วันอังคาร, พฤศจิกายน 29, 2559

'ธรรมชโย : เมื่อพุทธวัตถุถูกไล่ล่าในยุคคลั่งธรรมะ' - จับธัมมชโยได้แล้วธรรมกายจะเสื่อมหรือ? (ใบตองแห้ง)




https://www.facebook.com/VoiceTVonline/videos/10155781126284848/

.....

ธรรมกายกับหลวงพ่อคูณต่างกันตรงไหน? ตรงที่หลวงพ่อคุณเอาเงินไปสร้าง ร.ร. รพ. สร้างวัด แต่สำหรับคนที่เอาโฉนดไปให้เหยียบ ก็คือพุทธยุค "อยากรวย" เหมือนกัน ทำบุญแล้วขอให้รวยๆๆ

ธรรมกายเกิดมาเมื่อสังคมไทยเปลี่ยนสู่ทุนนิยมโลกาภิวัตน์ คำสอนแบบเดิมเริ่มห่างไกลจากสังคมที่อยากรวยๆๆ รัฐก็ขายฝันความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจการเมือง โชติช่วงชัชวาล นิคส์ คณะสงฆ์ก็เริ่มเสื่อม จึงเกิดสำนักใหม่ๆ ที่บางรายก็สวนโลกาภิวัตน์แบบสันติอโศก แต่ธรรมกายรุ่งเรืองด้วยการขายธรรมะให้คนชั้นกลาง ใช้การตลาด ใช้เทคโนโลยี และอิงอำนาจ ทั้งรัฐทั้งนักการเมืองทั้งมหาเถร

แต่เมื่อสังคมไทย รัฐไทย ล้มเหลว ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง ตั้งแต่ปี 40 เราเริ่มเห็นคนหวนหาหนังสือพระ พุทธทาส ท่านปัญญา (เต็มตู้) ยิ่งถึงปี 49 ที่เกิดรัฐประหาร เผด็จการศีลธรรม คนชั้นกลางผิดหวังกับรัฐบาลทักษิณที่เคยหวังว่าจะนำประเทศพุ่งทะยาน นับจากนั้น ประเทศไม่ได้มีความหวังอะไรอีก จึงต้องเอาธรรมเข้าขย่ม โดยเฉพาะเมื่อรัฐจารีต อำนาจอนุรักษ์ กลับมาครองอำนาจ จึงเกิดแนวโน้มของการที่รัฐ (ล้มเหลว) พยายามดึงศาสนาและคณะสงฆ์ (เสื่อม) เข้ามาเป็นกลไกอำนาจ ขณะที่สงฆ์ก็หวังพึ่งอำนาจรัฐเช่นกัน เพียงแต่ยังลักลั่นกันเรื่องธรรมกาย ซึ่งฝ่ายรัฐต้องการปัดกวาดให้สุดสวยกระทั่งร่างรัฐธรรมนูญ "พุทธเถรวาท" ต้องมีหนึ่งเดียวเท่านั้น

คำสอนธรรมกายน่ะ เพี้ยนแหง แต่รัฐเพี้ยนๆ กับพวกสุดโต่งทางการเมืองศีลธรรม ไม่มีทางกำจัดธรรมกายได้ หรือกำจัดได้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น พุทธกระแสหลักวันนี้มี 2 พวก คือพุทธพาณิชย์ กับพุทธ "ของกู" กูปฏิบัติธรรมแล้วกูต้องดีกว่าคนอื่น


Atukkit Sawangsuk


ooo

จับธัมมชโยได้แล้วธรรมกายจะเสื่อมหรือ?


“ใบตองแห้ง” ชี้ แม้จับพระธัมมชโยได้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนความนิยมศรัทธาของศิษยานุศิษย์ และการตีความศาสนาในแบบของธรรมกาย พร้อมตั้งคำถามกลับ ทำไมพุทธไทยจึงพยายามให้เหลือแค่พุทธเถรวาทเท่านั้น

นายอธึกกิต แสวงสุข หรือ “ใบตองแห้ง” นักวิเคราะห์ข่าวประจำวอยซ์ทีวีกล่าวในรายการ “ใบตองแห้งออนแอร์” ระบุว่า แม้พรุ่งนี้จะครบกำหนดที่ดีเอสไอจะสั่งฟองพระธัมมชโยในคดีรับของโจรและร่วมกันฟอกเงินจากกรณีรับเงินบริจาคจากอดีตประธานสหกรณ์คลองจั่นแล้วก็ตาม แต่คำถามคือสรุปแล้วทำลายธรรมกายได้หรือไม่

ทั้งนี้นายอธึกกิตระบุว่าอย่างไรก็ตามแนวคิดของคนที่เข้าหาวัดและหวังความร่ำรวยนั้นมาพร้อมกับยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งทุนนิยมรุ่งเรือง ราคที่ดินพุ่งพรวดพราดจากนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ส่วนวงการสงฆ์ของไทยก็เผชิญความท้าทายในยุคทุนนิยมโลกาภิวัฒน์แพร่หลาย เป็นสังคมและรัฐที่ขายฝันในการก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่จะเจริญรุ่งเรือง รัฐพึ่งศาสนาน้อยลงหันมาขายฝัน ขณะที่ศาสนาเองก็เริ่มเป็นปรับเปลี่ยน และบุญเริ่มกลายเป็นสินค้า

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 พ.ย. อัยการคดีพิเศษมีคำสั่งสั่งฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้ต้องหาที่ 1 นางสาวศรัณยา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 และนางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 4 และสมควรสั่งฟ้อง พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) ผู้ต้องหาที่ 2 และนางศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร โดยจะส่งตัวส่งฟ้องในวันที่ 30 พ.ย.2559

มีอะไรน่ารู้เกี่ยวกับการฟ้องร้องพระธัมมชโยบ้าง

การตั้งพระสังฆราช สมเด็จช่วง ซึ่งมีสมณสูงสุดขณะนี้ และมติมหาเถรสมาคมเสนอพระนามต่อคณะรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชไปเมื่อเดือน ม.ค.

