม่รู้เลยว่าจะได้ออกไปเมื่อไหร่ อยู่อย่างนี้ต่อไป ไม่รู้ว่าผมจะเป็นยังไง ผมปวดใจมากเลยตอนนี้” เขาเอามือจับที่หน้าอกและทุบ 2-3 ครั้ง
“ผมหยุดเคลื่อนไหวมาเป็นปีๆ แล้ว ผมอยู่กับแม่แค่ 2 คน ตอนนี้ผมเหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัว หาเงินเลี้ยงแม่ ตอนนี้ผมเป็นคนเลี้ยงดูแม่ ผมจะไม่ไหวอยู่แล้ว ผมคิดถึงแม่มาก อยากกอดแม่ ผมห่วงงาน ไม่รู้ว่าผมต้องออกไหม ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องโดนฝากขัง ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยพี่” เจมส์เริ่มต้นบทสนทนาขึ้น เขายังขยายความต่อว่า ในทุกๆ คดีก่อนหน้านี้ที่เขาตกเป็นผู้ต้องหา รวมถึงคดีที่ถูกสั่งฟ้อง เขาเดินทางมารายงานตัวกับตำรวจและอัยการอย่างต่อเนื่องไม่เคยขาด
“ผมสงสัยว่าทำไมผมถึงต้องมาอยู่ตรงนี้ ผมทำผิดอะไรขนาดนั้น ทำไมผมถึงโดนฝากขังอย่างนี้ ตอนนี้ผมกดดันตัวเองมากๆ เครียดมากๆ ทำไมวันนี้ผมถึงโดนแบบนี้” เจมส์ร้องไห้สะอื้นขณะเล่าให้ทนายฟัง
“ผมอยากจะตายแล้ว ถ้าไม่ให้ประกันผม ผมก็คงจะฆ่าตัวตาย ตายไป ผมก็ได้ออกจากคุกไงพี่ พี่เข้าใจมั้ย ผมอยู่ในนี้ผมเจ็บ ผมเจ็บมากๆ ให้ผมอยู่อย่างนี้ ผมขอตายดีกว่า ไม่รู้เลยว่าผมจะได้ออกไปวันไหน ทำไมผมถึงไม่ได้ประกัน”
ทนายบอกว่าการสนทนาสั้นๆ ในช่วงต่อมา แทบจะฟังเสียงของเจมส์ไม่รู้เรื่อง เพราะเขาร้องไห้อย่างหนัก…
.
“ร็อค” ธนรัตน์: ตอนนี้ผมกินข้าวในขัน
“ร็อค” วัย 18 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี เล่าให้ทนายความฟังว่า เขาอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์มาแล้ว 15 วัน และไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้กลับไปที่เรือนจำเสียที แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) จะได้กลับไปเรือนจำ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแจ้งว่า ที่ยังไม่ได้กลับเพราะไม่มีรถเรือนจำมารับ
เขาบอกว่าสภาพจิตใจของตัวเองดีมากขึ้น แต่ตกกลางคืนก็นอนไม่หลับจนต้องขอยานอนหลับ ถึงเขาจะทำใจไว้แล้วอาจถูกฝากขังอย่างน้อย 84 วัน แต่ก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี
“ผมคิดถึงแม่ เรื่องเรียนไม่รู้จะเป็นยังไง ผมจะดร็อปได้มั้ยเพราะผมยังไม่ได้สอบ ยังไม่ได้ส่งงานอะไรเลย ไหนจะเรื่องงานที่ทำอยู่ ผมคงโดนไล่ออกแน่ๆ เพราะผมไม่ทันได้แจ้งอะไรเค้าเลย ถึงจะทำใจไว้ แต่มันก็อดคิดถึงปัญหาไม่ได้” ร็อคกล่าว
ร็อคฝากข้อความผ่านทนายความว่า “อยากฝากบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วง ผมสู้อยู่แล้ว แต่ออกไปนี้ ผมอาจจะกินข้าวในขันนะ ไม่ต้องตกใจ อยู่ในเรือนจำ ผมต้องกินเอาข้าวที่ส่งเข้ามาใส่ขันกิน ตั้งแต่กรีดแขนกัน เค้าก็ไม่ให้มีจานเลย พวกผมกินในถุงไม่ถนัด ก็เลยเทใส่ขันกินกัน อยากฝากแม่ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มาให้หน่อย ใส่รูปคู่กับแฟนมาให้ผมด้วย”
.
