กัลยา โสภณพนิช อุตส่าห์ชงให้ตู่สั่ง “เร่งตรวจสอบ” เรื่องการผลิตสื่อสำหรับเยาวชน โดยเฉพาะหนังสือการ์ตูนชุด ‘วาดหวัง’ ว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคง ยังไม่ทันถึงไหน ‘สนธิญา’ จากค่าย พปชร.ฉกเอาไปแจ้งตำรวจว่า “ยุยงปลุกปั่น” เสียก่อนแล้ว
‘คุณหญิง’ จึงรีบส่งที่ปรึกษากับโฆษกประจำตัวไปยื่นเอกสารข้อมูลต่อสภาความมั่นคง โถ น่าเห็นใจ ปชป. นึกว่าที่กระทรวงศึกษาจะเล่นสะดวก เพราะ รมว.‘ตรีนุช’ นี่ช่วงหลังๆ มีจุดอ่อน โดนเด็กสอนหนังสือบ่อยๆ ก็มีอันมาถูก ‘นักร้อง’ ตัดหน้าเสียนี่
ทั้งๆ ที่กระทรวงเกษตรฯ ส.ส.พลังประชารัฐเพิ่งเหมาเอา ๔ กรมไปครองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉิบ นี่เป็น ‘power play’ ขบเหลี่ยมตัดคมกันใน พปชร. พวก ส.ส.ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ช่วงชิงความเหนือกว่าเพื่อจะไปต่ออีกสมัย ก็ดันไปกระทบ ปชป.เข้า
จนโฆษกพรรคต้องออกมาโวยวาย ทำงี้ได้ไง ในเมื่อเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการประชาธิปัตย์เป็น รมว. ไฉน คณะรัฐมนตรีจึงมอบหมายประวิตร วงษ์สุวรรณ ดูแลกรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวง สนง.ปฏิรูปที่ดิน และองค์การตลาด ตัวจักรสำคัญทั้งนั้น
“หลักการบริหารราชการแผ่นดินให้กลับไปศึกษาให้ดี” ราเมศ รัตนะเชวง เล็คเชอร์ “ความคิดของคนถ้าคิดดีทำดีไม่เป็นปัญหาแน่ ถ้านายจุรินทร์จะขอดูกรมในกระทรวงที่พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐมนตรีว่าการบ้าง ส.ส.พลังประชารัฐจะคิดอย่างไร”
เหตุเด็กแย่งลูกกวาดจึงเกิด “เราทำงานร่วมกันควรให้เกียรติกัน ทุกพรรคมีศักดิ์ศรี ถ้าคิดกันแบบนี้ ทำกันแบบนี้ จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร” ปิดท้ายแรง “เรื่องนี้เชื่อว่าหากยังเป็นอยู่เช่นนี้ยากที่จะราบรื่น” คงมีบางคนย้อนแหละว่า “จะคอยดูน้ำยา”
ทั้งที่มี “สะพัดโผ” โผล่ขึ้นมาต้อนรับเดือนตุลา ศุภชัย พานิชภักดิ์ ประชาธิปัตย์เก่า “ถูกทาบทามมาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ควบ รมว.พลังงาน” ฐานที่เคยเป็นผู้อำนวยการใหญ่องค์การค้าโลก (WTO) แม้นว่าขณะนี้อายุ ๗๕ แล้ว
อดีตขุนพลเศรษฐกิจยุคชวนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว แก่ไปนิดไหมนี่ จน Atukkit Sawangsuk อดรนทนไม่ไหว แซะว่า “อยู่บ้านตำน้ำกินรอวันเป็นอัลไซเมอร์เสียยังดีกว่า...ถ่อสังขารมาค้ำประยุทธ์ ไม่อายคนรุ่นลูกรุ่นหลาน จะถูกประณามไปชั่วชาติ”
อีกคนที่ติดโผ เอ็มจีอาร์ออนไลน์ ก็คือ ‘ปลัดฉิ่ง’ ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งลือกันมาเป็นอาทิตย์แล้วว่าจะให้ลูกพี่ตู่ไปสวมแคนดิเดทนายกฯ พรรคเศรษฐกิจไทย ที่จดทะเบียนรอไว้นานแล้ว เจ้าตัวปฏิเสธเด็ดขาดชนิดคอเป็นเอ็น
“ผมไม่ได้ดำเนินการกิจการใด ๆ ทางการเมืองในขณะนี้” และ “ผมคิดว่าไม่ใช่เวลาของผม ที่จะมาพิจารณาเรื่องนี้ ผมขอทำหน้าที่พลเมืองดีในด้านอื่น ๆ ต่อไปก่อนครับ” ส่วนข่าวว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งใน ครม.ชุด ๒/๕
แต่ที่กระทรวงศึกษา ดูเหมือนว่าการร้องของ สนธิญา สวัสดี ต่อตำรวจนครบาลจะ ‘backfires’ โดนถีบกลับ มีอย่างที่ไหนอ้างไปได้ หาว่า “ปลูกฝังความคิดที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประเทศ เช่น มีภาพวาดของกลุ่มแกนนำชูสามนิ้ว” ผิดมาตรา ๑๑๖ นั่นเลย
ศรีสมร โซเฟร เจ้าของนามปากกา ‘สองขา’ ผู้เขียน ‘วาดหวัง’ ย้อนให้ว่า “ถ้านิทานสิบหน้าสิบรูปล้างสมองเด็กได้ ที่บังคับให้เด็กอ่านกันเยอะๆ จะไม่ล้างสมองเด็กไปถึงไหนแล้วเหรอ” อีกทั้งเมื่อก่อนก็มีหนังสือ ‘ลุงกำนัน’ ขายเกร่อ “ตรวจสอบบ้างไหม”
ขณะที่ ตรีนุช เทียนทอง พยายามจะแสดงผลงาน ‘ปฏิรูปการศึกษา’ ด้วยการ “ทบทวนเรื่องการจัดการเรียนการสอนของอาชีวศึกษาทั้งระบบ” หลังจากพบว่า “มีนักเรียนนักศึกษาออกกลางคันเป็นจำนวนมาก” เหตุหนึ่งเกิดจากหลักสูตรแข็งเกินไป
อดีต รมว.ศึกษาฯ พงษ์เทพ เทพกาญจนา แนะว่า “ต้องออกแบบหลักสูตร โดยใส่เฉพาะที่เหมาะสมและจำเป็น ไม่ใช่ใส่ทุกอย่างให้เสียเวลาเด็ก” ด้าน ณหทัย ทิวไผ่งาม อดีตรองโฆษกสำนักนายกฯ บอก “ต้องยืดหยุ่นให้มาก”
ผู้ดำเนินการโรงเรียนตัวอย่างโด่งดังยุคหนึ่งว่า “ยิ่งตั้งกรอบยิ่งกดความคิดเด็ก...ให้เขามีความฝัน ยิ่งได้ฝันมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไปได้เร็วมากขึ้น การศึกษาไทยยุคใหม่ ผู้บริหาร ครู ต้องเปิดกรอบให้ได้มากที่สุด”
การศึกษาที่จำกัดให้อยู่แต่ในกรอบของ ‘ความมั่นคง’ เพื่อจุดมุ่งหมายทางการเมือง นอกจากจะไม่มีทางได้ปฏิรูปตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ๖๐ แล้ว ยังเป็นการถอยหลังลงเหวของความไม่พัฒนา ไล่ไม่ทันความเจริญของโลก
(https://www.prachachat.net/education/news-774181, https://www.matichon.co.th/politics/news_2968564, https://www.prachachat.net/politics/news-773193 และ https://prachatai.com/journal/2021/10/95256)