วันพฤหัสบดี, มกราคม 02, 2563

"พอพวกเดียวกันพูดละก็ฟัง เรื่องไม่ให้ทหารมาเป็น สว."


มันเป็นเสียอย่างนี้แหละนาย (และนาง) พอพวกเดียวกันพูดละก็ฟัง เรื่องไม่ให้ทหารมาเป็น สว.นี่พรรคอนาคตใหม่พูดมาแต่อ้อนแต่ออกเมื่อตั้งพรรคใหม่ๆ แม้ตอนนั้นไม่เอาทั้งกระบิ คือแก้ที่มาให้เป็นเลือกตั้งล้วน หรือยุบเหลือแค่สภาเดียว ก็เพราะไม่ต้องการให้ตั้งทหารมานั่งหน้าสลอน

“ชวน หลีกภัย เชือดสภาทหารเกณฑ์ ชี้ผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพไม่ควรเป็นวุฒิสมาชิกโดยตำแหน่งอย่างปัจจุบัน ระบุต้องโละทิ้ง ขัดหลักประชาธิปไตย ยืนยันรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องแก้...ที่แน่ๆ ผบ.เหล่าทัพต้องไม่เป็น ส.ว.” (@sirotek)

พอตอนนี้ “พระเอกมาละ” อย่างที่ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ อนค.เหน็บไม่มีผิด “พูดเอาหล่อ แต่ก็เป็นพระเอกในทางที่ดี” ดัง ชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าฯ ชี้ ถึงอย่างนั้นก็ยังทำได้ยาก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้ไม่ให้แก้ได้ง่ายๆ

จนเหลือตัวเลือก ๒ ทาง “คือการปฏิวัติรัฐประหาร และประชาชนลุกขึ้นมาฉีกเอง” เขาจึงเสนอให้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล “ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน...แม้คนที่ชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่ได้ชอบทุกมาตรา และพรรคการเมืองทั้งหมดก็เห็นด้วยที่จะแก้ไข”

มีคนจำได้สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ตอนนั้น พยายามจะแก้ให้ สว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด แต่ถูกศาลรัฐธรรมนวยค้านว่า ทำอย่างนั้น “เป็นความพยายามนำประเทศชาติให้ถอยหลังเข้าคลอง ทำให้วุฒิสภากลับไปเป็นสภาญาติพี่น้อง สภาของครอบครัว และสภาผัวเมีย”

คำวินิจฉัยของศาล ลูกรังครั้งนั้น (ที่ ๑๕-๑๘/๒๕๕๖) อ้างว่าการเลือกตั้งจะทำให้วุฒิสภา “กลายเป็นเพียงเสียงสะท้อนของมวลชนกลุ่มเดียวกัน...สูญเสียสถานะและศักยภาพ” ไม่ได้เป็น “สติปัญญาให้แก่สภาผู้แทนราษฎร” ดังหวัง

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น (แล้วมั้ง) วิษณุ เครืองามให้ความเห็นว่า ทำได้ถ้าเสนอผ่านกรรมาธิการวิสามัญฯ (ที่มีคนของรัฐบาลเป็นประธาน และจำนวนกรรมการมากกว่าฝ่ายค้าน) “เพราะเขาให้ศึกษาทั้ง ๒๗๐ มาตราอยู่แล้ว” ทั่นรองฯ เผยไต๋
 
“ซึ่งหากคณะกรรมาธิการฯ ไม่เห็นด้วย ความเห็นนั้นก็ตกไป แต่หากเห็นด้วยก็สามารถเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาหาแนวทางดำเนินการต่อ” ถ้าผ่านการพิจารณา ๓ วาระแล้วค่อยไปทำประชาพิจารณ์ขั้นต่อไป

สำหรับพรรคอนาคตใหม่ที่เดิมต้องการแก้ไขมาตรา ๒๗๙ ก่อนแล้วตามด้วยมาตรา ๒๕๖ แต่มติฝ่ายค้านทั้ง ๗ พรรคต้องการเริ่มด้วยการแก้มาตรา ๒๕๖ แล้วไปตั้งสภาร่างฯ (สสร.) “ที่เป็นตัวแทนของประชาชนเข้ามายกร่างใหม่”

ขณะที่ตัวประธานสภาฯ นั้นบอกแล้วว่า “ส่วนตัวเป็นคนหนึ่งที่ไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะมีความเป็นประชาธิปไตยน้อยกว่าในอดีต” แต่คงเพราะความชำนาญเกม ชอบแทะโลม ไม่อยากหักโหม ก็เลยขอแค่ “เอาบางส่วนออกไป

เช่น การบรรจุให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพต้องเป็น ส.ว.” เพราะ “ในทางประชาธิปไตยไม่ควรไปกำหนดให้ทำเช่นนั้น...มองว่าโดยหลักไม่เคยมีการระบุว่า ส.ว.โดยตำแหน่งเช่นนี้ เพราะถ้าจะเลือกคนเข้ามาก็ควรเป็นระบบอื่น”


ข้อสำคัญทั่นประธานฯ ตั้งท่าย้ำแล้วว่า “ขออย่าไปคิดเรื่องล้มรัฐธรรมนูญ แต่ควรคิดว่ามาร่วมมือกัน เพื่อให้รัฐธรรมนูญมีประสิทธิภาพ” ซึ่งก็ตรงกับที่รองหัวหน้าพรรค อนค.คาดหวัง ทั้งที่ “บางส่วนห้ามไว้ แต่เราเพิ่มเติมได้”