“เก่ง” พลพล: กินยานอนหลับจนดื้อยา
ทนายสังเกตว่าสีหน้าท่าทางของพลพลดูผ่อนคลายมากขึ้น ในระหว่างการพูดคุยไม่เครียด มียิ้ม หัวเราะบ้าง พลพลยังคงต้องกินยารักษาตับไต ก่อนและหลังอาหารเช้าเย็น ส่วนเวลา 2 ทุ่ม ต้องกินยานอนหลับและยาคลายเครียดอย่างละ 1 เม็ดเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามเขาบอกว่า การกินยานอนหลับในตอนนี้ไม่ค่อยได้ผล
“ตอนนี้เหมือนมันดื้อยาไปแล้ว คือผมกินไปก็ไม่หลับแล้ว ต้องฝืนเอา ทุกวันนี้ผมเครียด ผมก็เอาหัวโขกลูกกรง เรียกสติอะพี่ โขกมันเจ็บ ก็ดึงสติมาได้หน่อย”
นอกจากนี้เขาก็ยังไม่มีกำหนดว่าจะได้กลับไปยังเรือนจำเมื่อไหร่ “ผมรู้แค่ว่าไม่ได้กลับเร็วๆ นี้แน่ๆ สงสัยเพราะเค้าตีผมเป็นผู้ป่วยจิตเวชมั้งพี่ เลยไม่ได้กลับสักที” เขาบอกกับทนายความ
พลพลยังย้ำในลักษณะเดิมว่าเขาไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่กลับไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว “อยากออกอะพี่ อยากได้ประกัน แล้วก็มีเรื่องรถมอไซค์ที่ผมผ่อนอยู่ ผมผ่อน 2 คัน ของผมกับของน้องคนละคัน น้องอยากได้รถ ผมเลยดาวน์ให้แต่น้องไม่ค่อยมีตังค์ ส่วนใหญ่จะเป็นผมที่ผ่อนให้ ตอนนี้ก็กังวลว่าภาระมันจะตกอยู่ที่พ่อ สงสารแก อย่างที่ผมบอกพี่แหละ ผมตั้งใจจะตั้งหลัก หาเงินช่วยแบ่งเบาภาระแก แต่ตอนนี้ติดคุกอยู่อย่างนี้ กลายเป็นผมต้องเป็นภาระให้พ่ออีก”
พลพลยังฝากบอกให้พ่อช่วยส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ให้เขาและส่งรูปมาให้ดูบ้าง เพราะเขาเหงาและคิดถึงพ่อมาก
.
“เพชร-ต๊ะ”: ถูกขังมาแล้ว 104 วัน
“เพชร” คงเพชร บอกว่าเขาสบายดี โดยมีแม่กับพี่สาวสลับมาเยี่ยมอาทิตย์ละครั้ง มีส่งของกินมาให้บ้าง เขาเห็นว่าอาหารการกินในแดน 8 ดีกว่า แดน 3 มาก จึงไม่ค่อยอยากออกไปศาล เพราะไม่อยากกลับมากักตัวตามนโยบายโควิดในแดน 3 อีก
เพชรยังคงมีความหวังเรื่องการได้ประกันตัว แม้ว่าถูกขังมาจะครบ 4 เดือนแล้ว เขารู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่ในเรือนจำแต่ก็ได้ฝากกำลังใจให้กับทุกคนที่ยังทำเรื่องประกันตัวให้เขา
ทางด้าน “ต๊ะ” คทาธร ก็บอกว่าเขารู้สึกเบื่อเช่นกัน ไม่รู้เมื่อไหร่ตนเองจะได้ประกันตัว จะกักพวกเขาไว้ทำไม ในเมื่อถ้าออกไป เขาก็อาจต้องติด EM และอยู่แต่ในบ้านอยู่ดี ถ้าหากมีเงื่อนไขเช่นนั้น
ต๊ะบอกว่าปกติเขาจะไม่มีญาติมาเยี่ยม ไม่มีคนมาฝากเงินหรือฝากของให้ แต่เมื่อมีคนฝากเงินเข้ามาให้จึงรู้สึกดีใจมาก เขาเอาเงินนั้นไปซื้อกระดาษวาดรูปกับกระดาษเขียนจดหมาย ซองจดหมาย ส่งไปขอบคุณทุกคนที่ตัวเองมีชื่อและที่อยู่ของเขา
ต๊ะยังได้เล่าว่าเนื่องจากเขาวาดภาพเหมือนได้ จึงมีนักโทษด้วยกันมาขอให้วาดภาพให้อยู่บ่อย ๆ เขาได้วาดให้ไปบ้าง และมันเป็นกิจกรรมที่แก้เบื่อสำหรับเขาได้
.
.
อ่านในเว็บไซต์: https://tlhr2014.com/archives/46457