อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ เที่ยวนี้ไม่เพียงถลกหนังหน้า ๑๑ รัฐมนตรี ให้เห็นจะจะว่าตลอดสองปีที่ผ่านมามีการฉ้อราษฎร์บังหลวงกันหนักหนาแค่ไหน เบื้องหลังฉากการระบาดของโควิด โดยเฉพาะในแวดวงการใช้จ่ายงบประมาณทหาร
ต่อการนี้ฝ่ายค้านเตรียมการมาอย่างดี นอกเหนือจากยุทธการ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ ของพรรคเพื่อไทย และ ‘ตอกตะปูปิดตาย’ ทะลายระบอบประยุทธ์ ของพรรคก้าวไกล แล้ว การชำแหระ ‘งบกำลังพล’ จะสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำในสวัสดิการ และทหารเกณฑ์
พริษฐ์ วัชรสินธุ กรรมาธิการวิสามัญจากพรรคก้าวไกลเผยว่า วันพรุ่งนี (๑๘ กรกฎา) ๖ หน่วยงานหลักภายใต้กระทรวงกลาโหม จะต้องไปชี้แจง ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับงบประมาณปี ๒๕๖๖ ที่ได้รับทั้งสิ้น ๑๙๗,๒๙๓ ล้านบาท
ที่อ้างว่าลดลงจากปีก่อนถึง ๑.๓๒% แน่ะ ตัวเลขกลมๆ ลดไป ๒,๖๔๔ ล้านบาท ไม่เท่าจู๋แมลงเม่า ขณะที่งบบุคคลากรกลับเพิ่มขึ้น ๒,๔๐๔ ล้านบาท แม้จะประมาณจิ๋มแมลงหวี่ แต่เมื่อเทียบสัดส่วนของงบที่ใช้กับบุคคลากรของกลาโหม มากถึง ๕๔%
นับเป็นอัตราสูงสุดในรอบ ๕ ปี ทั้งที่ภัยคุกคามเอกราชของชาติในอนาคต จะป้องกันได้ดดยใช้บุคคลากรน้อยลง พริษฐ์ยกตัวอย่าง “เช่น ภัยคุกคามอาวุธนิวเคลียร์ ภัยคุกคามไซเบอร์ ภัยคุกคามทางเศรษฐกิจ” ดังนั้นทำให้การเกณฑ์ทหารไม่ค่อยมีความจำเป็นแล้ว
ด้านยุทโธปกรณ์ กลาโหมฟาดงบในส่วนนี้ไป ๑๒,๓๘๙ ล้าน จะซื้อรถถังไว้ตั้งแสดงวันเด็ก หรือเข็นออกมายึดอำนาจหากเล่ห์กลแจกกล้วยพรรคปลาซิวปลาสร้อยไม่ได้ผล จะซื้อเรือดำน้ำจีนไว้งมหอยในอ่าวไทย จะซื้อ เอฟ-๓๕ ไว้บินขู่ เมื่อมิก-๒๙ พม่ากลับไปแล้ว
พริษฐ์บอกว่าไหงไม่คิดเรื่อง ‘Defense Offset’ บ้างล่ะ คือถ้าจะต้องนำเข้าก็วางเงื่อนไขให้เกิดการจ้างงาน หรือโอนถ่ายเทคโนโลยี่เข้ามาในประเทศ มิฉะนั้นต้องส่งเสริมการผลิตเองภายใน แต่งบที่จัดไปให้การพัฒนาและวิจัยจิ๊บจ้อย แค่ ๐.๑%
ส่วนที่จะต้อง ‘ซัก’ กันมากในครั้งนี้เป็นงบที่เราๆ เรียกกันว่า ‘งบเผือก’ ๓,๑๖๐ ล้านบาท “ถูกใช้ไปกับโครงการที่ไม่น่าเป็นพันธกิจหลักของทหาร” อ้างว่า “นำไปใช้กับโครงการพัฒนาศักยภาพด้านการพัฒนาประเทศ” แย่งงานกระทรวงที่มีพันธกิจโดยตรง
‘ไอติม’ ชี้กรณีโครงการ ‘จัดหาแหล่งน้ำ’ ของกองบัญชาการกองทัพไทย จัดงบประมาณไว้ ๑,๓๒๕ ล้านบาท เท่ากับ ๑ ใน ๔ ของงบที่กรมทรัพยากรน้ำได้ใช้ แล้วยังมีโครงการก่อสร้างและปรับปรุงทางหลวงชนบท แย่งคมนาคมทำงั้นเหรอ
หรือว่าเจ้ากระทรวงคมนาคมเห็นว่ามีผู้รับเหมา ‘ยิ่งใหญ่’ รับงานยักษ์ๆ ที่เป็นมิตรสนิทชิดเชื้อกันเลยปล่อยวาง แม้นว่าสร้างรัฐสภาแล้วหลังคารั่ว หรือสร้างอุโมงก์ระบายน้ำฝนในกรุง ท่สมแล้วท่วมอีกหลายปีต่อกันมา ถึงปีนี้เลยยังสร้างไม่เสร็จ
ไม่เกินคาดถ้าสภาโหวตวันที่ ๒๓ แล้วรัฐบาลประยุทธ์ยังรอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้ เพราะ ๑๑ ส.ส.พรรคจิ๋วไปพบหัวหน้า พปชร.แล้วได้รับคำสั่งกำชับให้โหวตไว้วางใจรัฐบาลถ้วนหน้าละก็ ประชาชนยังแก้ลำกลโกงได้ ด้วยการไปโหวตนอกสภากัน
จะโหวตด้วยการหย่อนบัตรคู่ขนานกับสภา ที่ขบวนการ ‘ราษฎร’ จัดอาสาสมัครออกตระเวณทั่วกรุง และ ๓๔ จังหวัดหัวเมือง ไม่ว่าจะถูก ตำรวจ ก่อกวน กีดกั้น และกลั่นแกล้งอย่างใดๆ ก็ #อย่าหมดหวังกับเสียงของเรา โหวตให้มันรู้ไปว่า ‘ประชาชน’ ไม่ทนอีกต่อไป
ใครไม่สามารถโหวตด้วยการหย่อนบัตร หรือถนัดโหวตออนไลน์ ไปร่วมกับ โครงการ #เสียงประชาชน ซึ่งนักวิชาการจาก ๔ มหาวิทยาลัยร่วมกันจัดให้โหวตผ่านการสแกน #คิวอาร์โค้ด ด้วยโทรศัพท์มือถือ #การลงมติจะเริ่มต้นในวันสุดท้ายของการอภิปราย
คือวันศุกร์ที่ ๒๒ กรกฎา ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น.ไปจนถึงเวลาปิดการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร ประมาณ ๑๑.๐๐ น. นี่เป็นการเริ่มต้น ‘ชิมลาง’ อย่างจริงจังของ #ประชาธิปไตยโดยตรง
(https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid0QQ, https://www.facebook.com/Prachatai/posts/pfbid02oB และ https://www.matichon.co.th/politics/news_3457799)