วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 05, 2559

การที่มีคนเอาความจริงที่เป็นความชั่วออกมาเปิดให้โลกรู้ น่าจะเป็นการแสดงกึ๋นกล้าหาญมั่นคงต่อความสัตย์ มิใช่หรือ





เบาๆ วันนี้ ‘สองคนยลตามช่อง’ อีกที เกี่ยวกับกะลาแลนด์ คนหนึ่งเห็นแต่โคลนตม (บางรายคอยแต่จะเอาไปป้ายเขา) อีกคนตาแหลมคม เห็นความจริงกระจัดกระจาย

กรณีครอบครัวชาวอังกฤษถูกพวกกุ๊ยขี้เมาตลาดหัวหินรุมตึ๊บ เพียงแค่ลูกชายวัย ๔๓ เดินชนไหล่ระหว่างร่วมเฮฮากลางดึกงานสงกรานต์ ซ้ำแม่พ่อวัย ๖๕-๖๘ พยายามห้ามกลับถูกกระแทกหงายกระเด็นสลบกลางทางเท้า ต่อมาหลังจากมีคลิปประจานไปทั่วโลก ตำรวจเลยสามารถจับตัวคนร้ายทั้งสี่ได้

แต่ทั่นผู้กำกับฯ หัวหิน ไม่ค่อยพอใจที่มีพลเมืองดีเอาภาพวิดีโอจากวงจรปิดของเทศบาลออกมาเผย สั่งตามล่านำตัวมาดำเนินคดี

ตอนนี้เรื่องถึงนายกฯ ประยุทธ์แล้ว “มีการเอาออกไปเผยแพร่แล้วมันได้อะไรขึ้นมา เพื่อจะเร่งรัดให้ตำรวจดำเนินการ แล้วที่เสียคือไปทั่วโลก...

กฎหมายเขาเขียนว่าอย่างไรเล่า จะหวังดีหวังร้ายถ้ากฎหมายเขาเขียนไว้มันก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น เป็นเครื่องมือของใครหรือ...ได้อะไรมาก็แพร่ไปทั้งหมดมันจะเสียหายประเทศชาติอย่างไร

เพื่อจะเล่นงานรัฐบาลนี้ให้ได้แล้วประเทศมันเสียหายไหมเล่า”

(http://www.matichon.co.th/news/125058)

นี่ทั่นหัวหน้าฯ หมายความว่า กฎหมายที่รัฐบาลนี้เขียนกับมือ (รธน. ชั่วคราว กับคำสั่ง คสช.) โดยเฉพาะ มาตรา ๔๔ ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียหายไปแล้วหรอกหรือ

แล้วไอ้การที่มีคนเอาความจริงที่เป็นความชั่วออกมาเปิดให้โลกรู้ น่าจะเป็นการแสดงกึ๋นกล้าหาญมั่นคงต่อความสัตย์ ไม่ใช่พวก ‘อีแอบ’ และ ‘ตอหลด’ ทั้งหลาย มิใช่หรือ

“งามหน้า ! นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษโดนทำร้ายที่หัวหิน ลั่นจะไม่มาเหยียบไทยอีก” เป็นพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ในไทยบางฉบับเมื่อสองสามวันก่อน หลังจากที่มีข่าวอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องเดียวกันว่ารัฐมนตรีสำนักนายกฯ ไปเยี่ยมผู้เสียหาย เต็มไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น ที่คนระดับนั้นไปเยี่ยมถึงโรงพยาบาล

แต่ว่าภายนอกกะลานั้นน่ะ ข่าวบอกว่า “An elderly British couple and their son have vowed never to return to Thailand after their brutal assault in the coastal town of Hua Hin last month.”

