วันอังคาร, พฤษภาคม 03, 2559

นี่ละ เรื่องของ ‘ปรีย์ กะ จัญ’





มาดให้ ใจถึง คงต้องยกให้ ‘บิ๊ก’ ธีรชัย (นาควานิช) เลขาฯ คสช. อนาคตไกล เกษียณเมื่อไหร่รอเป็นผู้เผด็จการต่อจากตุ๊ดตู่ได้ทันที

ฟังเขาใช้สรรพนามเรียก กลุ่มคนที่เสนอให้ร้องขอสหประชาชาติเข้ามาสังเกตการณ์ประชามติในไทย ยังกับ ‘หมู’ หมา กา ไก่ “ไปดูเลย มีไม่กี่ ‘ตัว’ หรอก”

(https://www.facebook.com/WassanaJournalist/posts/1116364685088655)

ไม่เชื่อไปเทียบดูกับแบบบทหยดย้อยของประยุทธ์ (จันทร์โอชา) เมื่อสิ้นเมษา ๕๘ ก็ได้ มีคนเขาจารึกไว้ว่าตอนนั้นทั่นหัวหน้าคณะยึดอำนาจเรียกคนที่คัดค้านเผด็จการว่า “ขยะเคลื่อนที่-ขยะมนุษย์”

ตอนนี้หัวหน้าใหญ่ของพวกที่ติดใจอำนาจเบ็ดเสร็จเลยอยากอยู่ ‘ยาน’ ไม่ต้องสรรหาสรรพนามเปรียบเทียบอะไรให้ฟังแล้วต่ำช้าอีกละ เพราะขนพองได้ที่ แค่ตระบัดลิ้นนิดเดียวว่า “ระวังตัวด้วย” ก็พอแล้ว





ลองฟังทั่นผู้นัมบ์ ‘ตอก’ เจ๊ยุ นักข่าวอาวุโส ภริยาตะหานรุ่นพี่ อดีตปลัดฯ กลาโหม ก็ได้ Matichonweekly เขาถอดคำมาให้อ่านกัน

“ผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง: เสรีภาพของสื่อคือเสรีภาพของประชาชนนะคะ
นายกฯ: ใครพูดอ่ะ?
ผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง: ยุวดีค่ะ
นายกฯ : อ่ะ...ระวังตัวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง: ค่ะ ระวังตัวอยู่แล้ว”

การนี้ ‘มติชนสุดสัปดาห์’ ให้ภูมิหลังด้วยว่า

“ยุวดี ธัญญศิริ หรือ ‘เจ๊ยุ’ คือผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล ทั้งยังควบตำแหน่ง ‘ภรรยาของรุ่นพี่’ คือพล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมอีกด้วย

ซึ่งตั้งแต่ ‘บิ๊กตู่’ เข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ มีหลายครั้งที่ทั้งคู่เปิดศึกวิวาทะกลางวงสัมภาษณ์ จนบิ๊กตู่ต้องเอ่ยปากขอโทษมาแล้ว”

(https://www.facebook.com/matichonweekly/videos/1290696390957704/?fref=nf)

เหตุเกิดหน้าทำเนียบฯ พอดีเป็นวันเสรีภาพสื่อโลก (๓ พฤษภาคม) นายกสมาคมนักข่าวฯ ไปดักรอพบคนโตของประเทศเพื่อมอบเสื้อยืดที่ระลึก พร้อมข้อเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งที่จำกัดเสรีภาพของสื่อ โดยเฉพาะคำสั่ง คสช. ที่ ๙๗/๕๘ กับ ๑๐๓/๕๘





“พล.อ.ประยุทธ์ถามกลับมาว่า แล้วตอนนี้สื่อยังไม่มีเสรีภาพพออีกหรือ

นายกสมาคมนักข่าวฯ ตอบว่า...ไม่ได้หมายถึงจะขอนายกฯ มอบเสรีภาพให้มากขึ้น แต่มีกฎหมายบางข้อที่อยากขอร้องให้นายกฯ ยกเลิก”

บีกตู่ก็ใจปั้ม บอกว่า “จะดูให้” แต่ไม่วายมีข้อแม้ “ถ้ายกเลิกบางข้อก็ต้องเพิ่มในบางข้อ”

(http://www.matichon.co.th/news/124286)

เห็นไหม นั่นไง มาดพวกเผด็จการ จะพูดจะจาอะไรต้องแบบ ‘บิ๊ก’ ไว้ก่อน แม้กับคนรุ่นใหม่ที่พากันออกไปแสดงจุดยืน (นิ่ง) โหวตโน ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ทั่นหัวหน้าตะหานโบกก็หาว่า “หน้าเดิมทั้งนั้น” เป็นพวกที่เกะกะ ก่อกวน เดี๋ยวจะ “ดูแล” จัดการเอง

