รายการ ‘หมาแก่ กับ แมวสาว’ ปูดข้อเท็จจริง เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จากพรรคพลังประชารัฐ ไปยื่นร้อง ปปช.ไว้ก่อนว่า ในฐานะรองประธานยุทธศาสตร์ซ้อพพาวเวอร์ของพรรคเพื่อไทย ‘อุ๊งอิ๊ง’ ถือได้ว่าเป็นเจ้าพนักงานแห่งรัฐ ตาม ม.๔ พรบ.ปปช.หรือไม่
จากนั้นอีกไม่ถึงอาทิตย์ต่อมาไปร้อง ปปช.ต่ออีกว่า อิ๊งกับบิดาไปสังสรรค์กินข้าว/ร้องเพลงกับเจ้าสัวและนักธุรกิจคนสำคัญของไทยหลายคนที่รีสอร์ทแรนโชชาญวีร์ เขาใหญ่ ของอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ตั้งข้อสงสัยว่า “จ่ายเงินเอง” หรือไม่ ถ้าไม่จะเข้าข่าย ม.๑๒๘ วรรค ๑ พรบ.ปปช. ห้ามรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด เสร็จแล้วยังไปย้ำกันเหนียว ยื่นอีกกับ กกต.คราวนี้ประเด็นที่อิ๊งบอกว่าลาออกจากบริษัทในเครือชินวัตรแล้วจริงไหม
กรณีนี้เรืองไกรเล่นแง่ว่า อิ๊งบอกลาออก ๑๕ สิงหา แต่ไปลงทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าวันที่ ๑๙ สิงหา หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ ๑๘ สิงหา อ้าง รธน. ม.๑๘๗ ห้ามรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนหรือลูกจ้างบริษัท
ประเด็นนั้นดูเหมือนจะแพ้ฟาวล์ต้องยกฟ้อง เพราะกฎหมายยอมให้ไปลาออกหลังได้รับแต่งตั้งภายใน ๑๕ วัน แต่กระนั้นก็มีบุคคลนิรนาม ซึ่งดนัย เอกมหาสวัสดิ์ บอกว่ารู้อยู่เป็นใคร ชายร่างสูงผิวขาว ชาวบ้านป่า แต่เขาขออย่าเพิ่งเปิดโปง
กับอีกข้อหา ให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไปประชุมจัดตั้งรัฐบาลกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อ ๑๔ สิงหาคม เท่ากับยินยอมให้ทักษิณ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลภายนอกมาครอบงำพรรค นอกนั้นยังมีอีกสองคำร้องจากชายนิรนามคนนี้
หนึ่ง ให้ถอดถอนอุ๊งอิ๊งจากนายกฯ เพราะเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยที่ปล่อยให้เศรษฐา ทวีสิน แต่งตั้งพิชิต ชื่นบานเป็นรัฐมนตรี ย่อมผิดจริยธรรมร้ายแรงเหมือนกัน กับอีกคำร้องขอให้ กกต.สั่งกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยพ้นตำแหน่งทั้งหมด
ทั้งหลายทั้งปวงนี้เพราะว่า ทุกคนยอมให้ทักษิณ ‘ครอบงำ’ ส่วนที่ทักษิณทำเป็น ‘สม้าร์ทลา’ ว่าไม่ได้ครอบงำแต่ครอบครองนั้น ตีความได้กับอุ๊งอิ๊งคนเดียว แต่เจ้าตัวจะตั้งใจให้หมายถึงทั้งพรรค ก็ต้องไปว่ากันอีกสำนวน
(https://www.google.com/search?q=vid:cx13BOA7g3w0)
