มาแระ “คนนี้ใช่เลย” ของโพล (ซูเปอร์) ‘กรรณิกา’ กะ ‘สุนันทา’ หลังจากพรรคต่างๆ เปิดตัว ‘ว่าที่’ นายกฯ ของตนกันคึกคัก พรรค รอ. (คำของ สุนัย จุลพงศธร) ก็เลยนิ่งไม่ได้ บอกว่านี่เป็น “เสียง...สะท้อนผลประเมิน ให้ ‘ประยุทธ์’ มีความเหมาะสม”
ไม่เป็นไร อยากคุยอวดกับเขาบ้างก็ได้ แต่หาหลักฐานให้มันรูปธรรมหน่อยจะดี อะไรกัน “ผลงานประจักษ์” ทั้งที่คนด่าตรึม เด็กยังยี้ไม่เอาลุงตู่บ ยิ่งว่า “ไม่พบปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ‘ที่รุนแรง’ เอื้อต่อผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง” ยิ่งพิรุจ
โธ่เอ๋ย ถึงจะละคำ ‘ญาติพี่น้อง’ ออกไป ก็ไม่รอดตาช้างไปได้หรอกนะ คำว่า ‘ส่วนตัว’ หมายรวมญาติทั้งหมดไว้ด้วยแล้ว kaewmala (คนบ่ดีย์) .|||. @Thai_Talk ถึงบอกว่า “ประยุทธ์ไม่ได้มีน้องชื่อปรีชาเหรอ หลานชายสองคนไม่ได้ดีลกับรัฐเป็นพันล้านเหรอ”
เอิ่ม อุตส่าห์ตีวงกั้นแล้วเชียวว่า ไม่พบคอรัปชั่นที่รุนแรงไง เขาหมายถึงดีลพันล้านนั่นจิ๊บจ้อยมั้ง แต่ไม่เนียน อะ ต้องนี่เนียนกว่า ‘บัตรเครดิต ทีทีบี รอยัล ท็อป บราส’ ของธนาคารทหารไทยธนชาติ ที่ว่า “คือบัตรเครดิตแห่งเกียรติยศ ที่
สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความเป็นผู้นำ ของข้าราชการทหารชั้นผู้ใหญ่” นัยว่าสรรพคุณนี้มีมาแต่ครั้ง ‘ทหารไทย’ ยังไม่ได้ควบรวมกับ ‘ธนชาติ’ โน่นแล้ว แต่คราวนี้มีปรับเปลี่ยน “ในรายละเอียดของการสมัคร ไม่ได้ระบุถึงอายุ ฐานเงินเดือน หรือรายได้
แต่ระบุไว้เพียงว่าผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้” คือ นอกจากต้องเป็น “ข้าราชการทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหม ที่มีชั้นยศตั้งแต่ พันโท/ นาวาโท /นาวาอากาศโท ขึ้นไป” แล้ว “ผู้สมัครมีรายได้จากการดำรงตำแหน่งทางราชการ”
กับที่ พิเศษเข้าไปใหญ่ ตรงที่ “หรือรายได้จากการประกอบอาชีพอื่นที่ไม่ใช่จากเงินบำนาญ (กรณีประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวจะต้องดำเนินธุรกิจในประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๒ ปีขึ้นไป นับจากวันที่จดทะเบียนกิจการ)” อันนี้มีนัยยะสำคัญ เป็นการยอมรับว่า
ทหารทำธุรกิจไซ้ด์ไลน์ได้ หลานชายประยุทธ์ ปฐมพล และ ปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา (ลูกๆ สองคนของปรีชา) ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง โดยใช้บ้านพักในค่ายทหารเป็นที่ตั้งบริษัท แล้วยังมีกิจการอื่นๆ อีกสองสามอย่าง เช่น ให้เช่ารถ จำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า
“ข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า ในจำนวน ๔ บริษัท/หจก.ของ” ลูกปรีชา หลานประยุทธ์ “พบว่ามีอย่างน้อย ๓ แห่ง ที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐและกองทัพ” มูลค่าทั้งสิ้นราว ๑,๐๑๘.๙ ล้านบาท ในปี ๒๕๖๔ นี้เอง
ประจวบกับข้อเท็จจริง ที่ ‘The Observer’ นำมาตีแผ่อีกครั้ง (อจ.กานดา นาคน้อย เคยทำวิจัยและเขียนบทความเอาไว้) ว่ากองทัพไทย “น่าจะมีนายพลราวๆ ๑,๕๐๐ นาย และประมาณครึ่งหนึ่งไม่มีตำแหน่งหลัก และไม่มีงานรับผิดชอบที่ชัดเจน”
ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ บัญชีแต่งตั้งและโยกย้ายนายพลไทย “พุ่งขึ้นไป ๘๐๐ กว่าตำแหน่ง หรือจ่อๆ ๘๐๐ บางปีทะลุถึง ๑,๐๐๐ ตำแหน่ง และสองปีล่าสุดอยู่ที่ ๙๐๐ กว่าตำแหน่ง” หนักไปกว่านั้น “นายพลใหม่ส่วนหนึ่ง ไม่ได้ขึ้นครองอัตราตำแหน่งหลัก”
หรือนัยหนึ่งอัตราตำแหน่งของแต่ละเหล่าทัพ เช่น เจ้ากรม หรือ ผบ.พล มีไม่พอกับจำนวนนายพล “จึงได้ติดยศพลตรีในตำแหน่งลอยที่ชื่อว่า ผู้ทรงคุณวุฒิ” ซึ่ง “จะมีงานก็ต่อเมื่อได้รับมอบหมาย (ถ้าไม่ได้รับมอบหมายก็ไม่มีงาน ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่มีงาน)”
ไม่เพียงพลตรีเท่านั้นที่เกินงาน พลโท พลเอก ก็ล้นเหมือนกัน จึงต้องสร้างตำแหน่งลอยเพิ่ม คือถ้าพลตรีก็ตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิ เฉยๆ ถ้าพลโทพลเอก ชื่อยาวออกไปนิดเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ไม่ทราบว่าพลเอกพิเศษถ้าเหลือใช้เหมือนกันจะเรียกอะไร
ด้วยเหตุว่าตั้งนายพลไม่หยุดหย่อนทุกปีแล้วไม่มีงานให้ทำ คนพวกนี้ก็เลยใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ด้วยการทำธุรกิจไซ้ด์ไลน์ รวมทั้งคุมบ่อน คุมซ่อง และส่งเสริมการส่งออก ยาไอ๊ซ์ ยาบ้า บ้างก็แค่ค้าแป้ง
(https://www.facebook.com/GavinBrandonCole/posts/175257914768054 และ https://www.facebook.com/todaybizview/posts/206221658283359UK-R)