เหมือนผีเจาะปาก สักแต่พูด ไม่ดูข้อเท็จจริงนักหรอก อย่างชุดล่าสุด ๘ คนที่โดนรวบไปไว้โรงพัก ล้วงข้อมูลจาก ‘แช้ทบ็อก’ ส่วนตัวบนโซเชียลมีเดียไว้ตั้งข้อหาจนได้ที่ ม.๑๑๖ และบางคนโดน ๑๑๒ ควบไปด้วย ก็ไม่ใช่หน้าเดิมอะไร





จะเดิมก็แต่พวกเขาติดแน่นกับประชาธิปไตยและสิทธิเสียงแสดงความคิดเห็นของตนเอง ไม่ชอบการจูงจมูกเท่านั้น ส่วนที่ว่าเกะกะก่อกวน ก็พวกเขาออกไปยืนนิ่งแล้ว ยังจะเกะกะศีรษะใครอีก

อย่างราย ‘หะริด’ นายหฤษฎ์ มหาทน อดีตนักเขียนสำนักพิมพ์แจ่มใส บัณฑิตรัฐศาสตร์ มธ. เคยเป็นนักอภิปรายในชมรมวรรณศิลป์ธรรมศาสตร์ ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัวเป็นเจ้าของร้านราเมงข้างมหาวิทยาลัยขอนแก่น ถูกทหาร ‘อุ้ม’ จากบ้านพักแล้วนำเข้าไปควบคุมตัวไว้ใน มทบ.๑๑ ก่อนจะส่งให้กองปราบฯ เสาะข้อหา จนขณะนี้ยังไม่ได้รับอนุมัติประกันปล่อยตัวชั่วคราว

Oil Woramon เพื่อนร่วมสำนักศึกษาคนหนึ่งของเขา เขียนถึงเอาไว้น่าฟังว่า “โดนทหารบุกบ้านตอน ๖ โมงเช้า จับตัวไปด้วยข้อหาที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากพรบ.คอม เป็นพรบ.ประชามติ จนจบที่ ม.๑๑๖ ซึ่งตีความว่าการวิจารณ์นายกฯ และรัฐบาลคือภัยความมั่นคงของชาติ และ ม.๑๑๒ จากการค้น chatlog ส่วนตัว

สิ่งที่หะริดทำตอนนี้ ทุกข้อหาต่อให้เป็นข้อหาที่ร้ายแรงที่สุด จะไม่มีอะไรผิดเลยถ้าอีกฝั่งเป็นคนทำ

และจะไม่มีอะไรผิดเลยถ้าประเทศของเราเป็นประชาธิปไตย

Til it happens to you, you don't know how it feels.”

(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1014158368619330&set=a.123324371036072.9584.100000755301793&type=3)

หรืออีกคนไม่ใช่วัย ‘millennial’ อย่างหะริด แต่เป็น ‘babyboomer’ ที่โดน กกต. สมชัย ศรีสุทธิยากร ฟ้องด้วย พรบ. ประชามติเป็นรายแรก ถูก ‘คมชัดลึก’ ตีไข่ใส่สีเสียแดงเถือก





จีรพันธ์ ตันมณี อยู่บ้านไผ่ ขอนแก่น เป็นนักกิจกรรมดำเนินงานกองทุนช่วยผู้ป่วยออทิสติก ซึ่ง Atukkit Sawangsuk เขียนถึงไว้อย่าง “ขอลำเอียงหน่อย” หลังจากสืบสอบแล้วได้ความว่าเคยเป็นสหายเก่าเหมือนกัน แต่คนละเขต

“เธอวิพากษ์ร่าง รธน.พร้อมกับด่าทักษิณยิ่งลักษณ์หยาบๆ ไม่พอใจมาตรา ๑๗๘ (๑๙๐ เดิม) ไม่พอใจเรื่องรัฐสวัสดิการ ซึ่งเป็นประเด็นของพวกพันธมิตร” และ

“พี่จรัล ดิษฐาอภิชัย ยืนยันว่าเธอเป็นเสื้อเหลืองเพราะรู้จักกันดี เคยเถียงกันมาเยอะ...เธอไม่รับว่าเป็นเหลือง (แต่ด่ายิ่งลักษณ์ทักษิณขรม) ก็ไม่เป็นไร”

ถึงยังไงก็ “ชัดเจนว่าเธอไม่ใช่แดง แต่คมชัดลึกเขียนซะแดงแจ๋ สามีเป็นเพื่อนจาตุรนต์ (ถามแล้วจาตุรนต์ไม่เคยไปบ้านซักครั้ง)...

ทุเรศครับ”

นี่ละ เรื่องของ ‘ปรีย์ กะ จัญ’ ในบ้านเมืองไทยที่ อุษณา เพลิงธรรม ไม่ได้นึกถึง แต่คนรุ่นต่ำกว่าสามสิบได้พบได้เห็นแล้วอยากทำอะไร ก็ยังอุตส่าห์หักห้ามใจ แค่ออกมายืนนิ่งกันแล้วยังไม่ได้อีก ใครล่ะรู้ข้างหน้าจะเป็นแบบไหน