4 เรื่อง ทำไมทักษิณจึงไม่หายไปไหน?
BY SARA BAD
ON SEPTEMBER 6, 2017
ispace thailand
หากไม่มีการรัฐประหารปี 49
ทักษิณจะยังมีคนรักอยู่หรือไม่?
หากไม่มีภาวะสองมาตรฐาน
คนรักทักษิณจะยังมีอยู่หรือไม่?
ispace thailand
หากไม่มีการรัฐประหารปี 49
ทักษิณจะยังมีคนรักอยู่หรือไม่?
หากไม่มีภาวะสองมาตรฐาน
คนรักทักษิณจะยังมีอยู่หรือไม่?
เห็นผลโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 19 ปี ของสถาบันพระปกเกล้า ระหว่างวันที่ 24 เม.ย.-15 พ.ค.ซึ่งจัดทำรวมกับกระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานสถิติแห่งชาติ จากการสุ่มตัวอย่างประชาชนทั่งประเทศ อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป(วัยเลือกตั้ง) ซึ่งมีตัวอย่างกว่า 33,420 คน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงมากเมื่อเทียบกับสำนักโพลทั่วไป ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไม่น้อยในวงการการเมือง เพราะได้พูดถึงคะแนนความเชื่อมั่นสูงสุดของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคนที่ได้คะแนนสูงสุดในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาเป็นทักษิณ ชินวัตร ร้อยละ 92.9 ในปี 2546 แต่ลดลงมาเหลือ 77.2 % ในปี 2549 ก่อนมีการรัฐประหาร ตามด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ 87.5 % ในปี 2558 ซึ่งเป็นหนึ่งปีหลังรัฐประหาร โดยความนิยมลดลงมาเล็กน้อยใน 2 ปีถัดมาที่ 84.6 % และ84.8 % และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2555 คือ 69.9 % แต่ตกลงมาเหลือ 63.4 % ในปี 2556-2557[1]
คำถามสำคัญของโพลดังกล่าวอยู่ที่ทำไมทักษิณ ชินวัตร ถึงได้คะแนนสูงสุดในช่วงปี 2546 และทำไมทุกการเลือกตั้งหลังจากการรัฐประหารปี 2549 ดูเหมือนว่าพรรคทักษิณจะชนะการเลือกตั้งเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชาชน ได้นายสมัคร สุนทรเวช,สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อด้วยถูกปล้นอำนาจในสภาและจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารได้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และจัดให้มีการเลือกตั้ง ก็ได้พรรคทักษิณ ที่มีน้องสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะการเลือกตั้ง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีก สรุปคือ หากมีการเลือกตั้งก็มีความเป็นไปได้ที่พรรคของทักษิณจะชนะการเลือกตั้งอีกและได้บริหารประเทศอีก(หากอยู่ในกติกาที่ยุติธรรม) เรียกได้ว่าพรรคที่มาจากการเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2543 ถึงปัจจุบัน 17 ปี มีการเลือกตั้ง 4 ครั้ง มีการรัฐประหาร 2 ครั้ง ล้วนมีชื่อทักษิณไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น
ทำไมทักษิณจึงมีอิทธิพลต่อการเมืองไทยสูงและประชาชนให้การยอมรับ(ดูจากคะแนนเสียงการเลือกตั้ง) ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน คงเป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก แต่ 5 เรื่องนี้คงพอจะตอบคำถามของหลายคนได้ว่าทำไมคนจึงรักทักษิณ ดังนี้
1.เจ้าพ่อคอร์รัปชั่น?
