สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก
ควีนเดนมาร์ก "ขอโทษ" กรณีถอดพระยศเจ้าชายและเจ้าหญิงของหลาน 4 พระองค์
4 ตุลาคม 2022
บีบีซีไทย
สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ตรัสขออภัยต่อการที่พระองค์ทรงถอดพระยศพระราชนัดดา 4 พระองค์ แต่ไม่ทรงยกเลิกการตัดสินพระทัยดังกล่าว
สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 ตรัสว่า พระองค์มีพระประสงค์ให้ราชวงศ์เดนมาร์ก “ทันกับยุคสมัย” การตัดสินพระทัยของพระองค์ผ่านการไตร่ตรองมายาวนาน และทรงเชื่อว่าจะเป็น “การพิทักษ์” สถาบันกษัตริย์ในระยะยาว
แต่พระองค์ทรงยอมรับว่า คาดการณ์เสียงตอบรับจากพระบรมวงศานุวงศ์ผิดไป “ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าต้องขอโทษด้วย”
สำหรับการถอดพระยศพระราชนัดดา หรือหลาน 4 พระองค์ เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และกระบวนการจะเริ่มในปีหน้า
แถลงการณ์จากสำนักพระราชวังเดนมาร์กระบุว่า “พระยศเจ้าชายและเจ้าหญิงที่พระราชนัดดา 4 พระองค์ถือครองมายาวนาน จะถูกยกเลิก”
“พระโอรสและพระธิดาของเจ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์กจะได้รับการเรียกขานว่า excellency แทน” แต่ปรากฏว่า เจ้าชายโจอาคิม ซึ่งเป็นพระราชโอรสคนที่ 2 ของควีนมาร์เกรเธอที่ 2 ตรัสว่า พระองค์ทรงไม่พอใจต่อการถอดพระยศนี้
“มันไม่สนุกเลยที่ต้องเห็นลูก ๆ ของคุณถูกปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมเช่นนี้” พระองค์ให้สัมภาษณ์กับ เอกสตรา บลาเดต (Ekstra Bladet)
“พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาเองไม่เข้าใจ”
“พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาเองไม่เข้าใจ”
ด้านพระชายาของพระองค์ เจ้าหญิงมารี ตรัสว่า พระโอรสองค์เล็กสุด ถูกรังแกและล้อเลียนที่โรงเรียน ภายหลังคำประกาศถอดพระยศดังกล่าว ที่แจ้งล่วงหน้าเพียงไม่นานเท่านั้น
ในบทสัมภาษณ์นี้ ทั้งสองพระองค์ทรงเปิดเผยว่า ควีนมาร์เกรเธอที่ 2 ไม่ได้มีรับสั่งใด ๆ ด้วยเลย นับแต่ออกประกาศดังกล่าว พร้อมตรัสอีกว่า เจ้าชายนิโคไล พระราชนัดดาแห่งควีนมาร์เกรเธอที่ 2 ตรัสเสริมว่า ครอบครัวรู้สึกตกใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้
เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2023 พระโอรสและพระธิดาของเจ้าชายโจอาคิม คือ เจ้าชายนิโคไล พระชนมายุ 23 พรรษา, เจ้าชายเฟลิซ์ พระชนมายุ 20 พรรษา, เจ้าชายเฮนริค พระชนมายุ 13 พรรษา และเจ้าหญิงอาธีนา พระชนมายุ 10 พรรษา จะมีพระยศเป็นเคานต์และเคาน์เตส แทนพระยศเจ้าชายและเจ้าหญิง
ส่วนพระโอรสและพระธิดาทั้ง 4 พระองค์ของพระราชโอรสพระองค์โตของควีนเดนมาร์ก คือ เจ้าฟ้าชายเฟรเดอริก จะยังคงพระยศเจ้าชายและเจ้าหญิงต่อไปได้
สำนักพระราชวังชี้แจงว่า “สมเด็จพระราชินีนาถทรงต้องการวางกรอบให้พระราชนัดดาทั้ง 4 ของพระองค์ เลือกสร้างชีวิตของตนเองได้อย่างมีอิสระมากขึ้น” แต่กลับกลายเป็นว่า พระบรมวงศานุวงศ์แสดงความไม่พอพระทัยต่อการตัดสินใจดังกล่าวของพระองค์ ทำให้ทรงออกมาขอโทษ
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลูก ๆ ของข้าพเจ้า ลูกสะใภ้และหลาน ๆ ของข้าพเจ้า คือ ความสุขและความภูมิใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าครอบครัวของข้าพเจ้าจะทำใจยอมรับ และผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้” ควีนแห่งเดนมาร์ก ตรัส
.....
