พออภิปรายวันที่สอง หลายคนก็จ้องพรรคก้าวไกล ว่าจะมีหมัดอัปเปอร์คัตลอยมาแบบคู่ต่อสู้ไม่ทันระวัง เหมือนเมื่อวานที่ศักดิ์สยาม ชิดชอบ โดนเรื่อง ‘นอมินี’ ธุรกิจครอบครัว อีกบ้างไหม
ไม่ผิดหวัง เมื่อถึงคิว วรภพ วิริยะโรจน์ ซักฟอกประยุทธ์บ้าง ‘คอรัปชั่นเชิงนโยบาย’ นี่ละ ทำให้เวลานี้ประชาชนแบกภาระพลังงานโคตรแพงกันถ้วนหน้า
เอาไปประกบกับการปฏิวัติรัฐประหาร ที่ทำให้บ้านเมืองอับเฉามาแปดปี ทำเป็นยกมือเริงร่า ฉันเอง ฉันเอง เมื่อเฮียป้อมชี้คนนี้คนเดียวที่ยึดอำนาจ ไม่มีสามปอสามเปออะไรก็เถอะ
“ไม่ได้มีสาเหตุมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่แพงขึ้นอย่างเดียว แต่มีสาเหตุมาจากการบริหารราชการแผ่นดินที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานของรัฐบาล” ส.ส.ก้าวไกลใส่เป็นจะจะ ห้วงเดือนกันยาถึงธันวา ๖๕ นี้แหละ เตรียมจ่ายค่าไฟหน่วยละ ๕ บาทกันได้
มันเป็นผลมาจากแผนบันไดสี่ขั้นของรัฐบาลประยุทธ์ ที่จะเลี้ยงดูกลุ่มผู้ผลิตพลังงานน้อยใหญ่ เริ่มด้วยประมาณการความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าความจริงมากมาย แล้วก็ไปตั้งเป้าหมายการผลิตสูงเกินต้องการมหาศาล เพื่อจะได้เพิ่มโรงไฟฟ้าตามใจอยาก
กพช.หรือกรรมการนโยบายพลังงานที่ประยุทธ์เป็นประธาน ก็จัดการอนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชนเป็นว่าเล่นเกินจำเป็น “ฟังแล้วอาจจะตกใจครับท่านประธาน วันนี้เรามีโรงไฟฟ้าเกินความต้องการสูงสุดไป ๕๔%”
เขาเล่าลงรายละเอียดให้ข้อมูลไปกระทุ้งกกหูประยุทธ์ จะได้เลิกนั่งแคะขี้เล็บ นั่งหาวเสียที ว่าชาวบ้านเขารู้ทันเล่ห์โกงของพวกเผด็จการ ว่าปกติเดือนเมษา ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะพี้ค เมษานี้ใช้ไป ๓๓,๑๗๗ เมกกาวัตต์ แต่ดันผลิตซะ ๕๑,๐๔๐ มว.
ไม่มีที่ไหนในโลกเขาผลิตไฟฟ้าเผื่อเหลือมากขนาดนี้กัน อย่างสูงที่สุดแค่ ๑๕% ไม่ใช่ห้าสิบ เสร็จแล้วเป็นไง ในเมื่อประยุทธ์เซ็นสัญญาเอื้อผู้ผลิตเอาไว้ ๒๕ ปี ด้วยเงื่อนไข ‘ประกันกำไร’ “โรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ของไทย ๑๒ โรง
มีถึง ‘ครึ่งหนึ่ง’ ที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟเลยแม้แต่วันเดียว...การไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) ยังคงต้องจ่ายให้เอกชน เดือนละเกือบ ๒ พันล้านบาท และนำต้นทุนนี้มาคิดเป็นค่าไฟฟ้าแพงกับประชาชน” คำนวณเป็นตัวเลขออกมาคร่าวๆ
“เหมือนประชาชนถูกยักยอก ๑ สลึง ทุกๆ หน่วยไฟฟ้าที่ใช้ไป เปรียบเสมือน ‘เงินปากผี’ ที่แม้ประยุทธ์และพวกจะตายจากโลกนี้ไปแล้ว ประชาชนก็ยังต้องจ่ายค่าประกันกำไรให้แก่กลุ่มพลังงาน ‘เพื่อนแสนดี’ เหมือนเพื่อนประวิตรที่ให้ยืมนาฬิกาแบบไม่เอาคืน
ทุเรศหนักเข้าไปอีก เมื่อ กฟผ.เพิ่งออกมาโอดว่า “ขาดทุนสาหัสเกือบ ๑ แสนล้านบาท” จากการ “ร่วมรับภาระค่าไฟฟ้ากับประชาชนตามแนวทางบริหารค่าไฟฟ้า” ของประยุทธ์ ที่วรภพเรียกว่า “นโยบายทำนาบนหลังคน ใจดีกับกลุ่มทุนพลังงาน”
บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เผยว่าแม้ “จะพยายามแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องแล้วจำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท แต่ยังไม่เพียงพอต่อการแบกรับภาระค่าเชื้อเพลิงที่เกินกำลัง”
แล้วใครอย่าได้อ้างว่า กฟผ.มีกำไรสะสมเยอะล่ะ ตลอดระยะเวลากว่า ๕๐ ปีนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกิจการ “กฟผ. นำกำไรส่วนที่เหลือจากการนำส่งกระทรวงการคลังในแต่ละปี ไปลงทุนในรูปของสินทรัพย์ที่ใช้ผลิตและส่งไฟฟ้าให้แก่ประชาชน”
ตัวเลขกำไรสะสม ๓๒๙,๐๐๐ ล้านบาท จึงเป็นเพียง ‘มูลค่าสินทรัพย์’ ในกระดาษเท่านั้น ตัวเงินส่วนหนึ่งนอกจากใช้รักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศแล้ว ก็เอาไปเพิ่มความมั่งคั่งให้กับกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นเพื่อนแสนดีของตู่เค้าละ
(https://www.fm91bkk.com/fm131045, https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/pfbid0344 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/pfbid029iJ)