เวลาเรากล่าวถึงการคอร์รัปชั่น เรามักจะพูดถึงการคอร์รัปชั่นที่เป็นตัวเงิน โดยหลงลืมไปว่ายังมีการคอร์รัปชั่นเชิงอำนาจอีกด้วย และทักษิณก็มักจะถูกพูดถึงการคอร์รัปชั่นในเชิงตัวเงินปริมาณมหาศาล ซึ่งหลายคนก็มักให้ความสำคัญในส่วนนี้ และวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณไปต่างๆนานา ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะเป็นครรลองประชาธิปไตยอยู่แล้ว ก็ว่าไปทั้งในทางการเมืองและในทางกฎหมายว่าทักษิณผิดอย่างไร ในเรื่องการคอร์รัปชั่น แต่ส่ิงที่ฉุดรั้งเรื่องนี้ในยุคที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี คือ มีการชุมนุมเรียกร้องให้ทักษิณลาออกจากตำแหน่ง(ซึ่งถูกต้องตามหลักครรลองประชาธิปไตย) แต่พอมีการเสนอมาตรา 7 และเรียกร้องให้ทหารออกมารัฐประหาร และการรัฐประหารครั้งนั้น(19 ก.ย.2549) ได้เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยจนถึงปัจจุบัน การรัฐประหารครั้งนั้นคือการคอร์รัปชั่นอำนาจครั้งใหญ่ เพราะเป็นการปล้นอำนาจจากประชาชนโดยการรู้เห็นของประชาชนบางกลุ่ม ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือกทักษิณมาเกิดคำถามขึ้นว่าทำไมถึงยึดอำนาจทักษิณ? เมื่อเราได้ทักษิณมาด้วยวิถีของประชาธิปไตย การเอาทักษิณก็ควรเอาออกด้วยวิถีประชาธิปไตยสิ? หากไม่มีรัฐประหารครั้งนั้น ทักษิณคงถูกตรวจสอบด้วยกระบวนการศาล และกระบวนการทางการเมือง ทั้งในสภาและนอกสภา และคงหมดอำนาจไปนานแล้วเพราะการบริหารคงพังไม่เป็นท่า และคงถูกเรียกว่า “เจ้าพ่อคอร์รัปชั่นเพียงหนึ่งเดียว” แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างนั้นเพราะคำว่าคอร์รัปชั่นมันก็มีอยู่ทุกที่หากอำนาจมันล้นเกิน ทั้งรัฐบาลพลเรือนและรัฐบาลทหาร โดยจากผลสำรวจรัฐบาลทหารคอร์รัปชั่นมากกว่ารัฐบาลพลเรือนเสียอีก[2] แต่ทำไมทักษิณจึงโดนคนเดียว(ความรู้สึกของคนเชียร์ทักษิณ)
เวลาเรากล่าวถึงการคอร์รัปชั่น เรามักจะพูดถึงการคอร์รัปชั่นที่เป็นตัวเงิน โดยหลงลืมไปว่ายังมีการคอร์รัปชั่นเชิงอำนาจอีกด้วย และทักษิณก็มักจะถูกพูดถึงการคอร์รัปชั่นในเชิงตัวเงินปริมาณมหาศาล ซึ่งหลายคนก็มักให้ความสำคัญในส่วนนี้ และวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณไปต่างๆนานา ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะเป็นครรลองประชาธิปไตยอยู่แล้ว ก็ว่าไปทั้งในทางการเมืองและในทางกฎหมายว่าทักษิณผิดอย่างไร ในเรื่องการคอร์รัปชั่น แต่ส่ิงที่ฉุดรั้งเรื่องนี้ในยุคที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี คือ มีการชุมนุมเรียกร้องให้ทักษิณลาออกจากตำแหน่ง(ซึ่งถูกต้องตามหลักครรลองประชาธิปไตย) แต่พอมีการเสนอมาตรา 7 และเรียกร้องให้ทหารออกมารัฐประหาร และการรัฐประหารครั้งนั้น(19 ก.