Royal World Thailand - รอยัล เวิลด์ ประเทศไทย
10h
จากประเด็นดราม่าภายในรั้วสีทองที่ต่อความยาวสาวความยืดไปอีกนานสำหรับการถอดพระยศและฐานันดรศักดิ์ของพระราชนัดดาทั้งสี่ ผู้เป็นพระโอรส-ธิดาในเจ้าฟ้าชายโยคิม ล่าสุด สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ได้ออกพระราชดำรัสส่วนพระองค์ผ่านทางสำนักพระราชวังซึ่งเผยแพร่ลงสื่อสังคมออนไลน์กับกรณีดังกล่าว (อ่านข่าวเก่าได้ที่: https://cutt.ly/gVKpHbO)
“การตัดสินใจของข้าพเจ้าในฐานะสมเด็จพระราชินีนาถ ในฐานะแม่ และย่า โดยเฉพาะการเป็นแม่และย่านี้ ข้าพเจ้าไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้กระทบต่อลูกชายคนเล็กของข้าพเจ้าและครอบครัวมากเพียงมด เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ากังวลยิ่งและข้าพเจ้าก็อยากขอโทษทุกคน”
สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมถอดพระยศและฐานันดรศักดิ์ของพระราชนัดดาทั้งสี่พระองค์ได้แก่ เจ้าชายนิโคไล เจ้าชายเฟลิกซ์ เจ้าชายเฮนริก และเจ้าหญิงอาธีน่า อันจะมีผลตั้งแต่หลังวันขึ้นปีใหม่ 2023 เป็นต้นไป ทั้งเจ้าฟ้าชายโยคิม และพระโอรสพระองค์ใหญ่ เจ้าชายนิโคไล ได้พระราชทานสัมภาษณ์และประทานสัมภาษณ์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแบบฉับพลันนี้
เจ้าฟ้าชายโยคิมมีพระดำรัสว่า “ข้าพเจ้าได้รับแจ้งเรื่องนี้เพียง 5 วันก่อนออกแถลงการณ์ ไม่สนุกเลยที่ได้มาเห็นลูกๆถูกทำร้ายแบบนั้น” และรับสั่งถึงสถานการณ์ที่ไม่เข้าพระทัยเลยแม้แต่น้อย (อ่านข่าวเก่าได้ที่: https://cutt.ly/IVVyJzs)
สมเด็จพระราชินีนาถ ได้มีพระราชดำรัสเสริมจากการพระราชสัมภาษณ์ของเจ้าฟ้าชายโยคิมความว่า “หลายวันมานี้ ข้าพเจ้าได้รับทราบถึงปฏิกิริยาต่อการตัดสินใจของข้าพเจ้าในเรื่องพระยศของหลานๆทั้งสี่ พระโอรส-ธิดาในเจ้าฟ้าชายโยคิม สิ่งนี้ย่อมกระทบต่อข้าพเจ้าเช่นกัน” ทั้งนี้ มีพระราชปรารภถึงการตัดสินพระราชหฤทัยที่เตรียมการมายาวนาน สำหรับอนาคตของสถาบันพระมหากษัตริย์
“บางครั้งก็อาจเป็นการตัดสินใจที่ยาก และที่ยากกว่าคือการหาเวลาอันเหมาะสม ทั้งนี้ การธำรงไว้ซึ่งพระเกียรติยศที่มาพร้อมกับภาระหน้าที่อันใหญ่ยิ่ง อาจต้องส่งต่อถึงสมาชิกพระบรมวงศ์ไม่กี่พระองค์ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงตระหนักถึงความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ในอนาคต ที่อาจต้องดำเนินการล่วงหน้าไว้สำหรับอนาคตตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป”