ที่มา มติชนออนไลน์
7 พ.ค. 59
การปรากฏตัวของ “เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง”เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม
มี “ผลสะเทือน” ไม่อย่างนั้น 2 พล.ต.จาก”ทำเนียบรัฐบาล” กับ 1 พ.อ.จาก”คสช.” คงไม่ตั้งแถวหน้าดานเรียง 1 ออกมาประสานเสียง “โต้”
ยิ่งกว่านั้น นายดอน ปรมัตถ์วินัย เจ้ากระทรวงการต่างประเทศก็มิอาจนิ่งเฉย จำเป็นต้อง “ชี้แจง”
แม้ “น้ำเสียง” อันมาจากทำเนียบรัฐบาล อันมาจากกระทรวง การต่างประเทศ อันมาจากคสช.จะสอดรับกัน “ไม่ห่วง ไม่กังวล”
แต่การที่ 3 หน่วยงานสำคัญทั้งของ “คสช.” และ “รัฐบาล”เปิดปฏิบัติการในลักษณะ “สนธิ” กำลังเช่นนี้
สะท้อนว่า”ห่วง” สะท้อนว่า”กังวล”
ถามว่า “ปัจจัย” อะไร ทำให้เกิดความกังวลเป็นอย่างสูงมาจากทำ เนียบรัฐบาล มาจากคสช.
คำตอบ 1 เพราะเป็น “นักวิชาการ”
ทั้งยังมีได้เป็นนักวิชาการกระจอกๆ ประเภท”ไร้นาม”ในแบบจอมยุทธ์เร่ร่อน พเนจร
ตรงกันข้าม มากด้วย”เกียรติภูมิ”
ดร.อนุสรณ์ อุณโณ ก็เป็นถึงคณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ก็มาจาก”เคมบริดจ์”
ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย ก็เพิ่งเสนอบทความวิพากษ์”ขุนนาง นักวิชาการ”ในวาระ 100 ปี ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์
ยัง ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ ก็เจนจบตั้งแต่ก่อน 14 ตุลาคม
ยิ่งกว่านั้น คำตอบ 1 อันล่อแหลมและแหลมคม ละเอียดอ่อน อย่างยิ่งในทางการเมือง
นั่นก็คือ เป็นการยื่นหนังสือถึง “UNOHCHR”
นั่นก็คือ สำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสประชาชาติ อันเป็น”เจ้าเก่า”
เจ้าเก่าพอๆกับ “แอมเนสตี้”
เหมือนกับการออกมา “ตอบโต้” จากทำเนียบรัฐบาล จากคสช.จะเป็นการทะลวงไปยัง “จุดอ่อน”
จุดอ่อนในเรื่อง “ข้อเท็จจริง”
กระนั้น ก็ต้องยอมรับในอหังการ มมังการ อันละเอียดอ่อนยิ่งของ “นักวิชาการ”
เรื่อง “ข้อเท็จจริง” เป็นเรื่องที่ “ยอมไม่ได้”
เมื่อเล่นกันในเรื่อง “ข้อมูล” เล่นกันในเรื่อง”ข้อเท็จจริง”เหล่านักวิชาการชอบอย่างยิ่ง
ชอบ”วิวาทะ”ในเชิง”วาทกรรม”