วันอาทิตย์, กันยายน 06, 2563

ประวัติการณ์ชุมนุม #หนูรู้หนูมันเลว จารึกว่าวันนี้ 'ผู้ใหญ่' (เป่านกหวีด) ที่เรียกตัวเอง 'คนดี' ที่แท้ 'ขี้เท่อ' มีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ๑๐ อย่าง


กิจกรรมเมื่อวาน ๕ กันยา หน้ากระทรวงศึกษาของกลุ่มนักเรียน #หนูรู้หนูมันเลว กับเครือข่ายเยาวชนปลดแอก ๕๐ สถาบัน เป็นอีกหมุดหมายของความคืบหน้า เพื่ออนาคตของคนรุ่นใหม่ เพื่อประชาธิปไตยอันแท้จริง นักต่อสู้รุ่นลุงรุ่นป้าต่างชื่นชมกันถ้วนหน้า

บทกลอน “โอ้ความหวัง” ของเกษียร เตชะพีระ @kasiantj เปรียบเปรยว่า “ดั่งเดือนฉาย ซึ่งคืนมืดหดหู่อยู่รอบราย เปล่งประกายแสงจันทร์ปลอบขวัญคน” ขณะที่นักวิชาการสายประชาธิปไตยอีกสองคนสะท้อนให้เห็นการเป็น ไอค่อนแห่งประวัติศาสตร์ ไว้ด้วย

Puangthong Pawakapan ผู้ลึกซึ้งข้อมูล ๖ ตุลาฯ บอกว่า “ชื่นใจกับ Free spirit ของพวกคุณมาก” เธอเอ่ยถึง “เรากำลังยืนอยู่ในยุคสมัยที่เด็กกล้าประกาศอย่างกึกก้องว่า พวกเขาไม่ต้องการเป็น คนดี แบบที่สังคมและโรงเรียนพยายามจะครอบให้เขาเป็น”

ฉะนั้น “หากการขบถต่อกฎเกณฑ์ที่ผู้ใหญ่พยายามขีดให้เขาเดินเท่ากับเป็น คนเลว (แล้วละก็) เขาก็จะเป็น” ขณะที่ Pinkaew Laungaramsri ก็ ชื่นชมที่ดีเบตกับ รมว.ศึกษาฯ “แสดงให้เห็นถึง ความรู้ ที่เขามีต่อปัญหาของระบบราชการอำนาจนิยมอันล้าหลัง”

อจ.ปิ่นแก้วลงรายละเอียดถึงการดีเบตด้วยว่า “สิ่งที่คุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณทำ มีเพียงอย่างเดียวคือ การปกป้องอำนาจนิยมของครู กลไกราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ ตลอดจนระบอบอันฟอนเฟะที่ไม่รู้จักตายของการปกครองนักเรียนภายใต้ระเบียบเสื้อผ้าหน้าผม”


โดยเฉพาะดาวอภิปรายของกลุ่ม #นักเรียนเลว คนหนึ่ง ชั้น ม.๖ จากเชียงใหม่ รู้กันในชื่อเล่น น้องเมนูผู้แต่งหน้าเป็น หุ่นยนต์มีความหมายในเชิงสัญญลักษณ์ว่า พวกเราจะไม่เป็นหุ่นยนต์ให้ผู้ใหญ่ของรัฐบาลเผด็จการนี้ เชิด อีกต่อไป

แม้กระทั่งการแต่งกาย สวมเสื้อนักเรียนหญิง นุ่งกางเกงนักเรียนชาย แสดงถึงการสนับสนุนเสรีภาพในทางเลือกแห่งเพศสภาพ ว่าเธอสนับสนุนสิทธิ ‘LGBTQ’ เป็นตัวของตัวเอง แม้นว่า รมว.จะแสดงความกล้า ออกจากกะเปาะมาโต้เถียงกับเด็ก

แต่คำพูดโต้แย้งกับนักเรียนของเขากลับเป็น “คำตอบโง่ๆ...ที่ปราศจากความคิดของเขาหลายๆ อัน ก็สะท้อนวิธีคิดของพวกสนับสนุนอำนาจเผด็จการทั้งหลาย” ยกตัวอย่างที่ณัฏฐพลพูดถึงการบังคับนักเรียนสวมเครื่องแบบ “มีไว้เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน” เอง

“มันช่วยให้แยกออกว่า ใคร นร.ใครไม่ใช่ และดูแลกันได้ชัดเจนมากขึ้น” อดีต กปปส.ที่พูดถึง นกหวีด ว่ายังมีอยู่ที่บ้านเยอะแยะ พยายามแถแต่ไปสะดุดขาตัวแทนนักเรียนที่ตอกกลับว่า “ชุด นร.ไม่ใช่เสื้อเกราะ ไม่ได้ทำให้ นร.ปลอดภัยได้”

ไม่เท่านั้น คอมเม้นต์นอกรายการบอกว่าสมัย ๖ ตุลา พี่ๆ นักศึกษาก็สวมเครื่องแบบนักศึกษากันเต็มที่ชุมนุม ไหงยังโดนรุมยิงประดุจนกในกรงล่ะ อีกทั้งกับแนวคิดประชาธิปไตยสากลที่ว่า ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ให้ลาออกไป

ณัฏฐพลกับมองเห็น เงื่อนไข ในข้อเรียกร้องอันนี้ของการชุมนุม #หนูรู้หนูมันเลว ว่าเป็นการ คุกคาม ส่วนบุคคล ไปเสียฉิบ อ้าง “ผมพยายามแก้ไขปัญหา กระทรวงศึกษาฯ ทั้งกระทรวงพร้อมขับเคลื่อนให้ทันสมัย...แล้วยังคิดว่าควรไล่เราออกไปเหรอ”

ใช่สิ อยู่ในตำแหน่ง กินเงินเดือนจากภาษีที่เก็บจากประชาชน แม้คนตั้งเข้ามาจะเป็นเผด็จการ ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อไม่ยอมทำงานสนองเสียงเรียกร้องของประชาชน แล้วจะเก็บไว้ทำไร เอาแค่สามข้อที่นักเรียนเรียกร้อง

“หยุดคุกคามนักเรียน ยกเลิกกฏระเบียบล้าหลัง และปฏิรูปการศึกษา” หากทำไม่ได้ ไม่ยินดีที่จะพิจารณาตัวเอง ก็เป็นจรเข้ขวางคลองแบบเดียวกับที่คณะยึดอำนาจต้องการอยู่ต่อนานๆ ทั้งเล่นแร่แปรธาตุและตบตา อ้างมาจากการเลือกตั้ง หน้าไม่อาย


และซึ่งเป็นความสุดยอดของการชุมนุมครั้งนี้ อยู่ที่พวกนักเรียนเลวของผู้ใหญ่ชั่ว จัดการออกระเบียบ ๑๐ ประการสำหรับ ผู้ใหญ่เอ๋ยผู้ใหญ่ดี ให้เป็นหน้าที่ต้องปฏิบัติ หลายอย่างในนั้นน่าประโคม ได้แก่ “มีวิจารณญาน วาจานั้นไม่แดกดัน...

วางใจให้เป็นกลาง ฟังผู้น้อยดูบ้าง (หาก) มีอัตตา (ก็) จงขจัด (เสีย) และ ทำตนให้น่าเอาอย่าง รู้จักขอโทษบ้าง ไม่สร้างแต่ปัญหา” อีกทั้งขาดไม่ได้แต่ละม็อบนักเรียนล้วนแต่แสดงภูมิปัญญาชนิดไม่เห็นมีใน ผู้ใหญ่นักเป่านกหวีดปิดกรุงเทพฯ

ก็คือ การชูหนังสือวิชาการ อันเป็นแก่นแท้ของระบอบประชาธิปไตย ที่ผ่านมามีการแนะหนังสือ สามัญสำนึก ของธอมัส เพน ให้ตำรวจอ่าน มาวานนี้มีชูหนังสือ ประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ของ ธงชัย วินิจจะกูล

นักอ่านหนังสือการเมืองซีเรียสหลายคนยอมรับว่า ถ้าเด็กรุ่นนี้อ่านเล่มนี้กันละก็ “Finally, there’s a light at the end of the tunnel.” (kaewmala @Thai_Talk) ของการเมืองไทย

(https://www.facebook.com/PhattitaCheraiem/posts/1747230002103018 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2535462983413245)