วันพุธ, กันยายน 09, 2563

‘มาช้า’ ย่อมไม่เป็นไร เพื่อไทย ‘ก้าว’ ไปมากกว่าเดิม เสนอแก้ รธน.เป็นชุดโตก


เป็นธรรมดาของการ มาช้า ย่อมไม่เป็นไร ข้อสำคัญอยู่ที่ว่ามาทันเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานไหม มาแล้วมีอะไรมาด้วยเท่าไหร่ ยินดีด้วยกับพรรคเพื่อไทยที่พลิกตัวได้ทันการณ์ เปลี่ยนจากแค่แก้ รธน.มาตรา ๒๕๖ มาพร้อมสำรับโตกชุดใหญ่

ทีมบริหาร พท.ตั้งโต๊ะเรียงหน้าแถลง “ขอเชิญชวนพรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภา ร่วมลงชื่อขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ” ถกเพิ่มเติมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อจากการพิจารณาญัตติเสนอตั้ง สสร.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ๒๓-๒๔ กันยา

ชุดโตกของเพื่อไทยประกอบด้วย ๑.แก้ไขมาตรา ๒๗๒ เพื่อยกเลิกอำนาจวุฒิสภาในการคัดเลือกนายกฯ และเพิ่มเติมวิธีได้มาซึ่งนายกฯ จากบัญชีของพรรคการเมืองแห่งละสามคน ด้วยการให้เสนอบุคคลที่เป็น ส.ส.อยู่แล้วด้วย

พรรคเพื่อไทยยัง ก้าวไปมากกว่าเดิม ด้วยข้อเสนอยกเลิกอำนาจ สว.ตามมาตรา ๒๗๐, ๒๗๑ อันเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศและเรื่องการลงโทษผู้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กับการแก้ไขมาตรา ๒๗๙ บทเฉพาะการของ รธน.ฉบับ ออกแบบเพื่อพวกเรา นี้

คลับคล้ายคลับคลาว่ามาตรา ๒๗๙ นี้ ปิยบุตร แสงกนกกุล แห่ง คณะก้าวหน้าได้ให้ไอเดียไว้นานแล้ว แต่พรรค ก้าวไกลยังไม่ได้เอาไปมัดรวมกับข้อเสนอแก้มาตรา ๒๗๒ ที่บัดนี้ได้เสียงสนับสนุนพอยื่นญัตติ จากสี่พรรคฝ่ายค้านและกบฏประชาธิปัตย์ ๙๙ เสียง

อีกก้าวของเพื่อไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมถึงการแก้ไขระบบเลือกตั้ง แบ่งสรรปันส่วนซึ่ง ดีไซน์มาให้มี ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรหลากหลายจนเป็นเบี้ยหัวแตก ให้พวกสืบทอดอำนาจ คสช.สามารถตักช้อนและ ดูดจนได้ครองเมืองต่อสำเร็จ

หลักใหญ่ในกรณีนี้ที่สมุน คสช.จนแต้มตนเอง ทำให้พรรคพลังประชารัฐเองก็อึดอัดขัดสน กับการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเหมือนกัน หลังจากที่ดูดและตัดช้อนจนเป็นพรรคใหญ่ แล้วติดเพดาน โตเกินไปไม่ได้เหมือนเหมือนกับพรรคเพื่อไทย

จึงต้องยกเลิก ม.๘๘, ๘๓, ๘๕, ๙๐, ๙๑ และ ๙๔ กลับไปใช้บัตร ๒ ใบ ตามแนว รธน.๔๐ ซึ่งก็อาจจะทำให้ดูจิ้มลิ้ม น่าลอง สำหรับพรรคใหญ่อย่างพลังประชารัฐก็ได้ มาดนี้ทำให้เพื่อไทยดูมีเชิง บินสูงจนพันธุ์แท้ในพรรคใช้ บลัฟพวกก้าวไกล


หากไม่พูดถึงการชิงดีชิงเด่นระหว่างสองแควประชาธิปไตย รุ่นเก๋าฟันปลอมกับรุ่นกะเตาะฟันน้ำนม ก็คงจะโลกสวยไปหน่อย จากเหตุที่เกิดกับเลขาฯ พรรคก้าวไกล จน “น่าเสียใจ ที่ฝ่ายที่นำเรื่องนี้มาโจมตี...กลายเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเสียเอง”

เกี่ยวกับ “ข่าวเขียนรวบรัดจนทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน” ว่า ชัยธวัช ตุลาธน สนับสนุนข้อเสนอนายกฯ คนนอกของอาทิตย์ อุไรรัตน์ นั้นเป็นธรรมชาติของความพยายามก้าวไปข้างหน้าให้ทันโลกทันรุ่น ย่อมต้องเกิดการเบียดทางกันบ้าง

ตราบเท่าที่ไม่มีการตั้งหน้าขัดแข้งขัดขากัน ไหนๆ กก.ก็ก้าวมาไกลในทิศทางที่มุ่งมั่นและควรเป็น ในการผลักดันการเมืองผ่านระบบเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมจริงๆ เริ่มด้วยการสกัดกั้น คสช.สืบทอดอำนาจผ่านทางองค์กร สว.ตู่ตั้ง

ในเมื่อเพื่อไทย ยะโสเกินไปที่จะให้การสนับสนุนแนวทางแก้ ม.๒๗๒ ของก้าวไกลแต่แรก ทำให้ก้าวไกลเปิดรับความร่วมมือจาก ๑๓ พรรค ทั้งฝ่ายค้านด้วยกันและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วน จนเป็นผลสำเร็จได้เสียงเพียงพอต้องการ

ขณะที่แม้จะมี สว.บางคนออกตัวร่วมหัวจมท้ายด้วย แต่สุดท้ายพอเห็นเป็นประจักษ์แล้วว่า ตู่ตั้ง ก็ยังรอ ตั้งตู่ อยู่ดี ในเมื่อคำอ้างว่ามี สว.กลุ่มอิสระ ๖๐ คนนัดประชุมหารือเพื่อสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๒ ไม่เกิดขึ้น

เนื่องเพราะ สว.เหล่านั้น “เกรงว่าจะมีสื่อมวลชนมาติดตามจำนวนมาก และไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน” ถึงขั้นนี้แล้วยังกลัวว่าสื่อมวลชนจะรู้จักหน้าค่าตาอีกละก็ แสดงว่ามิได้มีใจมุ่งมาดกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าที ยะโสของแกนคนหนึ่ง

กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่อยากเรียกว่าการประชุมนัดนี้ วงแตก แต่ ส.ว. หลายคนไม่ถนัดออกสื่อ กลัวเจ็บตัว” และ “ถ้าให้พูดกันตรง ๆ อำนาจจะแก้หรือไม่แก้ ก็อยู่ที่ ส.ว. ๑๐๐ % และถ้าใช้ม็อบมากดดัน ก็ไม่มีผลการตัดสินใจ”

นี่ละ การเมืองไทยที่วิถีประชาธิปไตยลุ่มๆ ดอนๆ ถูกล้มล้างบ่อยครั้ง ฟื้นได้บ้างบางคราวก็เพียงครึ่งๆ กลางๆ ก็เพราะยังมีระบบอุปถัมภ์ ศักดินา และอาวุโสแฝงในเลือด หากมีรุ่นพี่รุ่นน้อง รุ่นใหญ่รุ่นเล็กไม่เหือดหายละก็ วงจรอุบาทว์ไม่มีทางขาดสาย

(https://www.bbc.com/thai/54073856?Ye4Y, https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/3603731369659775CO%2CP-y-R และ https://www.matichon.co.th/politics/news_2339592)