วันเสาร์, ตุลาคม 16, 2564
อั้ยย่ะ เรื่องคุ้นๆ .. อดีตหัวหน้าสายลับเกาหลีเหนือแฉตระกูลคิม "เงินทั้งหมดในเกาหลีเหนือเป็นของผู้นำเกาหลีเหนือ... เขาเอาเงินเหล่านั้นไปสร้างคฤหาสน์ ซื้อรถยนต์ อาหาร เสื้อผ้า และใช้ชีวิตอย่างหรูหรา”
https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/3051951471692539
"ในเกาหลีเหนือ การก่อการร้ายถือเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อปกป้องเกียรติของนายคิม จอง-อิล และนายคิม จอง-อึน...มันเป็นของขวัญที่แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อทายาทของผู้นำสูงสุด"
.
การค้ายาเสพติดและอาวุธ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายคิม จอง-อึน ได้ประกาศว่าเกาหลีเหนือกำลังเผชิญกับ "วิกฤต" รอบใหม่ โดยเมื่อเดือน เม.ย.เขาได้ขอให้ประชาชนเตรียมตัวรับมือกับ "ทุพภิกขภัย" กันอีกครั้ง ซึ่งคำเรียกนี้หมายถึงวิกฤตขาดแคลนอาหารครั้งรุนแรงของเกาหลีเหนือ (Arduous March) ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ในสมัยของนายคิม จอง-อิล
ตอนนั้นนายคิมทำงานอยู่ในหน่วยปฏิบัติการ ซึ่งได้รับคำสั่งให้ระดม "เงินทุนเพื่อการปฏิวัติ" ให้แก่ผู้นำสูงสุด ซึ่งนายคิมหมายถึงการค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมาย
เขาเล่าว่า "การผลิตยาเสพติดในยุคของ คิม จอง-อิล พุ่งสูงสุดในช่วงที่เกิดทุพภิกขภัย...ในตอนนั้นหน่วยปฏิบัติการไม่เหลือเงินทุนเพื่อการปฏิวัติให้แก่ผู้นำสูงสุด
"หลังจากได้รับมอบหมายภารกิจ ผมพาชาวต่างชาติ 3 คนเข้ามาในเกาหลีเหนือ เพื่อสร้างฐานการผลิตยาเสพติดที่ศูนย์ฝึกของสำนักประสานงาน 715 ของพรรคแรงงาน และผลิตยาเสพติด"
"มันคือยาไอซ์ จากนั้นเราก็ขายเป็นเงินดอลลาร์แล้วนำไปมอบให้ คิม จอง-อิล"
คำบอกเล่าของนายคิมครั้งนี้ฟังดูมีน้ำหนัก เพราะเกาหลีเหนือมีประวัติการผลิตยาเสพติดมายาวนาน ส่วนใหญ่เป็นเฮโรอีน และฝิ่น โดยนายแท ยอง-โฮ อดีตนักการทูตเกาหลีเหนือประจำสหราชอาณาจักรที่ต่อมาได้แปรพักตร์ เผยในที่ประชุม Oslo Freedom Forum เมื่อปี 2019 ว่าเกาหลีเหนือทำธุรกิจค้ายาเสพติดโดยที่รัฐให้การสนับสนุน และพยายามแก้ปัญหาประชากรในประเทศติดยาเสพติดอย่างแพร่หลาย
บีบีซีถามนายคิมว่า ในท้ายที่สุดแล้ว เงินจากการค้ายาเสพติดที่ได้ไปอยู่ที่ไหน และมันได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นเงินเพื่อช่วยเหลือประชาชนหรือไม่
อดีตนายทหารยศพันเอกผู้นี้ตอบว่า "เพื่อช่วยให้คุณได้เข้าใจ เงินทั้งหมดในเกาหลีเหนือเป็นของผู้นำเกาหลีเหนือ...เขาเอาเงินเหล่านั้นไปสร้างคฤหาสน์ ซื้อรถยนต์ อาหาร เสื้อผ้า และใช้ชีวิตอย่างหรูหรา"
.
"สิ่งที่คุณต้องรู้เอาไว้ก็คือ เกาหลีเหนือไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่ 0.01%"