วันอังคาร, ตุลาคม 05, 2564

“น้ำแค่แข้ง ประยุทธ์ต้องนั่งเรือ นี่น้ำถึงอก ธรรมนัสกระโดดลงลุยลากเรือเอง ซะงั้น” ใครกัน ‘ใจเสือ’ หรือใคร ‘ใจเชือดคอ’

ใครได้ดูคลิป ธรรมนัส พรหมเผ่า ลงพื้นที่อยุธยาแจกถุงก๊อบแก๊บ (ใส่ของในนั้น) ให้ชาวอำเภอเสนาฯ ที่ต้องพายเรือกันมารับ แล้วอดคิดไปไกลไม่ได้ว่า “น้ำแค่แข้ง ประยุทธ์ต้องนั่งเรือท้องแบน นี่น้ำถึงอก ธรรมนัสกระโดดลงลุยลากเรือเอง ซะงั้น”

แล้วเอาไปประโคมบนหน้าเฟชบุ๊คของตนเอง “ผมได้แนะนำตัวกับชาวบ้านว่าผมเป็นจิตอาสา และกำชับกับทีมงานว่าห้ามบอกกับชาวบ้านว่าผมคือใคร” เอาเข้าจริง ตอนหนึ่งตะโกนถามยายที่พายเรือมารับของแจก  “ยาย เคยเห็นหน้าไหม? เคยเห็นในทีวีน่ะสิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไง สวัสดีครับๆ”

อะไรมันจะฤดูหาเสียงมาไวเสียเหลือเกิน ตามนิสัยคนไทยชอบคิดสาระตะข้ามช็อตไว้ก่อน ว่าเอ๊ะ มีสองพรรคใหญ่ที่ยังไม่แน่นอนว่าจะชูใครเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ตามหลักก็ต้องเริ่มกลางปีโน้น (๖๖)

พรรคประชาธิปัตย์ประกาศแต่เนิ่นชู อู๊ดด้าจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อ้างโน่นนี่กันใหญ่ วิสัยทัศน์ทันสมัย ผลงานโดดเด่นด้านเศรษฐกิจ และช่ำชองการเมือง แต่หลายคนฟังแล้วบอกว่าเพิ่งรู้นะเนี่ย นึกว่าเข้ามาร่วมรัฐบาลกับแก๊ง ๓ ป.ในฐานะเมียเก็บ

ส่วนพรรคเล็กพรรคน้อยล้วนมีตัวเชิดกันแล้วทั้งนั้น ภูมิใจไทย ไม่หนีไปไหน อนุทิน ชาญวีรกูล เอาแน่  ไทยสร้างไทยต้อง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่งั้นจะใครล่ะ ก้าวไกล รับประกันคุณภาพ นักฟัดกับก๊กรัฐประหาร อ้างความนิยม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นปรี๊ด

อ้อ แล้วก็มีรองหัวหน้าพรรคออกมาคุย “ตอนนี้ก้าวไกลไม่ใช่พรรคใหม่ เราเป็นพรรคเก่า แล้วก็หวังจะเป็นพรรคขนาดใหญ่ เราจึงพร้อมสำหรับการเลือกตั้งทุกระบบ” พรรคใหญ่ที่วางตัวเป็นพี่เอื้อยแล้วช่วยกันดุน้อง ไม่ต้องห่วงแล้วนะว่าพวกนี้จะเป็นตัวถ่วง

ลุ้นๆ กันอยู่ว่าเมื่อไหร่ เพื่อไทย กับ พลังประชารัฐ จะลงตัวว่าใครกันเป็นแคนดิเดทนายกฯ ในรอบนี้ เพราะลือกันหนาหูว่า ตู่ จะไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย ของ ปลัดฉิ่งก็เลยพาลคิดกันไปว่า ฤๅท่า พปชร.จะได้พ่อค้าส่งออกแป้งมันเป็นตัวเชิด

จึงเลยเถิดไปถึงคำพูดของ สมชาย แสวงการ สว.ตู่ตั้ง ที่ไปเม้าท์กับ ไทยรัฐออนไลน์เรื่องประยุทธ์สามารถอยู่ในตำแหน่งนายกครบแปดปี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๘ ได้ถึงเมื่อไร เขาอ้างความเป็นนักกฎหมายดูจากแง่มุมของกฎหมายล้วนๆ

เขาบอกว่าดูแล้วต้องนับการเป็นนายกฯ โดยนัยนี้ของประยุทธ์ เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา ๙ มิถุนา ๖๒ จึงจะไปครบ ๘ ปี ที่ ๒๕๗๐ เพราะกฎหมายไม่มีผลในการบังคับใช้ย้อนหลัง ใครก็ตามเป็นนายกฯ ก่อนที่รัฐธรรมนูญ ๖๐ ประกาศใช้ ไม่เข้าข่ายดังกล่าว

สมชายพูดข้ามช็อตไปด้วยเช่นกันว่า ชวน หลีกภัย ทักษิณ ชินวัตร อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากกลับมาเป็นนายกฯ กันอีก ย่อมอยู่ได้ ๘ ปี นับจากวันที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ กระนั้นมิสเตอร์แสวงการยังอุตส่าห์ตั้งข้อแม้กับพี่โทนี่ไว้ด้วย

“หากเป็น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถ้ามองข้ามข้อจำกัดทางการเมืองมาได้ (โดนคดีความมีโทษจำคุก) ก็สามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้...เนื่องจากบุคคลดังกล่าวที่ยกตัวอย่างมา ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ ใช้บังคับ”

แบบนี้ต้องเรียกว่า สมชาย แสวงการ นอกจากตีกัน แม้ว แล้ว ยังกระทบกระทั่งพร้อมกันไปถึงพ่อค้าแป้งด้วยอีกคน เว้นแต่จะมีการเล่นแร่แปรธาตุอีกว่า การโดนคดีความและถูกจำคุก ไม่ได้เกิดภายในประเทศ ไม่นับเป็นคุณสมบัติต้องห้าม

ถ้าเช่นนั้นแสดงว่าพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนจากการสนับสนุน บุคคลที่พูดจาไม่อยู่กับร่องรอย เป็นน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ด้วยหน้าตาบ้องแบ๊ว ไปสู่ผู้ที่พูดปดมดเท็จเป็นนิจสิน ด้วยท่าทางเลือดเย็น ส่วนใครจะ ใจเสือ หรือ ใจเชือดคอ รอไม่นานเดี๋ยวเห็น

(https://www.khaosod.co.th/politics/news_6656968 และ https://bangkokbiznews.com/news/963917)