วันเสาร์, ตุลาคม 08, 2559

ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของประเทศนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ '6 ตุลา 19'





....6..ตุลาคม..2519..ในเย็นวันนั้น..หลังจากผมรอดจากการถูกล้อมปราบมาได้จากการช่วยเหลือของชาวบ้านในชุมชนริมน้ำข้างวัดมหาธาตุ..ในตอนเย็นผมก็กระเซอะกระเซิงจนถึงบ้านเช่าแถบห้วยขวาง..อยู่แต่พี่สะไภ้..ซึ่งต้องดูแลลูกอ่อนอยู่ที่บ้าน..ส่วนพี่ชายไม่อยู่เพราะออกไปตามศพผมตามโรงพยาบาล

..ขณะนั้นก็มีประกาศการยึดอำนาจการปกครอง..โดยคณะทหาร..ที่นำโดยผู้บัญชาการ..สูงสุดในตอนนั้น..สักครู่พี่ชายผมก็กลับมาและได้พบผมซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่..พี่ชายผมต้องแปลกใจกับชุดที่ผมสวมใส่..เพราะเสื้อผ้าที่สวมอยู่นั้นไม่ต่างกับคนงานก่อสร้าง..พร้อมพูดกับผมว่า.."..นี่ดีน๊ะ..ที่ยังมีไหวพริบ..รู้จักปลอมตัว.."..พร้อมกับหัวเราะที่ขำในชุดที่ผมสวมใส่..และคงจะปลอบใจผมไปด้วยในตัว.. 

....เมื่อจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ..และจัดการกับอาหารมื้อเดียวของวันนั้นเพราะวันนั้นทั้งวันไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย..เพราะไม่มีเงินติดตัวสักบาท..ลืมไว้ในเสื้อผ้าที่ถอดเปลี่ยน..แล้วจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พี่ชายกับพี่สะไภ้ฟัง..และปรึกษากันว่าผมคงอาจจะอยู่ที่นี่ไม่ได้..เพราะอาจไม่ปลอดภัยต่อครอบครัว..เพราะทางการคงไม่ปล่อยเอาไว้..จากข่าวทางวิทยุเห็นว่ามีการพยายามตามจับตัวผู้นำนักศึกษาในตอนนั้นได้หลายคน..รวมทั้งผู้ชุมนุมที่ถูกจับไปแยกคุมขังในที่ต่างๆด้วยหลายพันคน..ซึ่งพี่ชายผมกำลังจะไปหาผมตามที่คุมขังต่างๆในวันพรุ่งนี้..แต่ผมก็กลับมาเสียก่อน.. 

....ผมถึงแม้จะไม่ใช่คนที่เคลื่อนไหวอย่างมีชื่อเสียงอะไรนัก..แต่ในสถาบันการศึกษาที่ผมเรียนอยู่ก็นับเป็นคนที่มีสีสันพอสมควร..โดยจะรู้กันอยู่ในหมู่อาจารย์ที่ไปอบรมเป็นวิทยากรของ..ก.อ.ร.ม.น..ในตอนนั้น..ว่าใครบ้างโดนแบล็คลิส..นี้คือเหตุผลที่ผมต้องบอกกับพี่ชายและพี่สะไภ้..ว่าผมคงต้องหลบตัวไปก่อนในตอนนั้นเพื่อความปลอดภัย..เพราะอาจจะทำให้ทางบ้านเดือดร้อน..พี่ชายและพี่สะไภ้ผมเห็นด้วยในข้อเสนอของผม.. 

....หลังจากผมหลบออกมาจากบ้านไปพักตามบ้านเพื่อนหรือคนรู้จักที่เคยคุ้นเคย..ตามวัดที่มีเพื่อนเป็นเด็กวัดบ้าง..ออกต่างจังหวัดไปบ้าง..เพื่อรอดูสถานการณ์และติดตามข่าวเพื่อนๆในกลุ่มผมว่ามีใครถูกจับไปบ้างแต่ที่รู้ๆมีเพื่อนในกลุ่มผมถูกจับไปหลายคน..รวมทั้งเพื่อนที่ผมทักท้วงให้ทิ้งของรักของหวงของคุณพ่อ..ขณะที่ลอยคอกันอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย..เพราะหลังจากผมเปลี่ยนชุดเป็นชุดคนงานก่อสร้างแล้ว..ผมยังไม่รีบไปใหนยังคงวนเวียนดูสถานการณ์อยู่แถววัดมหาธาตุ..เพื่อดูว่ามีใครเสียชีวิตไปบ้าง..และได้เห็นเพื่อนผมกลุ่มนี้ถูกจับอยู่ในวัดมหาธาตุ..ภายใต้การควบคุมของพระชื่อดัง..เจ้าของวลี.."..ฆ่าคอมมูนิสต์ไม่บาบ..". 

....หลังจากผมหลบออกมาจากบ้านไม่นาน..ระหว่างนั้นผมได้ติดตามข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์บ้างซึ่งเป็นข่าวอยู่หลายวัน..และติดตามข่าวสารทางวิทยุ..บี.บี.ซี..บ้าง..ซึ่งในตอนนั้นออกอากาศเป็นภาคภาษาไทย..ผมมีโอกาสได้พบพี่ชายอีกเพียงไม่กี่ครั้ง..และสิ่งคิดไว้ก็เป็นความจริง..คือที่บ้านผมเริ่มมีคนแปลกหน้ามาถามหา..จากการบอกเล่าของพี่ชาย.. .

..."..ผมคงกลับไปบ้านอีกไม่ได้แล้ว.."..เป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมพูดกับพี่ชายของผมก่อนผมจะหันหลังให้พี่ชายของผม..พร้อมกับคำถามของพี่ชายผมที่ไล่หลังมาว่า.."..แล้วแกจะไปอยู่ที่ใหน..?.."..แต่ผมกับเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้น..เพราะคำตอบมีอยู่ในใจของผมแล้ว.. 

....ผมเลือกที่จะไปอยู่บ้านใหม่ของผม..ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ในเขตป่าเขา..โดยไม่มีโอกาสได้รำลา..พ่อและแม่ที่ต่างจังหวัด..รวมทั้งน้องๆของผมด้วย..ลาก่อน..หากผืนดินไม่กลบหน้าลงเสียก่อน..ลูกชายคนนี้จะกลับมา..!? .................................................... 

....พิราบเมือง..ปีกอาบเลือด..ที่เหือดแห้ง.. .บินโรยแรง..สู่ป่ากว้าง..เพื่อเกิดใหม่.. .เปี่ยมความหวัง..เปลี่ยนปีกทอง..อันอำไพ.. .ด้วยหวังไทย..หลุดพ้นทาส..ชาติเสรี..