ย.2549) ได้เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยจนถึงปัจจุบัน การรัฐประหารครั้งนั้นคือการคอร์รัปชั่นอำนาจครั้งใหญ่ เพราะเป็นการปล้นอำนาจจากประชาชนโดยการรู้เห็นของประชาชนบางกลุ่ม ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือกทักษิณมาเกิดคำถามขึ้นว่าทำไมถึงยึดอำนาจทักษิณ? เมื่อเราได้ทักษิณมาด้วยวิถีของประชาธิปไตย การเอาทักษิณก็ควรเอาออกด้วยวิถีประชาธิปไตยสิ? หากไม่มีรัฐประหารครั้งนั้น ทักษิณคงถูกตรวจสอบด้วยกระบวนการศาล และกระบวนการทางการเมือง ทั้งในสภาและนอกสภา และคงหมดอำนาจไปนานแล้วเพราะการบริหารคงพังไม่เป็นท่า และคงถูกเรียกว่า “เจ้าพ่อคอร์รัปชั่นเพียงหนึ่งเดียว” แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างนั้นเพราะคำว่าคอร์รัปชั่นมันก็มีอยู่ทุกที่หากอำนาจมันล้นเกิน ทั้งรัฐบาลพลเรือนและรัฐบาลทหาร โดยจากผลสำรวจรัฐบาลทหารคอร์รัปชั่นมากกว่ารัฐบาลพลเรือนเสียอีก[2] แต่ทำไมทักษิณจึงโดนคนเดียว(ความรู้สึกของคนเชียร์ทักษิณ)
2.สภาวะสองมาตรฐานในสังคมไทย
ตลอดระยะเวลากว่า 11 ปี หลังการรัฐประหาร 2549 เราได้เห็นความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ประชาชนถูกแยกเป็นสองฝ่าย มีขบวนการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ต้องการการเลือกตั้ง อย่างเสื้อแดง นักการเมืองเลือกตั้งเพื่อไทย กลุ่มก้าวหน้า และฝ่ายที่ต่อต้านทักษิณทุกวิถีทางไม่ว่าจะตามครรลองประชาธิปไตยหรือไม่ก็ตาม อย่างเสื้อเหลือง ประชาธิปัตย์ ข้าราชการและคนมีสี และระบบยุติธรรม ฯลฯ ซึ่งตลอดระยะที่ผ่านมาคำว่าสองมาตรฐานได้เกิดขึ้น เพื่ออธิบายถึงความเป็นไปของระบบการเมืองที่เลือกปฏิบัติระหว่างขั้วขัดแย้งสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งทำอะไรก็ไม่ผิด ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งแค่กระดิกตัวก็ผิดแล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าสองมาตรฐานจะถูกพูดในหมู่เสื้อแดงเพื่ออธิบายกลุ่มตนว่าทำอะไรก็ผิด? ทั้งกระบวนการยุติธรรมไล่ไปจนถึงกระบวนการการเมือง อย่างเรื่องการสลายการชุมนุมจนเป็นเหตุให้ประชาชนล้มตายกว่า 93 ศพ และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน ตอนนี้คนทำผิดก็ยังลอยหน้าลอยตาในสังคมอย่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสุเทพ เทือกสุบรรณ ล่าสุดศาลก็ยกฟ้อง หรือจะเป็นการตัดสินคดียิ่งลักษณ์ ว่าปล่อยปะละเลยให้เกิดการคอร์รัปชั่นในนโยบายจำนำข้าว การให้องค์กรอิสระทำงานเฉพาะกลุ่ม ทำให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกว่าภาวะสองมาตรฐานนี้ไม่ยุติธรรม และเมื่อมองย้อนกลับถึงทักษิณ จึงเกิดคำถามที่ว่า “ทักษิณผิดอะไร” และก็ได้แต่ตอบตัวเองว่า เพราะภาวะสองมาตรฐานทำดำรงอยู่ ทักษิณจึงผิด
3.แนวนโยบายที่กินได้ และเศรษฐกิจที่ดี
