Sirote Klampaiboon
16h
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันเวลาบ่ายสามครึ่งถึงบ่ายสี่บนรถเมล์สาย 14 แถบถนนราชวิถีคือ เด็กในชุดนักเรียนสีขาวที่มีแม่มารับกลับบ้านเป็นประจำ
น้องในภาพเป็นเด็กตาบอด และทุกครั้งที่อยู่บนรถ น้องจะมีอาการติดแม่ขนาดไม่ยอมห่างแม่แม้แต่วินาทีเดียว
พูดตรงๆ คือน้องแทบกรีดร้องทุกครั้งที่เอื้อมมือหาแม่ไม่เจอ
ภาพนี้แสดงข้อเท็จจริงที่โหดร้ายสองเรื่อง
เรื่องแรกคือเราเป็นสังคมที่ล้มเหลวในการดูแลให้คนที่มองไม่เห็นเกิดความรู้สึกว่าเขาอยู่ในโลกได้อย่างปลอดภัย
น้องที่โตแล้วจึงต้องอยู่ใกล้แม่ซึ่งเป็นแหล่งความปลอดภัยเดียวในโลกที่น้องมีชีวิต
แต่ข้อเท็จจริงคือแม่อยู่กับน้องไปตลอดไม่ได้ และถึงจุดนึงน้องก็จะตัวใหญ่จนแม่รับภาระในการคุ้มครองน้องอีกไม่ไหวเหมือนกัน
เรื่องที่สอง น้องในภาพไม่ต้องจ่ายค่ารถเมล์ แต่แม่ซึ่งต้องรับส่งลูกที่ช่วยตัวเองไม่ได้นั้นต้องจ่ายค่ารถตามปกติ
เราไม่รู้ว่าแม่ของน้องทำงานอะไรและมีรายได้แค่ไหน แต่การที่แม่ต้องมารับลูกแบบนี้คือการเสียโอกาสในการทำงานในเวลาเช้าและบ่ายแน่ๆ
ภาระของแม่ในกรณีนี้คงยากกว่าแม่ทั่วไป แต่ต้นทุนในการรับส่งลูกกลับไม่ได้ลดลง และนั่นคือคำถามว่าทำไมรัฐไม่มีระบบจุนเจือแม่น้องเลย
ภาพชีวิตที่เกิดซ้ำซากและมีให้เห็นทุกวันแบบนี้ทำให้เรื่องนี้คล้ายเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเอาข้อเท็จจริงสองข้อมารวมกัน สิ่งที่ทุกคนควรเห็นก็คือสังคมไืทยเป็นสังคมที่หันหลังให้กับความทุกข์ในชีวิตคนธรรมดาอย่างถึงที่สุด
ลูกที่มองไม่เห็นจึงต้องอยู่โลกที่แม่คือที่พึ่งเดียวด้านความอุ่นใจ ส่วนแม่ที่ต้องดูแลลูกที่มองไม่เห็นก็ต้องทำเรื่องนี้คนเดียวโดยรัฐหรือสังคมไม่ช่วยแม้กระทั่งออกแบบระบบตั๋วให้แม่ในเงื่อนไขนี้ได้โดยสารฟรี
ทุกคนรู้ว่าสังคมที่น่าอยู่คือสังคมที่คนเกื้อกูลกัน แต่ข้อเท็จจริงคือเราอยู่ในสังคมที่ความเกื้อกูลเป็นเรื่องหายาก
น้องกับแม่ของน้องควรได้อยู่ในสังคมที่ดูแลน้องและเด็กแบบน้องได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่สังคมที่ไม่มีใครเห็นชีวิตแบบน้อง จนคิดไม่ได้ว่าต้องทำอะไรอย่างประเทศนี้ในปัจจุบัน
อยากบอกน้องกับแม่ว่าตอนนี้พี่ทำได้แค่นี้ แต่ภาพของน้องกับแม่จะอยู่กับพี่ไปตลอดพร้อมกับคำถามที่จะไม่มีวันเงียบไป