เนื้อความตรงกันกับข่าวไทยว่า ผู้สูงอายุสามีภรรยาชาวอังกฤษกับลูกชายประกาศจะไม่กลับไปเยือนไทยอีก เนื่องจากการถูกทำร้ายสาหัสเมื่อเดือนที่แล้ว

รำลึกถึงเหตุที่เกิดกับตนและครอบครัว โรสแมรี่ โอเว็น บอกกับเว็บบล็อก Asian Correspondent ของออสเตรเลีย ว่า “ฉันยังฝันร้ายไม่หาย”

“ฉันต้องนอนโรงพยาบาล ๓ วัน สามีของฉัน (ลูอิส) อยู่สองวัน หมอเจาะเอาหนองออกมาจากบริเวณหัวปูดของฉัน มันดูไม่ได้เลยละ”

(ข่าว นสพ. ในอังกฤษระบุด้วยว่านายลูอิสหัวแตก เย็บ ๖ เข็ม ลูกชายเย็บ ๑๖ เข็ม)

“การทำร้ายทำให้ฉันกลัว ฉันไม่อยากกลับไปเมืองไทยอีก แต่ฉันก็ยังรักคนไทยนะ ไม่ชอบก็แต่พวกคนเลวๆ เท่านั้น”

(https://asiancorrespondent.com/…/british-couple-recounts-n…/)

ช่วงที่บอกว่ายังรักคนไทยนี่ the Nation หนังสือพิมพ์ไทยตาหยีผมบลอนด์ glorifies น่าดูเลย
“Following the attack, many other Thais rushed to their help and she was full of thanks.”

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้ง Orasa Arwutkom หัวหน้าสำนักงาน ททท. หัวหิน และ Lisa Onghang นายกสมาคมท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ กับคณะคนไทยจำนวนมากไปส่งครอบครัวโอเว็นกลับอังกฤษเมื่อวาน (๓ พ.ค.) เดอะเนชั่นรายงานถึงความปลาบปลื้มของนางโรสแมรี่ เมื่อเธอบอกว่า

“ฉันขอขอบคุณพวกคุณทุกคนที่ดูแลครอบครัวของเราอย่างดี ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา” หน้าชื่นกันไปตามๆ





พอดีเมื่อวานเป็นวันเสรีภาพสื่อแห่งโลก สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศจัดเสวนา (ภาษาอังกฤษ) เรื่องสื่อไทยมีเสรีภาพแค่ไหน ทูตสหรัฐ กลิน เดวี่ส์ และแจ็คกี้ ภริยา ไปร่วม

(https://www.facebook.com/voiceofamerica/videos/10153706471718074/)





โดย สตี๊ฟ เฮอร์แมน หัวหน้ากอง บก. เสียงอเมริกาในไทยกล่าวนำผู้อภิปราย ๔ คน ได้แก่ นพพร วงศ์อนันต์ จากบางกอกโพสต์ กุลชฎา ไชยพิพัฒน์ จาก Press Alliance (เคยอยู่เนชั่น) จีรนุช เปรมชัยพร จากประชาไท และอนุธีร์ เดชเทวพร จากว้อยซ์ทีวี

สตี๊ฟยังเอ่ยถึงกรณีที่ คสช. ไม่ยอมให้ ประวิตร โรจนพฤกษ์ แห่งข่าวสดอิงลิช (เคยอยู่เนชั่นเหมือนกัน) ไปร่วมงานวันเสรีภาพสื่อที่เฮลซิงกิ ฟินแลนด์ และการปฏิเสธวีซ่าสื่อต่างประเทศยี่สิบกว่าราย

นอกจากอ้างถึงกรณีประเทศไทยตกอับดับดัชนีเสรีภาพสื่อโลกแล้ว เขายังแซวทหารที่ไปเฝ้าในงานว่า “ผู้ร่วมงานโปรดระวัง อาจโดนถ่ายรูป” เหมือนเหตุทหารทำอื้อฉาวที่นี่เมื่อไม่นานมานี้

ควันหลง :มีผู้ร่วมงานคนหนึ่งโพสต์ว่า “สิ่งพิมพ์หลายฉบับพูดถึงการใช้กฏเหล็กของรัฐบาลทหารที่ก่อความลำบากแก่การทำงาน ตัวแทนบางกอกโพสต์พยายามอย่างยิ่งที่จะให้ผู้ฟังมั่นใจได้ว่าการเสนอข่าวไม่ได้ด้อยลงไป ขณะที่ฉบับอื่นๆ ต่างเปิดเผยความจริงกัน (แม้บางคำถามจากผู้เข้าฟัง ผู้อภิปรายตอบตรงๆ ว่า “เวลานี้พูดไม่ได้”)

เจ้าของโพสต์ John Magee เขียนต่อ “ขอส่งเสียงชื่นชมตัวแทนข่าวสดอิงลิชที่ลุกขึ้นถามคำถามที่ไม่มีใครอยากตอบ ส่วนเดอะเนชั่นนั้นมองหาไม่เห็น”

ดูเหมือนระยะสองปีมานี่เดอะเนชั่นจะมาตรฐาน ‘อย่างฝรั่ง’ ในทางเด็ดเดี่ยวและไม่เอียง ด้อยลงไปนะ แต่หนักในการรอเวลาปฏิรูปร่วมกับ คสช. เสียมากกว่า

ทว่ายังไม่แกร่งกล้าเท่า ‘ทีนิวส์’ ของสนธิญาน (หนูแก้ว) ชื่นฤทัยในธรรม ซึ่งมุ่งมั่นสานฝันให้แก่ คสช. อย่างมุทะลุ นอกจากไล่ล่าอย่างหักโหมต่อพวกที่ยังรักเจ้าไม่เพียงพอแล้ว ทีมงานสนธิญานยังรับทำอีเว้นต์กำจัดขวากหนาม คสช. อย่างเอาจริงเอาจังอีกด้วย





จะเห็นได้จากการรณรงค์ต้านจ่านิว ที่มีนักศึกษารามฯ สี่ซ้าห้าคนไปแจ้งกองปราบให้เรียกสอบนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ว่ารับเงินใครมาเคลื่อนไหวนั้น

สื่อชวนเชื่อของทีนิวส์จัดทำเคมเปญชวนคนให้ ‘ร่วมแสดงพลัง’ จัดการกับจ่านิวโจ่งแจ้งเลยเชียว อันนี้ชัดเจนว่าใครเห็นโคลนตม

ส่วนคู่ประกบ “ตาแหลมคมเห็นหมู่ดาวพราวพราย” น่าจะได้กับ Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว ซึ่งสัมภาษณ์จ่านิวตอบข้อโจมตี ‘กลุ่มรักชาติ’ ประเด็น ‘อยู่ไหน’ ตอนเด็กรามฯ โดนยิง





ก็ได้ความกระจ่างว่า เด็กรามฯ เหมือนกันที่ออกไปไล่ตีชาวบ้านและคนสูงอายุเสื้อแดงหน้าสนามราชมังคลาถึงบนรถเมล์นั่นต่างหาก ที่ควรเป็นประเด็นมากกว่า

(https://www.facebook.com/300084093490011/videos/586207094877708/)

ต่อเรื่องเส้นทางการเงิน นายสิรวิชญ์ตอบว่า “แล้วกลุ่มที่เขามาเคลื่อนไหว เขามีใครสนับสนุนหรือเปล่าล่ะ ในเมื่อเราตั้งคำถาม ก็ตั้งกันไปตั้งกันมา ผมถึงว่ามันไม่เกิดประโยชน์อะไร”

แม่เจ้าโวย เด็กนักศึกษาที่ ผบ.ทบ. บอกว่าเรียน “ไม่จบสักที” ตอบพวกที่ตั้งตัวเป็นศัตรูได้ถึงสัจจธรรมจังเลย คนละชั้นต่างเชิงกับทั่นหัวหน้าใหญ่หลายขุม

จากที่นักข่าวถามว่า “ท่านนายกฯ ได้เห็นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายประชารัฐ หรือยังคะ” ทั่นดูท่าทางหัวเสีย (หรือเสียหัวก็ไม่รู้ได้) ตอบว่าคนที่พูดแล้วไม่ได้ทำเหมือนทั่น “มันง่ายเกินไป”

ความที่ทั่นช่างพูด จึงไม่ได้ตอบแค่นั้น ดันต่อความยาวออกไปอีกว่า “ผมยังไม่เคยไปก้าวก่ายงานของท่านเลย ผมยังไม่เคยบอกหนังสือพิมพ์อะไรของท่าน

เขียนในทางสร้างความขัดแย้ง ผมยังไม่เคยว่าท่านเลย เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งกับผม”

ถึงจะสะบัดบ็อบตอนท้าย แต่น้ำเสียงส่วนใหญ่กล้าๆ กลัวๆ อยู่นะ ไม่ยักกะเหมือนตอนจวกวัฒนา