มีการยกประเด็นเรื่องทรงถือครองรถโบราณผิดกฎหมาย ร้องดีเอสไอเพื่อเอาผิด และชี้ว่าขาดคุณสมบติในการดำรงตำแหน่งพระสังฆราช

แต่ประเด็นที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ก็คือความกลัวสายธรรมกาย

ขณะที่สมเด็จช่วงถูกไล่ล่าด้วยประเด็นรถโบราณ ซึ่งดูเหมือนจะมีหลวงพี่น้ำฝนเป็นผู้ออกมารับแทนแล้ว โดยระบุว่าตัวเองเป็นคนจัดการทุกอย่าง แต่อีกทางก็มีการเล่นงานพระธัมมชโยในข้อหารับของโจร คือเงินบริจาคจากสหกรณ์คลองจั่นซึ่งถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินสมาชิกไปกว่า 12,000 ล้านบาท บางสำนักบอก 16,000 ล้าน

เมื่อดีเอสไอตรวจสอบแล้วพบว่านายศุชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้เป็น “ศิษย์เอก” ระดับ “อัครสาวก” ของวัดพระธรรมกาย ออกเช็คจ่ายให้วัดธรรมกาย-พระธัมมชโย กว่า 800 ล้านบาท

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้การดำเนินคดีต่อนายศุภชัยกับพวกว่าร่วมกันยักยอกทรัพย์สหกรณ์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมาได้ออกหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระในวัดพระธรรมกายที่มีรายชื่อปรากฏเป็นผู้รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในการรับเช็คนี้ในช่วงปี 2552-2555 เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนแล้ว

นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินของสหกรณ์ไปกว่า 16,000ล้านบาท ได้ชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่าได้นำเงินส่วนหนึ่งของสหกรณ์ฯ ไปบริจาคแก่วัดพระธรรมกายกว่า 1,000 ล้านบาทว่า ได้นำเงินของสหกรณ์ไปบริจาคให้วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย เจ้าอาวาสจริง แต่เป็นลักษณะของการยืมเงิน ที่ผ่านมาได้คืนเงินให้สหกรณ์ครบถ้วนแล้ว โดยมีหลักฐานเป็นรายงานของผู้สอบบัญชีประจำปี ซึ่งมีมติรับรองของที่ประชุมใหญ่ในปี 2552 และ 2553 ตนยืนยันว่าข้อกล่าวหาที่ว่าตัวเองได้ทำการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์นั้น พระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

นายศุภชัยกล่าวอธิบายโดยยืนยันกระแสข่าวว่าได้ปล่อยสินเชื่อให้ประชาชนนำเงินไปทำบุญกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งเขาถือเป็นเรื่องปกติในธุรกิจสหกรณ์ที่มีการปล่อยสินเชื่อให้แก่สมาชิก แต่จะไม่มีทางรู้เลยว่าแต่ละคนจะกู้ยืมเงินไปทำอะไรบ้าง

ทางวัดธรรมกายอธิบายว่า ได้รับมาแต่คืนไปแล้ว และที่รับมานั้นเป็นการรับเงินบริจาค

2 เม.ย. 2559 กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ออกหมายเรียกพระธัมมชโยโดยระบุเอาไว้ชัดเจนว่า “กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร”

พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักงานคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ระบุว่าเป็นการ ออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหา เพื่อให้เข้ารับทราบข้อหา โดยคดีนี้ในชั้นสอบพยาน พระธัมมชโยให้พระรูปอื่นมาให้ปากคำแทน แต่คดีนี้มีผู้มาแจ้งข้อกล่าวหา โดยระบุให้ดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ดีเอสไอจึงต้งอออกหมายเรียก

พระธัมชโยไม่มาตามหมายเรียก จนครบกำหนดเวลา แล้วดีเอสไอไปขอหมายค้นจากศาล เข้าไปค้นวัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2559แต่ล้มเหลว มีศิษยานุศิษย์ไปคุ้มกันตั้งแต่ประตูและมีการสวดมนต์ภายในวัด

Quote เด็ด จากเหล่าศิษย์คือ คณะศิษย์ธรรมกายได้แถลงการณ์โดยระบุว่า พระธัมมชโย จะยอมมอบตัวต่อเมื่อประเทศชาติกลับสู่สภาวะปกติ และเป็นประชาธิปไตย

"ข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอกระทำต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อมีอายุความถึง 15 ปี การที่จะรอให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติในระบอบประชาธิปไตยซึ่งก็ใกล้จะถึงอยู่แล้วตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนและประชาคมโลก จึงไม่ได้เป็นการล่าช้าต่อการดำเนินคดีและเกิดความเสียหายต่อรูปคดีแต่อย่างใด" แถลงการณ์ระบุ

ที่มา

http://news.voicetv.co.th/thailand/437016.html