วันอาทิตย์, ธันวาคม 07, 2568

ย้อนเส้นทาง(คนดีย์) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ จากอดีตผบ.ทบ. – สนช. – สว.ชุดพิเศษ สู่รองเลขาธิการพระราชวัง






iLaw
Yesterday
·
ย้อนเส้นทางพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ จากอดีตผบ.ทบ. – สนช. – สว.ชุดพิเศษ สู่รองเลขาธิการพระราชวัง
.
พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ หรือ “บิ๊กแดง” ตกเป็นที่พูดถึงในหน้าสื่อจากการถ่ายภาพร่วมเฟรมกับเบน สมิธ หนึ่งในผู้ที่คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดและอายัดทรัพย์จากกรณีเครือข่ายสแกมเมอร์ โดยพล.อ.อภิรัชต์ แจงความสัมพันธ์ว่าไม่ได้สนิทสนม แต่รู้จักแบบ “ผิวเผิน”
.
ภาพถ่ายดังกล่าว ถ่ายเมื่อปี 2557 ขณะนั้นพล.อ.อภิรัชต์รับราชการทหารอยู่ แต่เส้นทางชีวิตของ “บิ๊กแดง” ไม่ได้จบที่กองทัพบกเท่านั้น เขายังมีบทบาทเกี่ยวพันกับรัฐบาลคณะรัฐประหารปี 2557 เป็นสมาชิกสภาแต่งตั้ง ต่อเนื่องมาเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดพิเศษโดยตำแหน่ง หลังเกษียณอายุราชการ ก็ได้รับบทบาทใหม่เป็นรองเลขาธิการราชวัง และรองผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
.
ลูกชายอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร 2534
.
พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เกิดและเติบโตมาในครอบครัวของ “ทหาร” เป็นบุตรชายคนโตของพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ หรือ “บิ๊กจ๊อด” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และอดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ผู้นำรัฐประหารเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ยึดอำนาจจากรัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ การรัฐประหารในครั้งนั้น รสช. อ้างเหตุผลผ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เรื่อง คำชี้แจงเหตุผลการเข้ายึดและควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศว่าคณะผู้บริหารประเทศมี “พฤติการณ์การฉ้อราษฎร์บังหลวง”
.
หลังพล.อ.สุนทรเสียชีวิต ก็เกิดกรณีพิพาทเรื่องทรัพย์มรดกและพินัยกรรมเนื่องจากคุณหญิงอรชร คงสมพงษ์ อดีตภรรยา และบุตรชายทั้ง 2 คนยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนพินัยกรรมและเรียกคืนทรัพย์สินมูลค่ารวม 3.9 พันล้านบาท ผลสุดท้ายฝั่งอดีตภรรยาและฝั่งคู่สมรสใหม่ก็ทำสัญญาประนีประนอมกัน โดยฝั่งอดีตคู่สมรสและทายาทของพล.อ.สุนทร ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสด 21 ล้านบาท และ ที่ดิน จ.จันทบุรี จำนวน 21 ไร่ 2 งาน 77 ตารางวา
.
อดีตผบ.ทบ. – สนช. – เลขาธิการคสช.
.
เช่นเดียวกันกับผู้เป็นบิดา พล.อ.อภิรัชต์ก้าวเข้าสู่การรับราชการทหารและเคยได้รับตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง หลังการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อปี 2557 อภิรัชต์เข้ามามีบทบาทในแวดวงการเมืองผ่านการเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือ “สภาแต่งตั้ง” โดยคสช. มีอำนาจหน้าที่โหวตผ่านกฎหมาย เงินเดือนและเงินประตำแหน่งรวมกัน 113,560 บาท/เดือน
.
เดือนกรกฎาคม 2561 ขณะยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ. อภิรัชต์ ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น “นายทหารพิเศษ” ประจำกรมมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการที่อยู่ภายใต้ “ส่วนราชการในพระองค์”
.
1 ตุลาคม 2561 อภิรัชต์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่างผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และในวันเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการ คสช. ซึ่งเทียบได้กับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และแน่นอนว่าได้เงินเดือนเท่ากับตำแหน่งนี้ กล่าวคือ เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งรวมกัน 81,700 บาท/เดือน