“หากเปรียบการเมืองไทยเป็นแท่งไอติม กว่างบประมาณจะไปถึงชาวบ้านก็มีการเลียกินไอติมจากฝ่ายบริหาร ลงมาที่ ส.ส.ข้าราชการ องค์กรท้องถิ่น ซึ่งกว่าจะถึงชาวบ้านเหลือแต่แท่งไอติม” นี้คือคำนิยามของคนทั่วไปที่อธิบายเรื่องการเมืองไทยในอดีต ซึ่งทักษิณเปลี่ยนมัน โดยยังเหลือไอติมให้ชาวบ้านได้กินบ้าง แม้ไม่มากแต่ก็มีให้(ซึ่งบางคนก็มองว่าได้กินเต็มแท่งตามแนวนโยบายของทักษิณ) การทำแนวนโยบายให้เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นในยุคทักษิณอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายสาธารสุข 30 บาท รักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน OTOP ฯลฯ แม้ว่าหลายฝ่ายจะมองว่านโยบายยุคทักษิณเป็นนโยบายประชานิยม เพื่อเรียกคะแนนเสียง แต่มันเห็นผลจริงในมุมมองชาวบ้าน ซึ่งหลายนโยบายก็ยังปฏิบัติกันในปัจจุบัน จนกระทั่งรัฐบาลทหาร คสช.พยายามเปลี่ยนมัน เช่น ยกเลิกรถไฟฟรี เมล์ฟรี น้ำฟรี ไฟฟรี ฯลฯ(อาจเป็นเพราะเป็นแนวคิดทักษิณจึงอยากเปลี่ยน) ซึ่งนโยบายที่กินได้ของทักษิณยังไม่เพียงพอ เพราะทักษิณได้บวกสภาวะเศรษฐกิจที่ดีด้วย ซึ่งหากย้อนกลับไปยุคนั้นต้องบอกว่าเศรษฐกิจดีไม่น้อย ทั้งในประเทศเอง และการส่งออก จีดีพีของประเทศโตวันโตคืน ทำให้คะแนนเสียงเมื่อครั้งเลือกตั้งปี 47 ยุคทักษิณ2 พรรคไทยรักไทยได้คะแนนเสียงถล่มทลาย เป็นเพราะแนวนโยบายที่กินได้และเศรษฐกิจดี เป็นตัวชูโรงทักษิณอย่างมหาศาล
4.มาจากการเลือกตั้ง ทำให้กลายเป็นเจ้าพ่อประชาธิปไตย
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทักษิณเป็นหนึ่งในผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามครรลองประชาธิปไตย และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษิณถูกยึดอำนาจด้วยวิถีที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เหตุใดการเลือกตั้งจึงสำคัญ แน่นอนว่าการเลือกตั้งไม่ใช้ทั้งหมดของประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยที่ขาดการเลือกตั้งก็ไม่เรียกว่าประชาธิปไตยแน่นอน และผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งมักมีทั้งคนรักและคนเกลียดเป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง แต่กระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมายึดอำนาจทักษิณ จึงทำให้เหล่าคนรัก ทั้งรักในตัวทักษิณ บวกกับรักในความเป็นประชาธิปไตยทนไม่ได้ที่เห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นจากคนที่ไม่เชื่อในกระบวนประชาธิปไตย ถ้าหากนับว่าทักษิณมาจากการเลือกตั้งก็ครั้งก็คงต้องบอกว่าตลอดระยะเวลา 17 ปี เริ่มปี 2543 ทักษิณชนะทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ทั้งปี 2543,2547,2551(สมัคร),2554(ยิ่งลักษณ์) ทำไม่ทักษิณจึงชนะ ก็เพราะว่ายังมีคนสนับสนุนและคนที่อยากให้กลับมาบริหารประเทศอีก
ทั้ง 4 ข้อ ตั้งแต่เจ้าพ่อคอร์รัปชั่น?, สภาวะสองมาตรฐานในสังคมไทย, แนวนโยบายที่กินได้และเศรษฐกิจดี, มาจากการเลือกตั้งทำให้กลายเป็นเจ้าพ่อประชาธิปไตย คงพอจะตอบคำถามได้ว่าทำไมคนจึงรักทักษิณ หากไม่มีการรัฐประหารปี 49 ทักษิณจะยังมีคนรักอยู่หรือไม่? หากไม่มีภาวะสองมาตรฐานคนรักทักษิณจะยังมีอยู่หรือไม่? เป็นเรื่องที่น่าหาคำตอบอย่างยิ่ง
[1] https://www.khaosod.co.th/politics/news_498292
[2] https://www.the101.world/life/measuring-corruption/
...
...
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
...