.
อดีตสว. แต่งตั้ง โควตา สว. โดยตำแหน่ง
.
หลัง คสช. ปรับบทบาทจากรัฐบาลคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจและเปลี่ยนผ่านสู่การเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขยับตัวสู่สนามการเมืองผ่านการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ ผลปรากฏว่าอดีตหัวหน้า คสช. ได้รับเลือกจากรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้เป็นพรรคที่ครองเก้าอี้มากสุดในสภาผู้แทนราษฎร ปัจจัยหนึ่งเป็นเพราะสว.ชุดพิเศษ ที่คสช. แต่งตั้งเอง มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่มาจากการเลือกตั้ง อำนาจนี้เป็นผลพวงจากบทเฉพาะกาล ของรัฐธรรมนูญ 2560 และการทำประชามติในปี 2559
.
ในสว. แต่งตั้ง 250 คน รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 269 (1) (ค) กำหนดพื้นที่โควตาเล็กๆ ให้ “สว. โดยตำแหน่ง” 6 คน ส่งผลให้พล.อ.อภิรัชต์ ซึ่งเป็นผบ.ทบ. ได้เป็น สว. ควบอีกตำแหน่งไปด้วย รายได้ต่อเดือนของสว. ทั้งเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มอยู่ที่
119,920 บาท/เดือน
.
ด้วยตำแหน่งผบ.ทบ. ที่อาจจะมีภารกิจมาก ผลการทำงาน 1 ปีแรกในฐานะ สว. พล.อ. อภิรัชต์ ติดอันดับ “ขาด” ลงมติมากที่สุดเป็นอันดับที่สอง จากผลลงมติทั้งหมด 145 มติ ขาดไปแล้ว 143 มติ เท่ากับว่าเขามาลงมติแค่ 2 มติเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือการลงมติ พระราชกำหนดโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 เมื่อ 20 ตุลาคม 2562
.
รองเลขาธิการพระราชวัง – รองผู้อำนวยการสำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
.
เมื่อเกษียณอายุราชการตำแหน่ง ผบ.ทบ ในปี 2563 พล.อ. อภิรัชต์ ก็ขยับเข้าสู่บทบาทใหม่ผ่านการเป็นรองเลขาธิการพระราชวัง ระดับ 11 หมายเลข 6 จากพระบรมราชโองการ ประกาศ การเลื่อนระดับข้าราชการในพระองค์ให้สูงขึ้นและปรับโอนข้าราชการทหารและพลเรือน เป็นข้าราชการในพระองค์ ซึ่งเป็นผลมาจากพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 ที่กำหนดให้ “ส่วนราชการในพระองค์” สามารถรับโอนข้าราชการอื่นมาเป็นข้าราชการในพระองค์ได้ตามพระราชอัธยาศัย ถึงแม้ว่า “ส่วนราชการในพระองค์” จะไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่ส่วนราชการ และ “ข้าราชการในพระองค์” จะไม่ใช่ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐตามนิยามของกฎหมายอื่น
.
ทั้งนี้ ตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง เป็นตำแหน่งข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน
.
ปีเดียวกันนั้นเอง พล.อ. อภิรัชต์ ก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรองผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ด้วยอีกตำแหน่ง
.
จากการสืบค้นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งหรือการให้ข้าราชการในพระองค์พ้นจากตำแหน่ง พบว่าเดือนกันยายน 2567 พล.อ. อภิรัชต์ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นายทหารพิเศษ เนื่องจากลาออกจากราชการ ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่เขาได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเมื่อกรกฎาคม 2561 สำหรับตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง จากการสืบค้นในราชกิจจานุเบกษา ยังไม่พบว่าพล.อ. อภิรัชต์พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว

https://www.facebook.com/photo?fbid=1272241151616168&set=a.625664036273886
https://www.ilaw.or.th/articles/56211